วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 10-6
นับตั้งแต่ตอนนั้น สายตาที่มองตรงมายังมินอาก็เปลี่ยนไป บ้างก็อิจฉา บ้างก็ด่าทอ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พูดว่าเป็นแค่สาวรับใช้จะไปมีอำนาจอะไร แต่มินอาซึ่งเป็นคู่กรณีก็ยังคงรักษาตำแหน่งของตนเองไว้อย่างเด็ดเดี่ยวท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของทุกคน จนกระทั่งรยูฮาที่สลบไปได้สติขึ้นมาดื่มยาสมุนไพร
“หม่อมฉันขอตัวสักครู่นะเพคะ”
มินอาที่ป้อนพุทราชิ้นหนึ่งใส่ปากของรยูฮาหลังจากทานยาสมุนไพรหมดแล้วพูดขึ้นพร้อมกับเก็บถ้วยเปล่า หมอหลวงบอกว่าเกิดอาการเวียนศีรษะขึ้นเพราะเลือดลมไม่ไหลเวียน ดังนั้นนอนพักสักเดี๋ยวอาการก็จะดีขึ้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร เสียงของรยูฮาที่อ่อนแรงเรียกมินอาที่ลุกขึ้นจากที่นั่งให้หยุด
“มินอา”
“เพคะ”
“ขอบใจนะ ทุกอย่างเลย”
มินอายิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะหายตัวออกไปข้างนอก เป็นเพราะฤทธิ์ของยาหรือเปล่า ตาถึงค่อยๆ ปรือลงอีกครั้ง รยูฮาที่ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้สึกตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกตรงท้ายทอย นางรีบตรงไปที่เตียงที่ฮอนนอนอยู่เหมือนเป็นความเคยชิน เลื่อนผ้าห่มออกแล้วเอาหูไปแนบตรงหน้าอก หัวใจของเขากำลังเต้นอยู่อย่างแน่นอนแม้จะเพียงเบาๆ ก็ตาม รยูฮารู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับหยิบหม้อน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แต่ในนั้นกลับว่างเปล่า
“มินอา”
“คือว่า นางยังไม่กลับมาเลยเพคะ”
คงจะพักผ่อนอยู่ที่ที่พักสินะ สายตาของรยูฮาที่กำลังคิดเช่นนั้นมองดูเงาจันทร์ที่วาดลวดลายงดงามบนท้องฟ้า ไม่สิ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่มินอาจะพักผ่อน น้ำเสียงที่ซ่อนความกังวลเอาไว้เอ่ยถามออกไปยังนางในที่อยู่นอกประตูอีกครั้ง
“มินอาไปที่ใดงั้นหรือ”
“คือว่า หม่อมฉันก็ไม่แน่ใจนักเพคะ แต่น่าจะเป็นตำหนักขององค์รัชทายาท…”
ข่าวลือที่องค์รัชทายาทเรียกมินอาให้ไปหาที่ตำหนักด้วยตัวเองแพร่สะพัดไปเป็นเรื่องราวใหญ่โตภายในวันเดียว แต่มีเพียงแค่รยูฮาเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องนั้น ตามข่าวลือนั้น ตอนนี้มินอากำลังนั่งอยู่ในห้องอาบน้ำอันหรูหราในวังมูยอง และกำลังทอดสายตามองมือของตัวเองที่ลอยอยู่ในน้ำอย่างเหม่อลอย ในขณะที่ฝากร่างกายไว้ในมือของเหล่านางในจำนวนมาก
“ชิ”
ซังกุงสูงอายุจิ๊ปากไม่พอใจหลังจากเห็นบาดแผลเต็มตัวของมินอา หากมีรอยแผลแม้แต่นิดเดียวก็ไม่สามารถเข้ามาในพระราชวังได้ ได้ยินข่าวลือที่ว่าเป็นสาวรับใช้ที่พระชายาในองค์ชายซึ่งเคยเป็นพระชายาในองค์รัชทายาทพาเข้ามา แต่ไม่เคยได้ยินว่านางเป็นสตรีที่หยาบกระด้างแบบนี้ ด้วยสภาพแบบนี้ที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องถูกไล่ออกจากวังแน่นอน แต่กลับบอกให้เข้าไปที่ตำหนักบรรทมเนี่ยนะ ส่วนนางเองก็ไม่ได้เต็มใจเช่นกัน
“ออกมาสิ”
ซังกุงสูงอายุจับมินอาให้นั่งลงตรงโต๊ะเครื่องแป้งประหนึ่งตุ๊กตา ผงแป้งทาหน้าสีขาวที่ไม่คุ้นเคยถูกทาลงบนใบหน้าใสที่ส่องอยู่บนคันฉ่องบานเล็ก ผมที่มักจะรวบขึ้นไปอยู่เสมอ ถูกหวีลงไปถึงเอว ริมฝีปากซีดเซียวถูกอำพรางด้วยชาดสีแดง
ในระหว่างนั้น มินอาแย้มยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงรยูฮาที่เกลียดชังการแต่งตัวหรูหราขึ้นมา เพราะว่าต้องนั่งอยู่อย่างนี้คงจะรู้สึกเบื่อและหงุดหงิดมากเลยสินะ จากนั้นจึงใส่ชุดซับในเนื้อบางไปบนกระโปรงตัวบางที่ผูกไว้เหนือหน้าอกเป็นอย่างสุดท้าย หลังจากนั้นการแต่งตัวจึงเสร็จสิ้น มินอาปฏิเสธมือของเหล่านางในที่กำลังจะยกตัวนางขึ้น จากนั้นจึงเดินผ่านโถงทางเดินอันมืดมิดเพียงลำพังและหยุดยืนตรงด้านหน้าห้องบรรทม
“ถวายบังคมองค์รัชทายาท หม่อมฉันมารอพระบรมราชโองการเพคะ”
“เข้ามา และบอกให้ทุกคนถอยออกไปให้หมด”
ยิ่งก้าวเข้าไปแต่ละก้าว ใบหน้าของชานที่ส่องสว่างด้วยแสงไฟตะเกียงรำไรก็ยิ่งแจ่มชัดขึ้น ไม่มีคำเชื้อเชิญให้นั่งลง แต่มินอาก็ดึงเก้าอี้เปล่าที่ถูกวางอยู่ตรงข้ามกับชานมานั่ง ถือขวดเหล้าขึ้นมาและรินใส่แก้วอย่างเงียบๆ
“แต่งตัวแบบนี้ เจ้าก็ดูงามดีนะ”
ไม่ใช่คำพูดที่ไร้สาระ เพราะใบหน้าเย็นชาที่มักจะจ้องมองด้านหลังของรยูฮาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์อยู่ตลอดเวลานั้นดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด เนื่องจากเป็นคนใกล้ชิดของพระชายาจึงไม่กล้าแตะต้อง ชานยังคงจำสายตาคลุมเครือของเหล่าทหารที่น่าสมเพชซึ่งมองตามมินอา ตอนที่นางขึ้นไปบนม้าและยิงธนูในชุดสีดำตอนอยู่ที่ชายแดนได้อยู่เลย
“เพคะ”
ท่าทางการตอบรับคำชมซึ่งหากเป็นสตรีทั่วไปคงหน้าแดง แต่กลับนางนั้นช่างแข็งกระด้างนั้นก็น่าสนใจเช่นกัน ชานถือขวดเหล้าขึ้นมาและรินใส่แก้วที่วางอยู่ตรงหน้ามินอา
“หม่อมฉันไม่ดื่มเหล้าเพคะ”
“ดื่มสักแก้วเถอะ”
“ไม่เพคะ”
ชานลุกขึ้นเดินไปหามินอา เหล้ารินไหลออกมาจากระหว่างริมฝีปากที่ประกบกันจนทำให้ชุดสีขาวเปียกชุ่ม มินอาที่ดื่มเหล้าครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ด้วยปากและทำหกอีกครึ่งหนึ่งโอบแขนรอบคอของชานก่อนจะดูดเม้มริมฝีปากอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ ชานที่หยุดชะงักไป ผละริมฝีปากออกและพานางไปที่เตียง แต่มินอาสะบัดมือของเขาออกและยังคงหมกมุ่นอยู่กับการสำรวจภายในปากต่อไป
“เดี๋ยวก่อน…”
เหล้านี่อ่อนจริงๆ หรือ นางกดชานลงบนเตียงและสูดกลิ่นกายตั้งแต่กลางกระหม่อมลงมา มือที่ปัดป่ายไปมาอย่างรีบร้อน ในไม่ช้าก็ถูกจับตรึงกับไว้เตียง
เลื่อนผ่านต้นคอลงมาเหนือกระดูกไหปลาร้า มินอาลิ้มรสและสูดดมกลิ่นไปจนถึงปลายนิ้วที่จับประสานไว้แน่น จากนั้นจึงประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ใช้ลิ้นแทรกไประหว่างช่องฟันและสำรวจความหวานภายในนั้น รู้สึกได้อย่างชัดเจน กลิ่นของสมุนไพรที่ไม่คุ้นเคย
กลิ่นที่ทำให้รู้สึกไม่ดีอย่างน่าประหลาดตั้งแต่ชานมาหาที่ที่พักครั้งแรก จมูกที่มีความรู้สึกไวของนางซึ่งผ่อนคลายจากการดื่มเหล้าหนึ่งแก้วนั้นได้กลิ่นนั้นอย่างแน่นอนไม่ผิดเพี้ยน ฮอนกับชานกินยาพิษชนิดเดียวกันเข้าไป ดังนั้นยาก็จะต้องเหมือนกัน แต่ทำไมมันถึงมีกลิ่นที่ต่างกันล่ะ มินอาผละริมฝีปากออกและมองชานด้วยสายตาที่ระคนไปด้วยความไม่พอใจอย่างสุดขีด
“เจ้าดูไม่เหมือนคนดื่มเหล้าไม่เก่งเลยนะ จะทำอะไรน่ะ ยั่วยวนข้ารึ”
มินอาวุ่นอยู่กับการเรียบเรียงความคิดในหัวโดยไม่ขยับเขยื้อน ในระหว่างที่ชานกำลังคลายปมผูกเสื้อออกพร้อมกับกระซิบกระซาบ ชานอาจจะได้เปรียบทางด้านพละกำลัง แต่ทั้งคู่ต่างแข็งแรงและมีสภาพร่างกายที่เหมือนกัน รวมถึงหมอหลวงที่มาตรวจชีพจรก็คนเดียวกัน ยาที่ได้ก็ตัวเดียวกัน
แต่ทว่าชานฟื้นขึ้นมา ส่วนฮอนยังไม่ฟื้น ไม่มีกลิ่นยาซึ่งได้กลิ่นจากชานออกมาจากฮอน พระสนมเอกมุน คนที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ ในขณะที่ชานไม่ได้สติ นางเคยใช้ยาพิษผ่านทางแชยอนมาแล้วครั้งหนึ่ง บทสรุปที่ได้หลังจากคิดเสร็จนั้นช่างโหดร้ายและอำมหิตจนน่าขนลุก
“…ฝ่าบาท”
“ว่ามาสิ”
ชานตอบพลางขบไหล่มนที่มีรอยแผลเป็นเล็กๆ เบาๆ
“เอามาให้หม่อมฉันเพคะ”
“อะไรรึ”
“ยานั่น”
ใจร่วงหล่นลงไปถึงตาตุ่ม ชานจงใจทำเป็นไม่มีอะไรและโอบเอวของมินอาอีกครั้งก่อนจะมุดหน้าลงไปในอ้อมอก แต่ไม่สามารถซ่อนหัวใจที่เต้นเร็วไปได้ การเต้นของชีพจรที่รุนแรงถูกส่งไปหามินอาที่ตัวแนบชิดติดกันอยู่ ทำให้นางมั่นใจในการคาดเดามากขึ้น
“ได้โปรดเพคะ อย่างน้อยก็ขอแค่ให้องค์ชายสามยังทรงหายใจต่อได้ก็ได้เพคะ”
“แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ”
มินอากัดริมฝีปากแน่น มันเป็นเพียงการคาดเดาของสาวรับใช้ที่ไม่มีหลักฐานใดๆ แต่นอกจากมันจะจบลงด้วยความคลุมเครือแล้ว หากผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้รยูฮาผู้เป็นนายตกอยู่ในความลำบากได้ ถึงแม้จะลองไปขอความช่วยเหลือจากท่านมหาเสนาบดีก็ไม่มีหนทางใดที่จะสามารถจัดการเรื่องผู้สืบราชบัลลังก์ที่เหลือเพียงคนเดียวได้ ถ้าเช่นนั้นก็จะมีเพียงแค่กลอุบายเดียวเท่านั้นที่มินอาจะสามารถจัดการกับชานได้
“หม่อมฉันจะจบชีวิตลงตรงนี้เพคะ หากหม่อมฉันตายบนเตียงของฝ่าบาท ฝ่าบาทก็จะไม่มีทางได้ครอบครองพระชายาเด็ดขาดเพคะ”
คิก ชานเผยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวออกมาและหมุนตัวให้มินอานอนลงบนเตียง ยิ่งมอง ยิ่งกอด ความปรารถนาก็ยิ่งมากขึ้น จิตที่หาญกล้ากว่าผู้ชายทั่วไป ศิลปะการต่อสู้ที่โดดเด่น นิสัยดั่งไฟท่ามกลางความเยือกเย็น สมองที่ไม่เคยสูญเสียความสุขุมเยือกเย็นไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม
“นั่นสินะ ถ้าเช่นนั้นเจ้าไปพาพระชายาในองค์ชายมาสิ แล้วข้าจะมอบยาให้ และให้เจ้าเข้ามาเป็นสนมของข้าด้วย”