วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 6-3
ผิดแล้ว คู่สามีภรรยาที่กำลังจะกลายเป็นพระราชาและพระราชินีของอาณาจักรในอนาคตสติหลุดหายไปแล้ว โชซอนละทิ้งความหวังทั้งหมดไปก่อนแล้วตะโกนขึ้นมาอย่างเร็วเพื่อเอาชีวิตรอด
“ไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ! หากทรงไว้ชีวิตข้าน้อย ข้าน้อยจะไปเอาจากท่านพ่อมาถวายเองพ่ะย่ะค่ะ จะสมุดบัญชีหรืออะไรก็จะเอามาพ่ะย่ะค่ะ!”
รยูฮายิ้มอย่างพอใจแล้วขว้างมีดสั้นไปข้างหลัง มีดสั้นลอยหมุนติ้วแล้วก็เข้าไปอยู่ในมือของมินอาผู้เป็นเจ้าของอย่างแม่นยำ
“ต้องแบบนั้นสิ งั้นไปกันเลยไหม”
เพราะคำนั้นทำให้พวกเขาทั้งหมดพลอยต้องขยับตัวกัน ฮอนและชานลุกจากที่นั่งแล้วออกไปตรวจตราข้างนอก ชองโอและเหล่าทหารเตรียมเกวียนแล้วพาโซชอนใส่เปลหามขึ้นไปบนนั้น ขบวนขององค์รัชทายาทที่ตามมาด้วยองครักษ์สองสามนายและเกวียนเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปที่เมือง
ตรงกลางหมู่บ้านคนรวยมีบ้านของตระกูลพันที่ช่างโอ่อ่าราวกับวังอยู่ ทั้งยังมีรั้วสามชั้นที่เหมือนวังนั้นอีก ภายในรั้วนั้นที่ปกติแล้วมักจะมีเสียงหัวเราะของเหล่าพวกช่างประจบและเสียงเพลงของนางโลมที่เจ้าเมืองเรียกมาเล็ดลอดออกมา ตอนนี้ถูกกลบด้วยเสียงร้องไห้
“โธ่ โซชอน!”
เจ้าเมืองพันซึ่งวิ่งออกมาโดยไม่ทันได้สวมร้องเท้าเข้ามาจับเกวียนแล้วร้องไห้คร่ำครวญ ลูกชายที่บอกว่าจะไปจับตัวพวกคนพาลที่ตีตัวเองแล้วพาเหล่าทหารออกไปเมื่อคืนไม่กลับมาทั้งคืนจนได้ส่งคนไปค้นหา ลูกชายกลับมาก่อนหน่วยค้นหาแต่อยู่ในสภาพน่าเวทนาคือถูกตัดขานับตั้งแต่ข้างล่างหัวเข่าลงมา แล้วก็มากับองค์รัชทายาท
“องค์รัชทายาท ลูกชายกระหม่อมทำอะไรผิดกันแน่…!”
“ท่านพ่อ! อย่าคขอรับ!”
โซชอนตะโกนขัดความใจกล้าของเจ้าเมืองพัน แล้วรีบปิดปากผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็ว เมื่อคืนเขาดูหมิ่นราชวงค์และลามปามไปแล้ว ทั้งยังด่าและถึงขนาดเตะเท้าไปทางองค์รัชทายาทด้วย ความผิดนี้ถ้าออกมาจากปากขององค์รับทายาท ตระกูลคงล่มสลายไปหมด
“ข้าจำไม่ได้ แต่ดูเหมือนลูกชายเจ้าจะจำได้ ถึงไม่อยากแต่เอาชามาดื่มหน่อย แล้วก็มาพูดคุยกันตามประสาคนรวยเถิด”
ชานรู้สึกว่าคำพูดคำจาของฮอนคล้ายรยูฮาเข้าไปทุกทีแล้วยิ้มแห้งๆ ทั้งคู่อาจจะเริ่มคุ้นเคยซึ่งกันและกันแล้วหรือไม่นะ พอคิดแบบนั้นสายตาของชานก็เฝ้ามองไปยังสามคนที่เข้ามาในห้องก่อนจนสบตาเข้ากับมินอา นางทำหน้าบึ้งตึงเหมือนทุกที่ เขารู้สึกเก้อเขินเลยหลบสายตาของมินอาแล้วรีบเดินเข้าไปในห้อง
“คิดว่าเจ้าเมืองจะเปิดเผยรายได้อย่างว่าง่ายไหม”
ทุกคนนั่งลงกับที่และฮอนเอ่ยขึ้นมาก่อนเพื่อน รยูฮาค่อยๆ พยักหน้าแล้วตอบเบาๆ ถึงจะดูโหดร้ายมากแต่ก็แค่น้ำเสียงที่เป็นแบบนั้น
“ดูแล้วถ้ายังไม่พอก็ต้องตัดขาอีกสักข้าง ถ้ายังขาดอยู่ก็แขนอีกข้าง เห็นจากที่ลูกชายเจ้าดูถูกเหล่านางโลม ท่าทางเจ้าเมืองคงจะตามใจลูกมาก”
“ค่อยๆ ตัดไปตั้งแต่ข้อเท้าขึ้นไปถึงเข่าน่าจะดีให้เตรียมพร้อมอดทนให้ถึงที่สุด”
“อันนั้นก็เป็นความคิดที่ดีเพคะ”
เหมือนกันไม่มีผิด ชานรู้สึกตามนั้นและเอียงหูฟังบทสนทนาอันน่าขนลุก
“พระชายาไม่ได้ไปหอนางโลมเฉยๆ มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ไปเพื่อสืบข้อมูลใช่หรือไม่”
มินอาผู้ซึ่งกำลังฟังอยู่ข้างนอกยกยิ้มขึ้น ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ต่างจากที่องค์ชายคิดเอาไว้เยอะ คำตอบของรยูฮาที่ตามมาทีหลังทำให้ความตั้งใจของชานที่จะพูดต่อหายไป
“เหล้า…ออกไปดื่มเหล้า ก็ไปดื่มเหล้าที่หอนางโลมไง จะไปหาข้อมูลอะไรกันเพคะ”
ไม่มีใครเอ่ยปาก ภายในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ ขณะที่สามคนกำลังดื่มชา เจ้าเมืองพันก็ปรากฏตัวและโค้งตัวตรงนอกประตู หน้าดำคร่ำเครียดขนาดนี้แสดงว่าคงจะฟังเรื่องราวทั้งหมดจากลูกชายตนเองแล้วสินะ หนวดเคราที่ไว้มาอย่างยากลำบากบนร่างเล็กกำลังสั่นเทาอย่างน่าสงสาร มินอายืนอยู่ข้างนอกสักครู่แล้วก็เคาะประตูขึ้น
“ฝ่าบาท เจ้าเมืองพันมาแล้วเพคะ”
“ให้เข้ามา”
คอของเจ้าเมืองพันที่เข้ามายืนในห้องขยับไปมาเหมือนตะพาบน้ำ ขนาดสีหน้ายังเหมือนตะพาบน้ำและใกล้เคียงสีเขียว องค์รัชทายาทที่นั่งอยู่ตรงที่ประทับก็รับมือได้ยากแล้ว แต่ทั้งสองข้างยังมีพระชายาและองค์ชายอยู่ด้วย ไม่ใช่ว่ากำลังเฝ้ามองมาทางเข้าอยู่หรือ เจ้าเมืองใช้มือสั่นระริกเอาสมุดหนึ่งเล่มที่อยู่ในอ้อมกอดออกมาแล้วยื่นให้ตรงหน้าฮอน
“สมุดบัญชีที่ทรงตรัสถามอยู่นี่แล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตลูกชายกระหม่อมแลกกับสิ่งนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าให้คำมั่น”
ฮอนเปิดสิ่งนั้นดูแล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก มันคือสมุดธรรมดาที่ไม่ได้มีสัญลักษณ์อะไรเขียนไว้ แต่ว่าชื่อและจำนวนเงินที่เขียนไว้ในนั้นไม่ธรรมดาเลย ฮอนเปิดดูทีละหน้าแล้วหัวเราะอย่างหมดแรง
พระจักรพรรดิที่ทุกคนสรรเสริญว่าคือกลุ่มดาว ซึ่งก็คือพระบิดาของฮอนและชาน ยุคสมัยที่พระองค์ปกครอง ราษฎรอยู่อย่างมีความสุขไม่มีหนี้ อาณาจักรที่ภูมิใจกับประวัติศาสตร์นับพันปีเริ่มมาตั้งแต่จุดนั้น
“ขอหม่อมฉันดูด้วย”
“นี่”
รยูฮารับเอาสมุดที่ฮอนยื่นมาให้ นางมองข้างในปราดเดียวแล้วก็โยนลงบนโต๊ะ เสียงเย็นชาและสายตาคมแทบจะปาดคอเจ้าเมืองพัน
“ลูกชายเจ้าเหลือขาหนึ่งข้างกับแขนสองข้างใช่หรือไม่ เริ่มตัดอะไรก่อนดีล่ะ”
“พระชายา! ไหนว่าจะทรงไว้ชีวิต…!”
รยูฮาถึงกับกระตุกยิ้มมุมปาก
“ข้าไม่ได้บอกว่าจะละเว้นขากับแขนเสียหน่อยนี่ สมุดนี่แลกกับชีวิต แล้วแขนขาจะแลกกับอะไร”
ร้ายกาจ ช่างเป็นสตรีที่ร้ายกาจ ต่อให้รู้สึกกลัวจนตัวสั่นแต่เจ้าเมืองพันก็ทำได้แค่เอาของที่มีออกมาทีละอย่าง
“กระหม่อมจะเอาทรัพย์สินของตระกูลออกมาพ่ะย่ะค่ะ”
“แขนหนึ่งข้าง”
“จะปล่อยตัวคนที่ต้องมาเป็นทาสเพราะไม่ได้จ่ายภาษีพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องนั้นฝ่าบาทมีสิทธิ์ทำได้อยู่แล้ว ถือว่าเป็นโมฆะ”
มือขาวของพระชายาเคาะลงนนโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ เสียงนั้นเหมือนเสียงฝีเท้าของเพชฌฆาตที่จะเข้ามาตัดแขนขาของลูกชาย ตอนนี้ในหัวของเจ้าเมืองพันไม่มีเวลาแม้แต่จะมามัวขนลุกและกลับมาดิ้นรนอีกครั้ง เขาต้องเอาอะไรมาแลกถึงจะใช้การได้
“ในหมู่บ้านคนรวยมีพวกเรียกดอกเบี้ยแบบขูดเลือดขูดเนื้อที่ผิดกฎหมายอยู่ กระหม่อมจะจับพวกเขามาแล้วยึดทรัพย์ก่อนจะเปลี่ยนให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ”
“ขาหนึ่งข้าง”
เหมือนกับว่าเขาวางโล่ที่มีจนหมดแล้ว เจ้าเมืองพันคอตกอย่างเป็นทุกข์ พร้อมกับหวังว่าพระชายาจะเมตตา
“…ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
แต่ว่าทรงไม่เมตตา เสียงฝีเท้าของเพชฌฆาตที่เดินมาทางลูกชายหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วก็ได้ยินเสียงชักมีดออกมา
“ไม่ได้จริงๆ สินะ มินอา แขนหนึ่งข้าง”
“เพคะ พระชายา”
ชายเสื้อของมินอาที่หมุนตัวอย่างไม่รอช้าถูกจับไว้อย่างรวดเร็ว สิ่งนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขามี เจ้าเมืองพันที่กำลังเอ่ยปากอยู่ตอนนี้รู้สึกเหมือนกำลังบั่นคอตัวเอง
“สมุดรายชื่อ มีสมุดรายชื่อแสดงทรัพย์สินอีกพ่ะย่ะค่ะ”
สายตาของฮอนและรยูฮาสบกันกลางอากาศ รยูฮาปลายตาไปทางพวกเขาราวกับสั่งว่าให้ดูสิ่งนั้นก่อน
“ไปเอามา ข้าจะดูแล้วก็พิจารณาเอง”
“ก่อนหน้านั้นช่วยรับปากว่าจะไว้ชีวิตครอบครัวกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาต่อรองแต่ก็ต้องต่อรอง สิ่งที่เอาออกมาตอนนี้อาจจะทำให้หลายชีวิตตกต่ำลง และหนึ่งในนั้นคือตัวเองกับภรรยา เหนือสิ่งอื่นใดคือลูกชายคนสำคัญที่อยู่ตรงนี้ด้วย
“แน่นอน จะไว้ชีวิตเจ้าด้วย”
เพราะการรับปากอย่างมีเมตตาของฮอน เขาจึงเดินออกไปนอกประตูอย่างไม่รอช้า สิ่งที่ถืออยู่ในมือของเจ้าเมืองพันผู้ซึ่งกลับมาในไม่ช้าเป็นสมุดสองเล่มที่คล้ายกับสมุดรายชื่อเมื่อครู่ แต่ปกเก่าและขาดรุ่งริ่งกว่ามาก เป็นตัวพิสูจน์ได้ว่าความไม่ถูกต้องดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
“ที่กระหม่อมรับมาหนึ่ง และอีกหนึ่งคือที่ส่งต่อพ่ะย่ะค่ะ รวมทรัพย์สินที่รับมาจากทุกที่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือแล้วส่งมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
ประการแรกในสมุดมีชื่อของแต่ละเมืองและชื่อผู้ปกครอง รายชื่อทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นทุกปีเรียงกันอย่างแน่นขนัด แต่ว่าชื่อที่ปรากฏอยู่บนสมุดอีกเล่มมีเพียงหนึ่ง ดวงตาของฮอนที่กำลังมองสิ่งนั้นสั่นไหว
จูเยฮึง บุตรชายคนโตของตระกูลจู ท่านพี่ของพระมเหสี ท่านลุงผู้ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดของฮอน