วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 12-3
ขอโลภสักนิดหน่อยจะได้หรือไม่นะ ที่ผ่านมานางใช้ชีวิตโดยไม่มีความโลภใดๆ แต่จะขอโลภในเวลานี้ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นคืนสุดท้ายหรือเปล่าได้ไหม มินอาลุกขึ้นช้าๆ และเดินตรงไปยังเตียงนอน รู้สึกถึงลมหายใจหอมหวานของชานที่สัมผัสริมฝีปากพร้อมกับยื่นแขนออกไปคล้องคอเขา
ชานรับนางที่ค่อยๆ ขยับเข้ามาอย่างสบายๆ เช่นกัน ทั้งสองคนไม่ได้พยายามปรับหัวใจที่สวนทางกันอย่างแปลกประหลาดให้เข้ากัน พวกเขาเพียงแค่ใช้ช่วงเวลานี้ปลอบประโลมหัวใจที่มีบาดแผลของกันและกันเท่านั้น น้ำลายที่ไหลเยิ้มออกมาระหว่างริมฝีปากกับริมฝีปากเปล่งประกายแวววับราวกับด้ายสีเงิน มือของมินอาถอดชุดนอนของชานออก ส่วนมือของชานก็คลายปมผูกเสื้อของมินอาออกเช่นกัน ชานรู้ว่าแผ่นหลังของมินอาที่เคยลูบไล้หายสนิทแล้ว กดและลูบไล้กล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นทีละส่วนไปตามแผลถูกฟันที่รู้สึกตรงปลายนิ้ว รู้สึกถึงความวาบหวิวตรงระหว่างคอและไหล่ที่มินอากัดเพื่อที่จะควบคุมลมหายใจที่รุนแรงขึ้น
“ดีหรือไม่”
ชานกระซิบพลางใช้มือข้างหนึ่งบีบคลึงหน้าอกที่น่ามองอย่างอ่อนโยน
“แรงกว่านี้อีก จะฉีกทิ้งแล้วฆ่าเลยก็ได้นะ”
มินอาออกแรงที่คางเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและกัดเขาเหมือนกับจะฉีกทิ้งแล้วฆ่าจริงๆ เขี้ยวเจาะเข้าไปในผิวหนังจนเส้นเลือดขาด ความเจ็บปวดที่ผิวหนังถูกฉีกขาดนั้นทำให้ชานได้รู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่และต้องการที่จะตาย ในตอนนี้มินอาอยากที่จะเสียบมีดลงไปที่หัวใจของเขา แต่ในทางตรงกันข้ามเขาเองก็อยากจะฆ่าเช่นกัน เขาต้องการให้นางสนมของเขาซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้ครอบครองเป็นสิ่งแรกในชีวิต แต่นางกลับไม่ใช่ของตนเองโดยสมบูรณ์นั้นตายไป มินอาดื่มเลือดที่ไหล่ออกมาจากไหล่ของชานจนหมดแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ริมฝีปากที่เปื้อนเลือดขยับขึ้นไปหาเขา
“ฝ่าบาท”
ไม่มีอะไรต่อจากนั้น ทั้งเลือดที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากของมินอา ทั้งน้ำลายที่เต็มอยู่ในปากต่างก็ถูกชานดูดเข้าไปจนหมดเกลี้ยง ชานเกี่ยวกระหวัดไปมาในปากอย่างรุนแรงสักพักหนึ่งก็ผละริมฝีปากออกก่อนที่จะลมหายใจจะหมดไป แล้วจึงโยนมินอาลงบนเตียง มินอาที่กำลังจะยื่นแขนทั้งสองข้างไปหาเขา แต่แล้วก็วางลงอย่างเงียบๆ เหมือนเดิมแล้วหลับตาลง
เลือดซึมออกมาจากแผลบนหัวไหล่อีกครั้ง จากนั้นเขาจึงล้มตัวลงคร่อมร่างของมินอาในทันที มินอาลืมตาขึ้นมา แต่ก็ยังไม่สามารถอ่านสายตานั้นได้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ชานใช้มือข้างหนึ่งจับคอระหงและในตอนที่ออกแรงที่มือนั้นก็ยังเหมือนเดิม ชีพจรที่เต้นตามจังหวะจั๊กจี้ฝ่ามือพานให้อารมณ์ดี
หวังให้ชีพจรหยุดเต้นลงไปแบบนี้ ดวงตาที่เงยขึ้นมามองเขาตรงๆ เริ่มเลือนรางไปอย่างช้าๆ ก่อนที่จะหลบซ่อนด้านหลังเปลือกตา อีกนิดเดียว เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหลังมือ และต่อมาเขาก็ผ่อนแรงราวกับโกหก
“แฮ่ก แฮ่ก”
มินอาพ่นลมหายใจที่ถูกปิดกั้นไว้ออกมา ชานฉีกเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ออกและยัดเยียดความต้องการเข้าไปในทางเข้าที่ยังไม่พร้อม ความเจ็บปวดที่เนื้อฉีกขาดทำให้มินอากัดริมฝีปากแน่น แต่ในระหว่างนั้นก็ไม่หลุดครางออกมาสักนิดเดียว
“ลืมตา”
ชานส่งเสียงคำรามอย่างโหดร้าย
“ลืมตาขึ้นมามองข้า”
สายตากับสายตาเกี่ยวพันกันอย่างยุ่งเหยิงราวกับกลุ่มด้ายแห่งความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันคลายออกได้ มินอาจึงรู้ว่าชานกำลังมองตัวเองอยู่ไม่ได้มองเงาของรยูฮาที่อยู่ในตัวนางเหมือนเคย มีคำพูดที่นางอยากจะพูดออกมาเมื่อเวลานี้มาถึง แต่สุดท้ายคำนั้นก็ถูกกลืนลงไปเหมือนเดิม เนื่องจากหากพูดออกไปแล้ว คำนั้นอาจจะทำให้ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ร่างกายที่เริ่มคุ้นชินและชายหนุ่มตรงหน้าทำให้นางรู้สึกดีท่ามกลางความเจ็บปวด การเคลื่อนไหวของชานค่อยๆ รุนแรงขึ้นทีละนิด เอาความเป็นชายออกมาอย่างหวาดเสียวและกระแทกกระทั้นเข้าไปใหม่ ทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับใช้มืออีกข้างบีบคลำหน้าอกที่เต็มไม้เต็มมืออย่างแรง
แม้จะเป็นการกระทำที่รุนแรง แต่มินอาก็ยอมรับเขาเข้ามาด้วยความยินดีแทนที่จะหลบหลีกหรือถอยหนี นางรับมาทั้งความโกรธ ความเจ็บปวด ความเสียใจของชานมาทั้งหมด ชานที่มองลงมาที่มินอาจากด้านบนก็รู้เรื่องนั้นเช่นกัน
ไปซะ ไม่ต้องมารับความเจ็บปวดของข้า ไม่ต้องเจ็บปวดอยู่เคียงข้างข้าแบบนี้แล้วไปซะ แต่เขาไม่กล้าพูดคำนั้นออกไป เพราะรู้ดีกว่าใครว่าหากไม่มีมินอาก็จะเหลือตัวคนเดียวจริงๆ เขามันช่างขี้ขลาด ใจเสาะและน่าสมเพช
“คว่ำหน้าลง”
ชานหยุดขยับอย่างกะทันหันและพูดคำแปลกๆ จู่ๆ โลกก็หมุนกลับด้านก่อนที่มินอาจะเข้าใจสิ่งที่เขาบอก ความเป็นชายที่ขยายใหญ่คับแน่นเหมือนกับอาวุธถูกดันเข้ามารวดเดียว
“อึ่ก!”
เสียงครางเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของมินอาที่ยึดเตียงไว้แน่น มือใหญ่จับร่างที่เคลื่อนไปด้านหน้าโดยสัญชาตญาณไว้และดึงเข้ามากักไว้ในอ้อมอก
“อย่าไปเลยนะ”
ความในใจที่กดเอาไว้มานานระเบิดออกมาโดยไม่ลังเล
“ไม่ต้องเป็นคนของข้าก็ได้ ขอแค่เจ้าไม่จากไปไหนก็พอ”
ริมฝีปากที่กระซิบอย่างจริงจังค่อยๆ เลื่อนลงไปตามแผ่นหลังของมินอาซึ่งยันเตียงอยู่อย่างอดทน เหมือนกับที่สัตว์เลียแผล เขาเลียรอบๆ รอยแผลถูกฟันซึ่งเปลี่ยนเป็นสีม่วงอ่อนพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งลูบหน้าอกอย่างเบามือ เมื่อชานกัดบนกระดูกไหล่ที่นูนขึ้นมาเบาๆ เอวของมินอาจึงเกร็งขึ้นเล็กน้อย ลมหายใจของมินอาค่อยๆ เริ่มติดขัดทีละนิดเมื่อเขายังคงดูดและกัดบริเวณนั้นต่อไปเรื่อยๆ
ชานออกแรงที่มือซึ่งกอบกุมหน้าอกไว้อยู่ แล้วให้มินอาลุกขึ้นพลางหยิกยอดอกที่แข็งขึ้นมาเบาๆ นอกจากลมหายใจที่ยุ่งเหยิงแล้วมินอาก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ อีก แต่ภายในทางเข้าซึ่งเต็มไปด้วยตัวตนของชานนั้นกำลังสั่นระริกอยู่อย่างแน่นอน นางเป็นเช่นนั้นทั้งในตอนที่เขาดึงหน้าอกแรงขึ้น ทั้งในตอนที่เขาเลื่อนมือลงมาเรื่อยๆ นิ้วที่ขยับราวกับลูบไล้เพียงแค่ภายนอกในตอนแรก จู่ๆ ก็สอดเข้าไประหว่างเนื้อที่แยกออกในทันที นิ้วที่ขยับอย่างแรงพร้อมกับปลุกเร้าเนื้อนุ่ม ในไม่ช้าก็เพิ่มเป็นสองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงสอดเข้าไประหว่างไข่มุกซึ่งขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อยและบดขยี้มันอย่างเบามือ
“ฮึก”
มินอาที่ตกใจเสียงตัวเองรีบเอามือมาปิดปาก ส่วนชานก็ขยับเอวอีกครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน มือยื่นออกไปจับขอบเตียงซึ่งถูกแกะสลักไว้อย่างงดงามเพื่อประคองร่างที่สั่นคลอน แต่ชานก็ไม่รีบเร่ง เขาใช้มือข้างหนึ่งหมุนวนรอบๆ ไข่มุกต่อไปพร้อมกับสอดตัวตนเข้าไปจนสุด หมุนเพื่อหาจุดที่มินอามีความรู้สึกไวเป็นพิเศษ ก่อนจะกดย้ำลงไป จากนั้นจึงแทรกไข่มุกซึ่งขยายใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อครู่ไปในระหว่างนิ้วและขยับอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม
“อื้อ!”
ปลายเท้าเกร็งขึ้นมาทันที ร่างกายขยับขึ้นไปตามอารมณ์ ชานจับมือของมินอาซึ่งปิดปากและอดทนจนสุดชีวิตมาคล้องคอตัวเอง
“ซื่อตรงกันแค่สักครั้งได้ไหม”
เสียงทุ้มต่ำของเขาที่กระซิบข้างหูคือตัวกระตุ้นชั้นดียิ่งกว่าอะไร ชานค่อยๆ ขยับเอว แล้วยกสูงขึ้นอย่างแรงในทันทีทันใด
“อ๊ะ!”
เริ่มจากเสียงครางสั้นๆ ก่อนจะเปล่งเสียงออดอ้อนออกมาโดยไม่หยุดหย่อน หัวสมองคิดอะไรไม่ออกเอาแต่เรียกหาความสุขที่มากกว่าเดิม เสียงลมหายใจที่พ่นออกมาอย่างหนัก หัวใจที่เต้นแรงในหน้าอกที่สัมผัสกับแผ่นหลัง ไออุ่นของต้นคอที่สัมผัสได้จากมือที่โอบไปด้านหลัง ทุกสิ่งทุกอย่างมุ่งตรงไปยังมินอาทั้งหมด การขยับเข้าออกอย่างรวดเร็วและรุนแรงที่ต่อเนื่องทำให้มินอาทนไม่ไหวทรุดลงไปบนเตียง ชานจึงจับสะโพกกลมและกระหน่ำเอวเข้าไปอย่างเต็มที่ เอวสอบกระแทกกระทั้นซ้ำไปซ้ำมา กล้ามเนื้อต้นขาที่แข็งแกร่งและดูดีนั้นเป็นมัดๆ ในเวลาไล่เลี่ยกันมินอาก็กำหมอนไว้แน่นและกลั้นหายใจ แผ่นหลังที่ชุ่มเหงื่อโน้มลงอย่างแรงและกระตุก
“แฮ่ก แฮ่ก!”
มินอาพ่นลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ออกมาในคราวเดียว ในตอนนั้นชานจึงค่อยๆ ถอนตัวตนของตัวเองออกมาและนอนลงข้างๆ กัน หัวไหล่ของมินอาที่ขยับขึ้นลงดูเล็กผิดปกติจนอยากกอดเอาไว้ ชานจึงยื่นมือข้างหนึ่งออกไปช้าๆ แต่ก่อนที่มือของเขาจะสัมผัสถึง มินอาที่นอนคว่ำอยู่ก็พลิกตัวไปทางฝั่งตรงข้ามที่เป็นผนังไม่ใช่หันหน้าไปหาชาน มือที่ไม่มีความกล้าจึงถูกเก็บกลับไปที่เดิมอย่างช้าๆ
“สมมตินะ”
ชานที่มองดูแผ่นหลังของมินมาอยู่อย่างนั้นมาสักพักหนึ่งพูดขึ้นมาเบาๆ
“ถ้าชาติหน้ามีจริง ตอนนั้นเจ้าจะยังชอบข้าอีกไหม”
รู้ดีอยู่แล้วว่ามันคือคำพูดที่เห็นแก่ตัว แต่ก็รู้อีกเช่นกันว่าคนที่รับความเห็นแก่ตัวของเขาได้ก็มีแค่มินอาเท่านั้น ดวงตาที่เริ่มคุ้นชินกับความมืดไล่ตามรอยแผลที่ลากยาวบนแผ่นหลังของมินอา
“หากฝ่าบาททรงประสงค์เช่นนั้น หม่อมฉันก็จะทำเช่นนั้นเพคะ”
“ถ้าข้าต้องการอย่างนั้นหรือ”
แม้แต่จะบอกให้แสดงที่สิ่งเจ้าต้องการออกมาไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการก็ยังไม่กล้า แต่มินอาที่นอนหันหลังให้อยู่ก็คงจะไม่มีทางพูดว่าต้องการออกมาจริงๆ อย่างแน่นอน ทั้งสองคนควรที่จะนอนเผื่อไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีราชาภิเษกในตอนเช้ามืด แต่พวกเขาก็ยังคงติดอยู่ในวังวนของกันและกัน จนกระทั่งนางในมาเรียกจากด้านนอก
* * *