วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 7-6
“พระชายา?”
ชานผู้ซึ่งวิ่งมากราวกับคนสติหลุดถึงกับหมดคำพูดเมื่อเห็นสภาพภายในห้อง เตียงที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคาบเลือด ฮอนที่หมดสติไปในอ้อมแขนของรยูฮา รยูฮาที่กำลังห้ามเลือดตรงไหล่ของฮอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น ดูเหมือนว่าหญิงสาวคงไม่รู้ตัวว่าเสื้อผ้าของตนถูกถอดออกจนเกือบจะตัวเปลือย
“หมอ หมอ เรียกหมอหรือยังเพคะ”
น้ำเสียงสั่นเครือที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นแสดงออกซึ่งความตื่นตระหนก หวาดกลัว และโมโหของหญิงสาว ชานจึงถอดเสื้อคลุมของตนคลุมลงบนไหล่รยูฮา แล้วรับเอาฮอนมาวางลงบนเตียง ก่อนจะสำรวจตรงนั้นตรงนี้ บาดแผลที่ถูดมัดไว้แน่นโดยการปฐมพยายบาลเบื้องต้นมีเลือดไหลออกมาต่อเนื่อง ดาบที่ทำให้เกิดบาดแผลก็อยู่ด้านข้างเขานั่นเอง
“หมอกำลังมาพ่ะย่ะค่ะ รอสักครู่”
ดวงตาว่างเปล่ามองชานที่พูดอย่างสุขุมเยือกเย็น สายตานั้นดูวุ่นวายและสูญเสียความสงบนิ่งที่ปกติเคยมี แม้แต่ในสถานกาณ์คับขันแบบนี้ดวงตาคู่นั้นก็ยังทำให้ชานหวั่นไหว สิ่งที่ทำให้เขายิ่งทนไม่ได้คือความจริงที่ว่าในดวงตานั้นมีภาพของเขาอยู่ไม่ใช่ฮอน ความต้องการที่ควบคุมไม่ได้หลั่งไหลลงมาเหมือนการถล่มของภูเขา และมันกำลังโหมเข้าใส่ชาน กว่าจะตั้งสติได้แขนแกร่งของเขาก็ดึงรยูฮาเข้ามากอดตามใจเสียแล้ว
“เฮ้อ ให้ตายสิ”
เสียงแหบแห้งออกมาจากปากของชานราวกับมีอะไรสักอย่างขูดลำคอของเขา รยูฮานั่งอยู่ตรงนั้นไม่มีเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้เขาหมดหวังและตกลงไปในนรก ในสถานการณ์ที่น้องชายคนเดียวถูกจู่โจมจนสิ้นสติไป เขาก็ยังปรารถนาในตัวภรรยาของน้อง คุณธรรมประจำใจที่เขายึดมั่นมาตลอดชีวิตและความอยากครอบครองรุนแรงที่มีต่อรยูฮากำลังต่อสู้ห่ำหั่นกัน และชานก็กำลังถูกกระชากเป็นชิ้นๆ
“ดูแลฝ่าบาทอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ใช่หมอไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามานะเพคะ”
ดูเหมือนว่าในหัวของรยูฮาตอนนี้จะไม่รับรู้ว่าใจของชานกำลังสั่นไหวและถูกกระชากเป็นชิ้นๆ แม้แต่ความจริงที่ว่าชายที่กำลังกอดนางอยู่คือชานก็ไม่เข้าไปในหัวนาง รยูฮายังคงอยู่ในสภาพสายตาว่างเปล่าแล้วหายไปนอกประตูโดยที่มีเสื้อของชานคลุมอยู่ ในห้องที่ฮอนยังคงไม่ได้สติเหลือแค่ชานเท่านั้น
“พระชายา!”
“เจ้าเมืองอยู่ไหน”
เหล่าทหารที่เฝ้าอยู่นอกประตูกระวีกระวาดตะโกนเรียกพระชายาเพราะการปรากฏตัวขึ้นของพระชายา ผมยุ่งเหยิงและเนื้อหนังมังสาที่โผล่ออกมาจากเสื้อของบุรุษที่ถูกคลุมไปอย่างลวกๆ เหล่าทหารที่ไม่อาจแตะต้องพระวรกายได้จึงทำได้แต่ก้มหน้า มินอานั้นวิ่งเข้ามากอดรยูฮาไวเหมือนลำแสง
“พระชายา หาเจ้าเมืองเจอแล้วเพคะ เขาหนีไปไม่ได้แน่ แต่พระชายาแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเถอะนะเพคะ”
เป็นทั้งบริวารและครอบครัวที่เชื่อใจกว่าใคร น้ำเสียงอันเฉียบขาดของมินอาทำให้สติที่กลายเป็นน้ำแข็งกลับมาอีกครั้ง รยูฮากลับเข้าไปในห้องแล้วแต่งตัวกลับออกมา เจ้าเมืองก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
มินอาพูดถูกแล้ว เจ้าเมืองหนีไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะร่างกายที่แก่ตัวลงแล้วของเขาถูกห้อยอยู่ตรงคานห้องทำงานแล้ว
“โธ่เอ๊ย!”
คำด่าอย่างอ่อนแรงเล็ดลอดออกมาจากปากที่เม้มเข้าหากันแน่น รยูฮาเงยหน้ามองศพของเจ้าเมืองที่ลิ้นห้อยยาวลงมาแล้วหมุนตัวกลับอย่างเย็นชา
* * *
ผ่านไปสองวันฮอนถึงลืมตาตื่นขึ้น มีดสั้นพ้นจากจุดสำคัญไปแต่พิษที่ติดอยู่ในนั้นก็แพร่กระจายเข้าไปในเลือด
ฮอนค่อยๆ ลืมตาปะทะกับแสง สิ่งที่เข้ามาในสายตาของฮอนอย่างแรกเลยคือภาพของรยูฮาที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ โดยมีดาบอยู่ข้างกาย
“ฝ่าบาท?”
รยูฮาลืมตาขึ้นเพราะสัมผัสที่ลูบลงอย่างแผ่วเบาบนหัว ถึงจะซูบผอมแต่ฮอนก็มองรยูฮาไม่วางตา
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
รยูฮาหัวเราะชอบใจกับคำพูดที่เอ่ยออกมาเป็นครั้งแรกพร้อมกับรอยยิ้มบาง ตอนนี้ใครกำลังเป็นกังวลเพราะใครกันแน่
“คนที่ควรจะเป็นอะไรคือฝ่าบาทต่างหากเพคะ”
“…งั้นหรือ”
ฮอนลูบคลำมือของรยูฮา อุณหภูมิที่ถูกส่งออกมาอย่างอบอุ่นเป็นตัวบอกได้อย่างชัดเจนที่สุดมากกว่าสิ่งอื่นใดว่าเขายังไม่หมดลมหายใจ
“เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้”
“ไม่เพคะ หากหม่อมฉันใส่ใจรอบข้างให้มากกว่านี้…”
ไม่รู้ว่ามีผู้ลอบฆ่าซุ่มอยู่ ความรู้สึกผิดเกาะแน่นเหมือนปลิงดูดเลือดที่ติดอยู่ตรงท้ายทอย แต่ฮอนกลับส่ายหน้าแล้วปฏิเสธความรู้สึกผิดของหญิงสาว
“ขอบใจที่ช่วยชีวิต หากต้องมาตายก่อนได้เข้าหอกับเจ้า ต่อให้ตายไปข้าก็คงจากโลกนี้ไปไม่ได้”
“ยังจะมาล้อเล่นในสถานการณ์แบบนี้อีกหรือเพคะ”
ฮอนเปิดปากตั้งใจจะบอกว่าไม่ได้ล้อเล่น แต่ได้ยินเสียงของชานพาหมอเข้ามาพอดี
“ฟื้นแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ความรู้สึกเหมือนไม่ค่อยดีใจที่เขาฟื้นเลย ฮอนคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่ก็รู้สึกเพียงชั่วครู่ ชานที่มักจะเม้มปากอยู่ตลอดกลับมามีใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วเข้ามานั่งในห้อง
“โชคดีจริงๆ ตามที่หมอบอก เพราะพระชายาช่วยป้องกันจุดสำคัญไว้ได้อย่างรวดเร็วจึงไม่เกิดอันตรายมากไปกว่านี้ นับได้ว่าช่วยชีวิตฝ่าบาทไว้สองครั้งแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
รยูฮาลุกขึ้นจากที่พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ แล้วปล่อยมือที่จับอยู่
“หม่อมฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ องค์ชายอยู่ดูฝ่าบาทด้วยนะเพคะ”
“ข้าเพิ่งฟื้นเจ้าจะไปไหน”
“หม่อมฉันกำลังสอบสวนคนที่ลอบปลงพระชนม์อยู่เพคะ”
รยูฮาทิ้งคำน่าหวาดเสียวไว้แล้วออกจากห้อง มุ่งหน้าไปที่ใดสักแห่ง สถานที่หญิงสาวมาถึงคือคุกที่อยู่ลึกที่สุดในที่ว่าการ ภายในคุกคับแคบที่ไม่มีแสงส่องเข้ามาถูกทำให้สว่างด้วยแสงไฟจากเตาไฟที่กำลังลุกโชน
“อือ! อือ อื้อ!”
ผู้ลอบสังหารเห็นรยูฮาก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เขาไม่ได้ถูกมัดไว้ ร่างกายของเขาที่หักไปหมดแล้วตรงจุดนั้นจุดนี้ ส่วนที่พอจะขยับได้มีเพียงนิ้วมือไม่กี่นิ้ว ไม่มีหนทางให้เลี่ยงรยูฮาได้เลย สำหรับผู้ลอบสังหารการปรากฏตัวของรยูฮาน่ากลัวกว่าความตาย เพราะ…
พรึ่บ!
แส้ตวัดพันรอบตัวผู้ลอบสังหารเหมือนงู สัมผัสของแส้ติดไปทั่วร่าง มีเลือดออกมาเล็กน้อยจากเนื้อที่ปริแตก แต่ใบหน้าของรยูฮานั้นเป็นสีหน้าที่ไม่สามารถเห็นได้จากที่ไหนเลย
พรึ่บ!
พรึ่บ!
ฟาดลงไปแล้วกี่ครั้งกัน รยูฮาหยุดการเคลื่อนไหวครู่หนึ่ง แล้วโบกมือข้างที่ไม่ได้จับแส้ ทหารที่ยืนอยู่ข้างๆ โปรยผงสีขาวลงบนร่างกายของผู้ลอบสังหาร
“อ๊าก! อ๊ากกก!”
เกลือละลายลงบนเลือดซึมเข้าไปในแผล ให้ของขวัญเป็นความทรมานดังนรก ทรมานเสียยิ่งกว่าการพาวิญญาณของผู้ลอบสังหารไปสู่ความตาย
ตอนแรกคิดไว้ว่าอย่างไรเสียก็จะไม่เปิดปาก เขากลับมาเพราะโดนสาดน้ำ การฝึกฝนอย่างหนักท้ายที่สุดแล้วก็เตรียมตัวมาเพื่อสิ่งนี้หรือเปล่า ดังนั้นพอได้สติลืมตาตื่นขึ้นมาเจอพระชายา เขาก็ถึงกับยิ้มแห้งในใจ แน่จริงพระชายาก็ลองทรมานดูสิว่าข้าจะเปิดปากไหม
แต่ผ่านไปสองสามชั่วโมงผู้ลอบสังหารก็ทำได้เพียงยอมรับความจริงที่ว่าตัวเองคิดผิด พระชายาไม่สงสัยคนที่ยุยงเขาเลย หลังจากที่หญิงสาวทรมานเขาไม่ให้ตาย และหากสลบไปก็ส่งหมอไปรักษา ทำราวกับว่าตนเองมีเมตตา และต่อมาอีกสองสามชั่วโมงก็ทรมานเขาต่อ พระชายาขององค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรเป็นสาวบ้าจนน่าตกใจ
พรึ่บ!
“ต่อไป”
รยูฮาฟาดแส้ลงไปเป็นครั้งสุดท้ายแล้วส่งให้ทหารที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาเก็บแส้แล้ววางบางอย่างที่เล็กและเป็นประกายลงบนมือของรยูฮา มันคือมีดสั้นที่เจาะทะลุไหล่ของฮอน
“อ๊ากกก”
ผู้ลอบสังหารส่ายหน้าไปมาเพราะความหวาดกลัว ขอร้องช่วยเปิดปากให้ที ข้าจะสารภาพความผิดทั้งหมดที่รู้ แต่การขอร้องอย่างน่าหดหู่นั้นกลับได้ยินเพียงแค่เสียงดังอู้อี้เพราะถูกปิดปากไว้
“เหลือส่วนไหนกันนะ”
รยูฮาสำรวจตรงนั้นตรงนี้แล้วขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะท่าทีที่น่าเวทนาของผู้ลอบสังหารหรือเพราะเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด นางแค่กลุ้มใจที่ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจนมองไม่เห็นที่ให้กรีดลงไปอีก
“สาดน้ำลงไป เพราะเลือดเลยมองไม่ค่อยเห็น”
ทหารหนึ่งนายออกไปเอาน้ำตามคำสั่งของหญิงสาวที่ถอยไปหนึ่งก้าว โอกาสมีแค่ตอนนี้เท่านั้น หญิงสาวคนนี้ไม่อนุญาตให้เขาบอกข้อมูลที่มีเลย ต้องบอกข้อมูลที่กระตุ้นหญิงบ้าคนนี้ให้ได้มากกว่านี้ ดังนั้นผู้ลอบสังหารจึงตัดสินใจบอกสิ่งที่เขารู้ด้วยวิธีเดียวที่เขาทำได้ มีสิ่งเดียวแล้วที่เขาปรารถนา นั้นคือการได้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดไปสู่ความตายอันสงบ
“อือ อื้อ อื้อ…”
ผู้ลอบสังหารดิ้นรนเอานิ้วที่เคลื่อนไหวได้จิ้มไปที่เลือดแล้วเริ่มเขียน
“พระชายา ดูเหมือนว่ามันกำลังจะทำอะไรสักอย่างพ่ะย่ะค่ะ”