วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 5-11
พอปลอมตัวออกมาจากวังมาใช้เวลายามค่ำคืนอยู่ที่หอนางโลมเช่นนี้ ถึงรู้ว่าชีวิตต่างจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง ฮอนขยับแก้วเหล้าด้วยใจอันเจ็บปวด ขณะเดียวกันนั้นหญิงสาวที่กอดพิณอย่างน่ารักน่าเอ็นดูก็เปิดประตูเข้ามา
“ข้าฝีมือยังด้อยนัก ช่วยรับฟังด้วยนะเจ้าคะ”
หญิงสาวโค้งตัวอย่างเย้ายวนแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ การบรรเลงเครื่องดนตรีอันน่าทึ่งตรงมือของหญิงสาวเริ่มขึ้นพร้อมกับเสียงเพลงน่าฟัง บทเพลงตอนแรกเริ่มต้นอย่างน่าเวทนาแล้วก็เร็วขึ้นจนใจเต้นแรง จากนั้นจึงจบลงอย่างโศกเศร้าอีกครั้ง
‘ความฝันในฤดูใบไม้ผลิ’ เป็นบทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสา;ที่ได้พบและได้ใช้เวลาชั่วค่ำคืนหนึ่งกับชายหนุ่ม แล้วลืมเลือนเขาไม่ได้ นึงพาที่มองตรงมาทางฮอนและร้องเพลงกำลังเชื้อเชิญฮอนให้มาใช้เวลายามค่ำคืนด้วยกัน มันเปิดเผยจนชนิดที่ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นมองออก พอการบรรเลงดนตรีจบลง ฮอนยิ้มแล้วส่งแก้วที่รินเหล้าอยู่เต็มยื่นให้นึงพาพร้อมกับคำชื่นชม
“บรรเลงดนตรีเก่งมาก เห็นทีข้าต้องตอบแทนค่าบทเพลงเสียหน่อยแล้ว”
ใบหน้าของนึงพาแดงเรื่อขึ้นอีกครั้ง นางกลับมานั่งที่เดิมแล้วรับเอาแก้วเหล้ามาดื่ม ก่อนจะพิงลงบนไหล่ของเขาเงียบๆ
“หากเป็นของมีค่าข้าไม่รับนะเจ้าคะ ข้าใช้มือเล่นดนตรี ใช้ปากร้องเพลง ท่านเองก็ช่วยทำแบบเดียวกันด้วยนะเจ้าคะ”
ในที่สุดใบหน้าของมินอาที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาก็เปลี่ยนมาเป็นไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งหญิงที่ยั่วยวนสามีเจ้านายของตนที่อยู่ตรงหน้าและองค์รัชทายาทเองที่ตอบรับอย่างดี มันทำให้นึกอยากจะฟาดลงไปสักที หรือระหว่างทางกลับจะแอบตีตรงหัวด้านหลังสักทีดี โซยูเอียงคอมาทางมินอาที่กำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง
“ท่านนายทหารไม่สบายตรงไหนหรือเจ้าคะ”
“เปล่า ข้าขอไปดูข้างนอกสักครู่แล้วเดี๋ยวกลับมา”
มินอาเลือกที่จะไม่รีรอแล้วลุกออกจากที่นั่งเพื่อที่ได้ไปจะสำรวจรอบๆ ด้วย พอออกมาข้างนอกอากาศสดชื่นก็ช่วยชะล้างปอดทำให้ใจสงบลงได้นิดหน่อย แต่ก็แค่รู้สึกเท่านั้น ก่อนที่ใจจะได้สงบลงเสียงเอะอะก็ทำให้ใจที่กำลังหงุดหงิดอยู่ยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่
“นี่ ดูถูกข้าหรือ ไปไหนกันหมด โซยูไปไหน!”
“ตอนนี้โซยูรับแขกอยู่เจ้าค่ะ บอกว่าเสร็จจากตรงนั้นแล้วจะมาที่นี่เลย เข้าไปก่อนนะเจ้าคะ นายท่าน”
ตรงสวนที่นางออกมาเพื่อทำให้หัวของนางเย็นลง มีคนเมาเหล้ากำลังสร้างความวุ่นวาย ด้วยนิสัยแล้วอยากเข้าไปซัดตรงท้ายทอยนั้นแต่ว่าจะทำให้เกิดเสียงเอะอะไม่ได้ มินอาจึงได้แต่มองฟ้าแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะหมุนตัวเพื่อไปหาที่เงียบๆ…
“นี่ เจ้า!”
คนเมาเหล้าคนนั้นชี้มาทางหญิงสาวอย่างชัดเจน
“หมายถึงข้าหรื”
“ใช่ เจ้า! ไม่เคยเห็นหน้าแฮะ แก ไม่สิ เจ้านายของแกใช่ไหม ไอ้ลูกหมาที่มาจากเมืองหลวงแล้วกวาดพวกนางโลมไป!”
กรี๊ด ชายหนุ่มผลักไหล่นางโลมเหล่านั้น แล้วเดินเนิบๆ มาจับไหล่มินอา
“ถึงอย่างนั้นแล้วเกี่ยวอะไรด้วย”
“ดูไอ้นี่พูดเข้า? ดูจากคนคุ้มกันแล้วคิดว่าข้าเป็นใครกัน!”
“ถึงจะมีคนคุ้มกันหรือไม่มี แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านเป็นใคร ถ้าไม่อยากมีเรื่องก็ช่วยหลบไปด้วย”
ดาบของมินอาถูกชักออกมา ตัวดาบส่องประกายวิบวับ ทั้งที่ทำเพื่อขู่ให้กลัวเฉยๆ แต่พวกเหล่านางโลมกลับไม่รู้เรื่อง แล้วพากันกรีดร้องเสียงแหลมวิ่งหนีให้วุ่น ประตูที่อยู่แถวนั้นบานสองบานถูกเปิดออกเพราะเสียงเอะอะแล้วมองออกมา และชายคนที่มินอาตั้งใจขู่ให้กลัวกลับยิ่งวิ่งพล่าน ส่งเสียงเอะอะโวยวายยิ่งขึ้น
“ฮึ! ดาบหรือ ดูไอ้คนอวดดีนี่ เจ้านายแกอยู่ไหน เห็นทีต้องฆ่ามันต่อหน้าแก แล้วก็ฆ่าแกตามไป!”
คำพูดของชายหนุ่มล้ำเส้นไปแล้ว หากเขารู้ว่าโทษของการดูหมิ่นพระราชวงศ์คือต้องโดนประหารสามชั่วคนจะยังทำหน้าเช่นนั้นไหม ขณะที่มินอาคิดเช่นนี้ เสียงสงบนิ่งก็ลอยออกมาจากทางด้านหลังของเธอ
“ข้าคือเจ้านายเจ้าเด็กนี่เอง”
รยูฮาปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลัง ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าดูสบายๆ ไม่ต่างจากปกติ มินอาบอกว่าจะออกไปดูรอบๆ สักครู่แล้วกลับมา แต่ก็ไม่กลับเข้ามา แถมยังมีเสียงเอะอะข้างนอก ชายขี้เมาที่ชะล่าใจและวิ่งพล่านไปมาพอเห็นหญิงสาวยิ่งหัวเราะเข้าไปอีก เขาเดินผ่านมินอาไปแล้วยื่นใบหน้าแดงแจ๋เข้ามาตรงหน้ารยูฮา
“เป็นเจ้านายไอ้คนอวดดีนี้หรือ หน้าตาน่ารักถูกใจข้า ข้าไม่ขัดหรอกว่าจะเป็นหญิงหรือเป็นชาย หากคืนนี้เจ้ามาเป็นหมอนให้ข้าแทนโซยู ข้าก็จะยกโทษให้”
รยูฮาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ในขณะเดียวกันกับที่มินอาชักดาบออกมาจากฝัก ขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะวางมือลงบนไหล่ของรยูฮา เขาก็ต้องทิ้งระยะห่างประมาณหนึ่งคืบแล้วขยับตัวต่อไปไม่ได้อีก เลือดไหลจากปลายแขนของเขาที่โดนคมดาบ เลือดนั้นไหลลงสู่พื้น
“แม่งเอ๊ย ไอ้ลูกหมา…”
“อย่าขยับ ไม่งั้นเลือดสาดแน่”
เมื่อเทียบกับอีกฝ่ายที่มีสีหน้าซีดเผือด รยูฮาผู้ซึ่งยังคงสงบเยือกเย็นอยู่พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ ฮอนและชานนึกเป็นห่วงรยูฮาจึงตามออกมาทีหลังและได้ยินเสียงนั้นชัดเจน
“มีเรื่องอะไรกันหรือ มินอา เก็บดาบก่อน”
“รับทราบ”
ชานหน้าบูดเบี้ยวเดินออกมาแล้วดึงรยูฮามาข้างๆ แทบจะทันที เป็นสัญชาตญาณที่อยากจะปกป้องหญิงสาว หรือลึกซึ้งกว่านั้น ในระหว่างนั้นเขาคิดว่าเกิดไฟวาบขึ้นมาตรงหัวไหล่ที่สัมผัสเข้ากับมือของตน ฮอนกอดอกมองภาพเหล่านั้นอยู่ทางด้านหลัง
“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าคนเมาคนนั้นล้อเล่นตามใจปากมากไปนิด เห็นบอกว่าจะตัดคอข้าบ้างแหละ จะเอาข้าไปทำหมอนบ้างแหละ”
ตอนที่คำว่าหมอนหลุดออกมา หมัดของฮอนที่ยืนดูอยู่ด้านหลังเหมือนคนไม่สนใจก็ซัดเข้าไปที่ชายคนนั้นจนร่วงลงไปบนพื้น
“อ๊าก! โอ๊ย!”
ชายเมาเหล้าไม่สามารถโต้ตอบได้อย่างเต็มที่และถูกฮอนทุบตีจนอ้วกออกมาเป็นเลือด ทั้งทางปากและจมูก รยูฮาและชานยืนดูอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะห้าม แต่นึงพากลับย่ำเท้าไปมาพร้อมยึดชายเสื้อของฮอนไว้แน่น
“นายท่าน ได้โปรด พอเถอะเจ้าค่ะ ท่านนั้นคือพันโซชอน ลูกชายคนโตของท่านเจ้าเมือง เดี๋ยวจะเกิดเรื่องใหญ่นะเจ้าคะ!”
ฮอนหยุดลงมือเพราะคำบอกเล่านั้นสักครู่ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะมันไร้สาระมากกว่า ดูเหมือนว่าโซชอนที่โดนเล่นงานอยู่จะคิดว่าเขาตื่นตระหนก ฝ่ายนั้นจึงหัวเราะเสียงดังท่ามกลางความวุ่นวายและเย้ยหยันไปทางฮอน
“ทำไม คิดไม่ถึงล่ะสิ ไม่นานทหารจะมาลากตัวพวกแกไป! ไอ้พวกโง่…”
คำพูดสุดท้ายของโซชอนกลายเป็นเลือดกระเซ็นออกมาจากปาก เพราะฝีมือของฮอนที่ฟาดเข้าไปที่หน้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง ขณะที่เลือดสาดลงบนพื้น ฟันที่หักออกมาก็กลิ้งลงไปเหมือนขยะ ฮอนผลักโซชอนที่สติหลุดไปฝั่งโน้นแล้วเดินผ่านนึงพาที่หน้าซีดเผือดไปทางห้องที่เคยอยู่ สามคนที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อยเดินตามเขาไป ตอนนั้นเองเหล่าคนใช้ถึงพากันกรูเข้ามาแบกโซชอนขึ้นหลัง
“เปื้อนเลือดไม่ใช่หรือ แล้วนี่ไม่เจ็บมือหรือ”
รยูฮาเข้าห้องมาทำคิ้วย่นแล้วถามไปทางฮอน ทั้งตรงมือ ตรงหน้าอก และแขนเสื้อสีฟ้าเข้มเปื้อนไปด้วยเลือดที่กระเด็นมา ฮอนเปิดปากเหมือนจะตอบอะไรสักอย่าง แต่ตอนนั้นประตูถูกเปิดออกพอดีจึงไม่ได้พูดอะไร เดิมทีมีนางโลมหกคน แต่ตอนนี้หญิงสาวที่เปิดประตูเข้ามามีเพียงโซยูและนึงพา
“คนที่เหลือไปซ่อนตัวหมดแล้วสินะ”
โซยูพยักหน้าด้วยสีหน้ามึนงงกับคำถามของรยูฮาที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม นึงพาจับแขนของฮอนในสภาพน้ำตานองหน้า
“นายท่าน ทำอย่างไรดีเจ้าคะ อีกหนึ่งชั่วยามเหล่าทหารก็จะบุกเข้ามาแล้วนะเจ้าคะ!”
ท่าทางที่ไม่เก็บซ่อนความรู้สึกนี้คล้ายกับแชยอน ฮอนรู้สึกอึดอัดใจกับความจริงตรงส่วนนี้ สีหน้าของเขาที่แกะมือหญิงสาวออกแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเผยความให้เห็นถึงความอึดอัด
“รินเหล้าเถอะ ก่อนทหารคนเก่งพวกนั้นจะมา”
นึงพาเม้มปากและรินเหล้าราวกับเจ็บปวดกับท่าทางของฮอนที่เย็นชาขึ้นผิดกับเมื่อครู่ พอฮอนดื่มเสร็จแล้ววางแก้วเหล้าลง รยูฮาก็หยิบเอาถุงเงินออกมาวางเสียงดังตึงต่อหน้าโซยู แล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง
“ไปเถอะ ถ้าเหล่าทหารเข้ามามันจะทำให้การทำมาหากินของที่นี่เสียหาย”
ระหว่างที่ทุกคนลุกขึ้นตามเงียบๆ แล้วเดินไปทางประตู ภาพของนึงพาที่รั้งฮอนไว้ในสภาพที่เต็มไปด้วยความเสียดายก็เข้ามาสายตาของมินอา ถึงไม่ได้พูดแต่ท่าทางนั้นมันบอกว่าให้อยู่ต่ออีกหน่อยและให้ค้างสักคืนก่อนค่อยกลับไป
“ปล่อยมือหน่อย เสื้อจะขาดอยู่แล้ว”
มินอาจับผิดจนนึงพายอมลดมือลง ฮอนออกมาจากประตูใหญ่ช้าๆ แล้วขึ้นม้าไป
“ขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย ครั้งหน้าข้าจะมาใหม่”
รยูฮากล่าวลาก่อนจะขึ้นม้า แล้วควบม้าตามม้าสามตัวที่นำไปก่อน ตอนที่พวกเขาออกไปไกลจนลับตาแล้ว โซยูที่กำลังอมยิ้มอยู่ก็หุบยิ้มแล้วหันมาตบหน้านึงพาอย่างแรง
“โอ๊ย!”
“เจ้าใช้ยาใช่ไหม คิดว่าข้าไม่รู้หรือ”
ท่าทางต่างจากท่าทางนุ่มนวลเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง สายตาของโซยูที่มองมาทางนึงพาเต็มไปด้วยความดูถูก ความรังเกียจ และโกรธเคือง
“ทะ…ท่านพี่โซยู”
“หญิงสกปกรก บ้าผู้ชายจนใส่ยาในแก้วเหล้าแขกหรือ”
“ตั้งใจแค่จะอยู่ด้วยคืนเดียวเท่านั้นเจ้าค่ะ เขาไม่ชายตามองข้าบ้างเลย ข้าก็เลย… ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่”
โซยูฟาดฝ่ามือลงบนแก้มนึงพาอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าประตูใหญ่ไป
กว่าที่เจ้าเมืองจะเห็นลูกชายกลับมาในสภาพเลือดท่วมฟันหัก แล้วส่งเหล่าทหารไปกลุ่มหนึ่ง เวลาก็ล่วงเลยไปแล้วหนึ่งชั่วยาม