วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 6-2
“อึก โอ๊ย…”
โซชอนลืมตาพร้อมกับเสียงร้องของความเจ็บปวด สิ่งที่เขามองเห็นจากสายตามันมืดมัวคือเหล็กที่กำลังไฟกำลังลุกโชนจนเป็นสีแดง
“เจ้าสลบไปเฉยๆ น่าจะดีกว่านะ”
เสียงดังซู่ดำเนินต่อไปท่ามกลางน้ำเสียงพูดที่เหมือนจะใจดี พอเหล็กร้อนถูกกดลงไป ความเจ็บปวดมหาศาลก็โหมเข้าซัดโซชอน ตอนนี้กำลังลงมืออย่างเร่งด่วนเพื่อห้ามเลือดและฆ่าเชื้อ ถ้าไม่ถูกทำให้แน่นิ่งไปอีกครั้งก็คงตายเพราะความเจ็บปวดไปแล้ว ตอนที่โซชอนลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เจอชายแปลกหน้ากำลังมองมาที่เขา
เขาพยายามนึกถึงความทรงจำสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบลง ขาของเขาที่ดิ้นไปมาเหมือนปลาที่ถูกจับขึ้นมาใหม่ๆ และสาวงามที่ร่ายรำดาบใต้แสงจันทร์ ใช่แล้ว นางเป็นผู้หญิง
“ฮึก ยัยตัวดี…”
โซชอนที่ฟันหักไปพ่นคำด่าออกมาในแบบที่ออกเสียงไม่ชัดเจน
“เอ๊ะ? ตื่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“โชคดีที่ไม่ตาย ไปทูลฝ่าบาท”
โชซอนทำหน้าย่นเมื่อเพิงที่พักชั่วคราวถูกเปิดออกแล้วดวงตารับเอาแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา ร่างกายที่ความเจ็บปวดคืบคลานเข้ามาหาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงม้าที่อยู่รอบๆ จากนั้นพอคุ้นเคยกับแสงก็มองเห็นเหล่าทหารห้อมล้อมเขาอยู่
“ลูกชายเจ้าเมือง หลับสบายดีไหมเล่า”
เงาที่ทอดยาวลงมานั่งลงตรงเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างหน้าเขาแล้วทักทาย ถึงไม่เห็นแต่ก็รู้ว่าเป็นใคร เสียงครวญครางเพราะความเจ็บปวด และคำด่ารุนแรงหลุดออกมาจากปากของโชซอน
“อึก แก…ไอ้ชาติชั่ว…”
พลั่ก ใครบางคนฟาดเข้าที่ท้ายทอยของโชซอนจนเขาสลบไปอีกครั้ง ฮอนลุกขึ้นจากที่นั่งและเดาะลิ้นด้วยความเสียดาย ก่อนจะต่อว่าหัวหน้าองครักษ์
“ยังไม่ทันรู้ความ เจ้าก็ฟาดลงไปอีกแล้ว เดี๋ยวข้าจะกลับมาพร้อมพระชายา อย่างไรก็ปลุกให้ตื่นด้วยล่ะ เอาฝิ่นใส่ปากสักหน่อยก็ได้ เดี๋ยวมันจะหาว่าเจ้าเป็นคนแล้งน้ำใจ”
ดูท่าว่าองค์รัชทายาทจะจำไม่ได้ว่าทรงตัดขาของเขาคนนั้นเอง ชองโอบ่นพึมพำพลางเอาฝิ่นยัดใส่เข้าไปใต้ลิ้นให้ชองโชซอน เมื่อฮอนตรวจตราดูอย่างละเอียด เขาก็ออกไปจากที่พัก และไม่นานนักชานก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับผลัดเวรกัน
“เห็นว่ารู้สึกตัวแล้ว”
“เอาฝิ่นให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ น่าจะพอมีเรี่ยวมีแรงบ้างแล้ว อีกสักพักจะลองปลุกดูพ่ะย่ะค่ะ”
พอชองโอส่งสัญญาณทางสายตา ทหารนายหนึ่งก็เอาชามที่ทำจากน้ำเต้าแห้งที่มีน้ำอยู่เต็มเทลงบนหน้าของโซชอน
“แค่กๆ!”
โซชอนส่ายหน้าและพ่นน้ำที่เข้าไปทางปากกับจมูกออกมา โซชอนซึ่งหลุดพ้นจากความเจ็บปวดชั่วคราวเพราะฤทธิ์ของฝิ่นจำใบหน้าของชานที่เห็นอยู่ที่หอนางโลมได้ คราวนี้เขาได้แต่จ้องอีกฝ่ายเขม็งในสภาพสงบปากสงบคำ เพราะอยากไม่อยากโดนอีก แต่พยายามไปก็เท่านั้น หมัดที่ลอยมาส่งผลให้สติเขาหลุดลอยไปที่แสนไกล
“พูดกันก็ได้ทำไมต้องตีคนเจ็บอีก เขาอาจจะทำไปเพราะไม่รู้ ดูๆ แล้วเจ้านี่ช่างแล้งน้ำใจ”
องค์ชายทั้งสองเหมือนกันไม่มีผิด ชองโอรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของสายเลือดและส่งสัญญาณให้ทหารเอาน้ำมาให้ ในระหว่างนั้นฮอนและรยูฮาเดินเข้ามาข้างในแล้วยืนเรียงกันต่อหน้าชาน
ตอนที่โซชอนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือสตรีผู้ตัดขาเขาเหมือนมัดฟางข้าวแล้วล้มเหล่าทหารลง ในดวงตาของเขาตอนที่สบตาเข้ากับนาง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวน่าสยดสยองราวกับเห็นทูตมรณะ รยูฮายังไม่ทันได้ทำอะไรเขาก็ตะโกนร้องออกมาและพยายามตะเกียกตะกายหนี
“อ๊าก! อ๊าก!”
ส่วนที่ถูกฟาดลงมาเป็นครั้งที่สามไม่ใช่ตรงท้ายทายแต่เป็นตรงกระหม่อม ฮอนเอียงหน้ามองสลับกันระหว่างโซชอนผู้ที่เป็นสลบไปแล้วกับรยูฮาที่ทำให้เขาสลบไปอย่างนึกสงสัย
“ตีเขาทำไม”
“เพราะเขาเสียงดังหนวกหูเพคะ”
เป็นคำตอบง่ายๆ แต่เห็นด้วยอย่างมาก
“ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ หมาเห่าก็ต้องโดนพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นความคิดที่รอบคอบมาก”
ชองโอรู้สึกราวกับถูกหักหลังจากปฏิกิริยาที่แตกต่างกันอย่างมากตอนที่เขาเป็นคนตีเอง ถึงกับขนาดทำให้ความจงรักภักดีอันแน่วแน่สั่นคลอนไปแวบหนึ่ง โซชอนลืมตาขึ้นพร้อมกับน้ำที่ถูกสาดลงไป คราวนี้เขาแค่กวาดสายตามองไปรอบๆ ถึงได้เห็นชายผู้โหดร้ายที่ทำให้เขาสลบไปอยู่เรื่อยๆ
“คำนับเสีย นี่คือองค์รัชทายาท”
โชซอนตาเบิกกว้างมองปราดไปยังภาพที่อยู่ตรงหน้า พอเห็นเหล่าทหารสายตาเฉียบคมและเพิงที่พักชั่วคราว มองอย่างไรก็คงเป็นสองชายหนึ่งหญิงผู้สูงศักดิ์ไม่ผิดแน่ เขาประเมินสถานการณ์เสร็จแล้วแต่ก็ยังไม่อาจลุกขึ้นได้ ทำได้เพียงตัวสั่นงันงก
“ฆ่าข้าน้อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่!”
“เงยหน้าขึ้น พระชายาอยากคุยกับเจ้า”
โซชอนหวาดกลัวจนตัวสั่นเพราะคำเรียกว่าพระชายาของชายคนนั้น คนที่ถือมีดมาฟันขาผู้อื่นยามค่ำคืนคือพระชายาจริงๆ หรือ ถึงจะอยู่แถวพรมแดนแต่ที่ได้ยินมาคือทรงจิตใจงดงามเหมือนกับรูปโฉมไม่ใช่หรือ แต่ว่า…
“ทุกคนออกไปให้หมด”
พระชายาที่อยู่ตรงหน้าโซชอนตอนนี้มีรูปโฉมงาม แต่จิตใจอันงดงามนั้นยังห่างไกลนัก ทั้งที่ล้มเหล่าทหารราวกับฟันมัดฟางข้าวเมื่อคืน ทั้งสีหน้าเย็นชาตอนนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นบรรยากาศเยือกเย็นที่หญิงสาวสร้างขึ้นก็ดูเย็นชาเสียจนทำให้เหล่าทหารไปจนถึงองค์รัชทายาทเองเหลือบมอง เสียงไร้ความรู้สึกลอยเข้ามาในหูของโซชอนผู้ซึ่งพยายามตั้งสติที่ขาดผึงไปแล้ว
“รู้จักข้าแล้วใช่หรือไม่”
“…พ่ะย่ะค่ะ”
จะไม่รู้ได้อย่างไร เมื่อครู่ยังไม่อยากโดนตีแต่มาตอนนี้โดนตีน่าจะดีกว่าด้วยซ้ำ
“เมื่อวานเจ้าพูดกับข้าว่าอย่างไรนะ เหมือนจะจำได้บ้าง จำไม่ได้บ้าง…”
มือของโซชอนสั่นเหมือนเกิดแผ่นดินไหว เขาอยากเย็บปากที่พูดโผงผางออกไปว่าให้มาเป็นหมอนแทนนางโลม พระชายาคือทูตมรณะ ฉะนั้นรอยยิ้มของพระชายาที่ยกยิ้มขึ้นมาตอนนี้แน่นอนว่าเป็นรอยยิ้มของทูตมรณะ
“อ้า จำได้ถึงแค่ตรงนี้ ที่องครักษ์ของข้าง…”
หากคำพูดนั้นดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ข้าตายแน่ พอโซชอนตระหนักถึงความจริงนั้นด้วยสัญชาตญาณ เขาก็เริ่มอ้อนวอน
“ฆ่าข้าน้อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
รยูฮาหยุดพูดสักครู่แล้วเหลือบตามองอย่างน่ารัก น้ำเสียงที่พูดแต่ละคำจนถึงตอนนี้อ่อนโยน ท่าทางเหมือนกับตักเตือนเด็กน้อย
“อืม ไม่รู้สิ จะทำอย่างไรดีนะ ถ้าเจ้าไม่ทำตามที่ข้าสั่งนับแต่นี้ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะจำคำพูดที่เหลือออกก็ได้”
ชายผู้ยืนดูอยู่ข้างๆ ส่ายหน้าไปมา จะทั้งขู่แล้วก็ปลอบในคราวเดียวกันงั้นหรือ พรสวรรค์แบบนั้นเรียนมาจากที่ไหนกันแน่
“ขะ…ข้าน้อยต้องทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นคนคุยรู้เรื่องใช้ได้แฮะ เกือบต้องเสียดายที่มาตายจากไปแล้ว”
หางตาของรยูฮายิ่งยกขึ้นไปอีก ดูแล้วเป็นรอยยิ้มที่บอกได้ว่าน่ารัก แต่ในสายตาของโชซอนมันเหมือนกับเพชฌฆาตที่กำลังจะฟันคอเขา
“บอกที่เจ้ารู้มาทั้งหมด เช่นว่าสถานที่ซ่อนสมุดบัญชี”
“สะ…สมุดบัญชีหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ในหัวเมืองเล็กเท่าเม็ดถั่วแค่นี้ เหล่าชาวบ้านกลับลำบากกันมาก เกิดเสียงเอะอะโวยวายก็ไม่มีทหารเฝ้ายามสักคนเข้ามา ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเพราะเที่ยวเล่นกับเหล่านางโลม ยิ่งไปกว่านั้นทรัพย์สินที่เหลือไปไหนหมด”
“ข้าน้อยก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ!”
“ช่วยไม่ได้แฮะ”
รยูฮาจิ๊ปากด้วยสีหน้าเสียดายจากใจจริงแล้วหันไปมองมินอา
“เอามีดมา”
“เพคะ พระชายา”
มีดสั้นที่มินอาส่งมาลับคมไว้ดีมากจนขึ้นเงาเป็นสีน้ำเงินอ่อน รยูฮากำมีดเอาไว้แน่นแล้วเดินเข้าไปใกล้โซชอน ก่อนจะโน้มตัวลงเล็กน้อย
“เหลือขาหนึ่งข้าง แขนสองข้าง แล้วก็หัวหนึ่งหัวสินะ ถ้าตัดแขนไปสักข้างจะดูดีไหมนะ”
รยูฮาใช้ปลายมีดจิ้มไปที่แขนและขาของโซชอนเหมือนกับเลือกสิ่งของในร้าน จนผู้ที่เห็นถึงกับขนลุก โชซอนที่โดนกระทำอยู่นั้นจะยอมเอ่ยปากออกมาไหม เขาตัวสั่นงกๆ หวาดกลัวจนไม่กล้าพูดสักคำ ต่อมาจังหวะที่มีดสั้นสะท้อนกับแสงแดดที่ลอดเข้ามาทางช่องว่างพอดี
“พระชายา รอสักครู่”
ฮอนออกมาข้างหน้าแล้วจับข้อมือหญิงสาวไว้ โซชอนมองเขาเหมือนเป็นเทพเจ้า แต่ว่าความหวังที่ก่อตัวในใจเขากลับสลายไปอย่างรวดเร็วเหมือนดอกไม้ไฟ ความหวังนั้นช่างสั้นเสียเหลือเกิน
“น่าเวทนานัก เอาฝิ่นให้หน่อยเถอะ พอยาออกฤทธิ์ แล้วตอนนั้นค่อยตัด”