วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 7-3
ในระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน ฝีเท้าของเด็กน้อยที่เข้าไปในตรอกหยุดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เด็กน้อยกระซิบบางอย่างกับเหล่าชายหนุ่มรูปร่างน่าเกรงขามที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างหน้า จากนั้นเด็กน้อยคนนั้นก็เดินกลับมาหาพลางยืนเกาหัวอย่างเขินอายต่อหน้ารยูฮา
“ที่นี่ถูกแล้วขอรับนายท่าน แต่คนเฝ้าเขาบอกว่าเข้าไปไม่ได้ขอรับ”
“ฝากไปบอกทีว่าข้ามีเงินมาเดิมพันแล้วก็ไม่จำกัดด้วย”
พูดพร้อมวางเหรียญสองเหรียญเพิ่มลงไปบนฝ่ามือให้อีก เด็กน้อยทำหน้าตาเด็ดเดี่ยวแล้วกลับไปหาเหล่าชายหนุ่มอีกครั้ง และหลังจากนั้นฮอนต้องถูกค้นตัวจากคนเฝ้าประตู เขาชักสีหน้าแล้วรับเอาหน้ากากมาก่อนจะเดินเข้าไปยืนข้างในได้
“สีหน้าไม่ดีเลย ฮอน”
“เป็นครั้งแรกที่กระหม่อมยอมให้ผู้ชายสัมผัสตัวพ่ะย่ะค่ะ”
ฮอนผู้ซึ่งไม่ชอบสัมผัสผู้ชายเป็นพิเศษ แม้แต่เรื่องได้รับการดูแลรับใช้จากขันทีเขาก็เกลียด มีคำสั่งห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด เหล่าชายน่าเกรงขามลูบคลำไปบนพระวรกายอันสูงส่ง ยิ่งไปกว่านั้นเขาคิดว่าหนึ่งในนั้นสัมผัสตัวเขาพร้อมกับยิ้มแปลกๆ ให้ ให้ตายเขาก็จะไม่ทำแบบนี้อีกครั้งแน่ๆ
“สองท่าน”
ทันทีที่สองคนสวมหน้ากากที่หน้าประตูเสร็จ ผู้เฝ้าประตูตรวจดูว่าใส่เรียบร้อยแล้วจึงเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในมีควันของยาสูบตลบอบอวลจนบดบังสายตาในชั่วพริบตา พอควันเริ่มจางไป รอบๆ ห้องก็เห็นเป็นคนใส่หน้ากากนั่งล้อมเป็นวงอยู่ การเดิมพันตาหนึ่งน่าจะเพิ่งจบลง ชายคนหนึ่งถึงกำลังกวาดเงินเดิมพันลงมา
“คนใหม่นี่เอง”
เหล่าผู้ชายมองดูเสื้อผ้ามีราคาที่รยูฮาสวมอยู่ก็พากันคาดหวังว่านางคงมีเงินมาก และแต่ละคนก็เข้ามาล้อมจนเว้นที่ไว้ให้สองคนสามารถนั่งได้เท่านั้น กลิ่นของเหล่าผู้ชายที่ลอยอยู่เต็มห้องทำให้ฮอนหน้านิ่ว โชคดีมากที่สวมหน้ากากอยู่
“ฝากตัวด้วย”
รยูฮาทักทายสั้นๆ แล้วกระดานเดิมพันก็กลับมามีชีวิต เหล่าเงินของรยูฮาที่ลงไปตาแรกเข้าไปอยู่ในมือของเหล่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมด เกมที่สองก็เช่นเดียวกัน พอไพ่ของครั้งที่สามถูกแจกจ่ายริมฝีปากที่เคยไร้ความรู้สึกก็ยกยิ้มขึ้นแล้วจางหายไป
“เหรียญเงินสิบนยาง”
ชายคนที่ได้เงินไปเมื่อครู่ขยับตัวแล้ววางเงินหนึ่งกำมือลง ต่อไปเป็นคราวของรยูฮา หญิงสาวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเงินแล้วเอาออกมา เหล่านักพนันพากันส่งเสียงแห่งความโลภออกมา
“เหรียญเงินสิบนยางแล้วก็ทองหนึ่งนยาง”
“หา…!”
ฮอนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ตกใจเช่นเดียวกัน จนถึงตอนนี้เงินที่รยูฮาและฮอนเสียก็พอสมควรแล้ว แต่ก็วางทองที่ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าหลายเท่าตัวลงไป ไหนว่าเงินฉุกเฉิน จะเอาเงินราชวงศ์ของวังซึงกวอนออกมาใช้จนหมดเลยหรือ ฮอนมีมีลางสังหรณ์ว่านี้คือตาที่รยูฮาพูดถึงแล้ววางไพ่ของตัวเองลง
“ข้าขอยอมแพ้ขอรับ”
“ข้าเองก็ใจสั่นมากเหมือนจะไม่ไหว”
“ข้าเองก็ด้วย ฮ่าๆ”
พวกเขาวางไพ่ลงตามมาทีหลัง มีเพียงชายรูปร่างสูงใหญ่ที่นั่งตรงข้ามรยูฮาเท่านั้นที่ยิ้มแล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเงินที่ใหญ่เท่าฝาหม้อ
“คนมาใหม่ลงขนาดนี้ เจ้าบ้านอย่างข้าคงแพ้ไม่ได้ เหรียญเงินเพิ่มอีกยี่สิบนยาง”
เหรียญเงินกองกันขึ้นเป็นภูเขาลูกเล็กพร้อมกับเสียงโลหะกระทบกัน ทุกคนกลืนน้ำลายดังเอื๊อกแล้วเฝ้าดูทั้งสองคน รยูฮารู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นบนชั้นผิวแล้วค่อยๆ หงายไพ่ออกช้าๆ พอเห็นไพ่พวกนั้นเหล่านักพนันยิ่งพากันอุทานเสียงดังมากกว่าเมื่อครู่
ไพ่ของรยูฮานั้นรวมแต้มทั้งหมดแล้วได้เจ็ดแต้ม ถึงแต้มจะไม่ได้ต่ำมาก แต่ก็ไม่ใช่ถึงกับจะทุ่มด้วยทอง มันหมิ่นเหม่
ช่างเหมาะที่จะประลองกับชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ฝีมือทัดเทียมกัน เขาส่งเสียงแล้วหงายไพ่ลงบนพื้น ไพ่สองใบที่มีเลขหกเขียนอยู่อย่างชัดเจน
“โธ่เอ๊ย กะแล้วเชียว…!”
“เฮ้อ ให้ตายสิ”
ความเสียใจและความอิจฉาผสมปนเปกันในคราวเดียว ภายในห้องเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ทรัพย์สินที่รวมกันอยู่ก่อนนั้นทั้งหมดหายเข้าไปในกระเป๋าเงินของรยูฮาอย่างสะอาดหมดจด คนที่เสียทรัพย์มากเมื่อครู่ ปกติน่าจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่เขากลับยิ้มพร้อมส่งเสียงไปทางรยูฮา
“ท่านกล้าได้กล้าเสียจนน่าทึ่ง”
“ท่านที่พูดอย่างนั้นต่างหากที่น่าทึ่ง หากเป็นข้าคงไม่กล้าลงเดิมพันทองที่เลขหก”
รยูฮาพูดอย่างสบายๆ แล้วรวบไพ่เพื่อเริ่มเกมต่อไป ตอนนี้เองที่ฮอนใช้มือคว้ามือของหญิงสาวไว้แล้วเลื่อนลงไปใต้โต๊ะพร้อมกับพูดเสียงเบา
“พอเถอะขอรับ”
“เล่นอีกสักตา”
“ตอนนี้ช้ามากแล้วขอรับ”
การแสดงของฮอนเป็นธรรมชาติดีทีเดียว รยูฮาลอบยิ้มในหน้ากากแล้วส่ายหน้าราวกับเลี่ยงไม่ได้
“ขอโทษด้วยที่ต้องกลับแล้ว ไว้เจอกันอีกคราวหน้า”
ผู้ชายทั้งหลายที่เหลือถามว่าจะไปแบบนี้ได้อย่างไร แต่ก็ปล่อยทั้งคู่ออกไปอย่างง่ายๆ เมื่อออกมาด้านนอกทั้งคู่ก็ถอดหน้ากาก เดินผ่านทางเดินมืดๆ ออกมาที่ลานด้านหน้าถึงได้เหมือนกับหลุดออกมาจากกลิ่นของผู้ชาย ฮอนยกหน้ากากขึ้นมาใส่ปิดหน้าแล้วผลักประตูใหญ่ออกไป แต่ประตูนั้นก็ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย กลับได้ยินน้ำเสียงอันน่าขนลุกลอยเข้ามากระทบหูของทั้งคู่
“มาเอาเงินแล้วจะไปเฉยๆ หรือ แบนนั้นไม่ได้สิ”
ชายห้าคนที่ตามพวกเขาออกมาอย่างไร้สุ่มเสียงยืนอยู่ ตรงกลางนั้นมีชายที่เสียทองไปเมื่อครู่รวมอยู่ด้วย ใบหน้าที่ถอดหน้ากากออกแล้วน่าเกรงกลัวเหมือนกันหมด ความน่าเกรงกลัวไม่ด้อยไปว่าหัวหน้าองครักษ์ชองโอ ถ้าพามาที่นี่ด้วยคงติดอันดับสาม
“ต้องมีทั้งคนได้และคนเสียสิถึงจะเรียกว่าพนัน ไม่มีความยุติธรรมเสียเลย”
เหล่าคนที่พอใช้ได้ตัวสั่นแต่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะตอบโต้การคุกคาม ท่าทางที่ค่อยๆ เดินเข้ามาดูคุกคามมาก ได้ยินเสียงกระซิบลอยเข้ามาที่หูของฮอนที่กำลังจะเข้าไปขวางข้างหน้า
“เดี๋ยวก่อน อยู่เฉยๆ”
ฮอนไม่ชอบใจเลยแต่เพราะเชื่อรยูฮาจึงหลบไปด้านข้างหนึ่งก้าว ระหว่างนั้นชายคนที่เข้ามาก็ยื่นหน้าเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น
“ใช่ ต้องมีทั้งคนได้และคนเสีย แต่ว่าคนได้ถูกกำหนดไว้แล้วไม่ใช่หรือไง หืม?”
กำปั้นที่ถูกยกขึ้นมาใหญ่กว่าหัวของผู้หญิงปกติเล็กน้อย รยูฮาแสร้งทำเป็นกลัวแล้วถอยไปอยู่ข้างหลัง
“ทำอะไร ข้าจะเรียกทหารมา!”
เสียงตะโกนอย่างตะกุกตะกักช่างแผ่วเบา ท่าทางแบบนั้นใครดูก็รู้ว่ากลัว ทำให้ความมั่นใจของพวกผู้ชายเพิ่มขึ้น
“ฮ่าๆ ทหาร? เป็นคนต่างเมืองสินะ? ไหนลองเรียกมาสิ! ถ้ามาแล้วไหนๆ ก็ต้องดื่มเหล้าด้วยกันเสียหน่อย!”
ท่ามกลางชายที่ล้อมไว้อยู่มีคนปรบมือพร้อมหัวเราะด้วยความชอบใจดังขึ้นราวกับแต่งเรื่องขึ้นมา ริมฝีปากของฮอนที่ถูกหน้ากากบดบังไว้หัวเราะโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่ว่าคนที่ถูกเรียกว่าเป็นหทารปกป้องชาวบ้านคบค้ากับนักเลงเพื่อหากินหรือ หากในเมืองอยู่สุขสบายดียิ่งเป็นเรื่องน่าแปลก
“ปล่อยพวกเราไปเถิด ข้าจะให้ทั้งหมดของข้า ม้าที่ขี่มาก็เอาไปได้เลย”
รยูฮาสวมบทบาทว่ากำลังกลัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ นางยื่นกระเป๋าเงินส่งไปให้ด้วยมืออันสั่นเทา ชายร่างใหญ่ฉวยเอาสิ่งนั้นมาพร้อมกับหัวเราะอย่างพอใจ แล้วประตูที่ดันไม่ออกก็ยอมเปิดออก มีเสียงแกร๊กดังขึ้น ประตูส่งเสียงน่าอึดอัดแล้วถูกเปิดออก ชายเฝ้าประตูสองคนเมื่อครู่กำลังมองพวกเขาในสภาพอมยิ้ม
“ท่านทหาร ไว้มาใหม่คราวหน้านะ”
ชายคนที่ส่งยิ้มแปลกๆ มาให้ฮอนตอนก่อนจะเข้าไปเมื่อครู่กวนใจเขาด้วยน้ำเสียงน่าอึดอัด ไม่ได้เข้าใจผิดไปเองจริงๆ ด้วย รยูฮาจับข้อมือของเขาที่ตอนนี้ขนลุกไปทั่วทั้งร่างแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะอย่างนั้นเขาจึงสงบใจลงแล้วจัดการกับความคิดได้
“ถ้าจัดการกับพวกนักเลงเมื่อกี้ ต่อให้ไม่มีเอกสาร หลักฐานก็เพียบ!”
รยูฮากำลังอารมณ์ดีเพราะทำตามแผนการสำเร็จอย่างง่ายดาย แต่ฮอนต่างออกไป เขาหยุดเดินแล้วถอดหน้ากากเลื่อนลงข้างล่าง หว่างคิ้วของฮอนที่ปรากฏขึ้นภายใต้แสงจันทร์กำลังขมวดเข้าหากัน น้ำเสียงก็ทุ้มต่ำกว่าปกติมาก
“หลักฐานอะไร สิ่งที่จำเป็นข้าจะรวบรวมมาเอง คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก”
“ไม่ชอบใจมากหรือ ก็น่าอยู่หรอก ดูอย่างไรพวกคนเฝ้าประตูนั้นก็น่าจะเป็นพวกรักร่วมเพศ…”
ยังไม่ทันที่รยูฮาจะได้พูดต่อจนจบ นางก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของฮอน เป็นเพราะเขาโดนลวนลามจากชายสองคนนั้นหรือ แต่ถึงไม่ใช่อย่างนั้นตอนนี้ทั้งคู่ก็ดูสะดุดและกลายเป็นจุดสนใจในชั่วพริบตา
“รักร่วมเพศหรือ วิปริต”
“จุ๊ๆ พวกคนหนุ่มสาวสมัยนี้…”
คำพูดกระซิบกระซาบจากคนที่เดินผ่านไปมาแว่วมาให้ได้ยิน แต่นอกจากจะไม่ปล่อยหญิงสาวแล้วฮอนยิ่งกอดนางแน่นขึ้นไปอีก รยูฮาลังเลอยู่สักครู่แล้วก็ยกมือขึ้นลูบหลังเขา
“เรื่องที่ข้าลำบากไม่ว่าจะมากแค่ไหนก็ทนได้ แต่ที่เจ้าคุยกับคนต่ำช้าพวกนั้น ที่พวกนั้นเข้ามาใกล้เจ้า แม้แต่หายใจในพื้นที่เดียวกันข้าก็ทนไม่ไหว ข้าต้องทำเช่นไรเจ้าถึงจะเข้าใจจิตใจของข้า”