วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 8-6
หัวหน้าองครักษ์ผู้เซ่อซ่าไม่มีวี่แววว่าจะตอบรับ เขาบอกว่าจะออกไปสั่งการด้านนอกแล้วหายตัวไปเลย แม้แต่มินอาเองก็เลี่ยงออกไปจากตรงนั้น ข้างในเพิงที่พักชั่วคราวอันกว้างใหญ่จึงเหลือแค่สี่คนที่นั่งล้อมเป็นวงกลม ไฟลุกโชนอย่างร้อนแรงทำให้ภายในเพิงที่พักอบอุ่นขึ้น
“ปีที่แล้วองค์ชายสองจับสัตว์มาได้เยอะที่สุด คราวนี้เจ้าพลาดไปหน่อยนะ”
พระราชามองไปทางชานพลางตรัสหยอกล้อ ชานยิ้มเล็กน้อยตอบกลับไป
“เสด็จพ่อเองก็ดูหมือนต้องล้มเลิกความตั้งใจแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ หากอยากเอาชนะหมีน่าจะต้องล่าเสือภูเขามานะพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่ากังวลไปเลย พรุ่งนี้ข้าจะแบกเสือภูเขาตัวใหญ่กว่าพระราชวังลงมาเอง”
ทุกคนที่นั่งล้อมอยู่ตรงนั้นหัวเราะไปกับท่าทางของพระราชา ตอนนั้นเองมือข้างหนึ่งซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ใต้โต๊ะก็วางลงตรงต้นขาของรยูฮา พอกวาดสายตามองดูแล้วเห็นฮอนกำลังส่งสายตาหวานเชื่อมมาทางรยูฮาในสภาพที่กำลังเมาได้ที่ รยูฮาตอบกลับสายตานั้นไปด้วยรอยยิ้มที่เล็กมากๆ และพอจับตะเกียบอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าสายตาของฮอนเลิกจับจ้องมาที่นางแล้วหรือยัง
“พระชายาคงสึกหรอไปเยอะทีเดียวสินะ”
คำพูดล้อเล่นของพระราชาทำให้รยูฮาก้มหน้าลงด้วยความประหม่า แต่รู้สึกได้ถึงความสบายใจจากใบหน้าของฮอนที่กำลังยิ้มร่า
“ขออภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพราะนางรูปโฉมงดงามแต่ไหนแต่ไรมา”
“ฝ่าบาท!”
“ข้าพูดผิดหรือ นางงามหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
คราวนี้เป็นลักษณะการพูดเหมือนเกลี้ยกล่อม จะมีใครในโลกนี้ไหมนะที่บอกว่านางไม่งดงาม แม้แต่พระราชาก็คงไม่เอ่ยคำนั้นออกมา
“อืม อืม งาม”
ฮอนยิ้มร่าเริงเพราะได้คำตอบที่ต้องการ ตอนนี้ชานยิ่งรู้สึกลำบากใจที่จะมองภาพพวกนี้
“กระหม่อมเมาแล้ว กลัวจะทำเรื่องเสียมารยาท ขอออกไปรับลมหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
“ตามใจเจ้าเลย”
ชานลุกขึ้นโค้งตัวแล้วเปิดแผ่นหนังที่ติดอยู่ตรงปากทางเข้าเพิงที่พักขึ้น ขณะออกมาเขาแอบสังเกตเห็นมือที่อยู่ใต้โต๊ะ มือนั้นวางอยู่บนต้นขาของรยูฮาซึ่งชานไม่อาจสัมผัสได้ แต่มือนั้นกลับวางลงตรงนั้นราวกับเป็นขาของตัวเองอย่างเปิดเผย
“ไม่ต้องตามมา”
องครักษ์สองสามคนกำลังจะเดินตามหลังเขาไปแต่เขายกมือห้ามไว้ก่อน สถานที่ที่เขาถือขวดเหล้าเดินโซเซไปคนเดียวคือตรงก้อนหินขนาดใหญ่ในป่ามืด ชานนั่งลงบนนั้นยกขวดเหล้าเข้าปากแล้วดื่ม มีเงาขนาดเล็กปรากฏขึ้นด้านหลังเขาแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา
“อากาศเย็นนะเพคะ”
“ทำไมถึงออกห่างจากข้างกายพระชายามาได้”
ชานที่ฟังออกว่าเป็นเสียงใครหันกลับหลังไป สายตาของมินอามองผ่านป่าไปยังกองไฟไม่ใช่เขา
“องครักษ์ของฝ่าบาทคุ้มครองอยู่สองสามชั้น เวลาเช่นนี้หม่อมฉันก็ต้องพักบ้างสิเพคะ”
“นั้นสิ นั้นสินะ”
หลังคำพูดร่ายยาวที่ไม่รู้เอ่ยกับใครผ่านไป ความเงียบอันหนักอึ้งก็ดำเนินต่อไป ชานผู้ซึ่งจ้องไปทางกองไฟที่มินอาเฝ้ามองอยู่รู้สึกได้ถึงสายตาที่สัมผัสลงมาข้างใบหน้าจึงหันไป สีหน้าของมินอายังคงไร้ความรู้สึกเหมือนทุกที แต่สายตานั้นแบกรับหลายสิ่งไว้และถูกวางลงมุมหนึ่งของหัวใจชานอย่างหนักหน่วง
“ทำไมมองแบบนั้น”
“ขออภัยด้วยเพคะ ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอตัว”
มินอาไม่ได้ดูตกใจหรือดูรู้สึกผิดแต่อย่างใด ทันใดนั้นนางก็หายตัวไปในพริบตาเหลือแค่เสียงพึมพำเบาๆ ของชานภายใต้อากาศเย็น
“อย่ามอง ข้าไม่มีอะไรจะให้นอกจากความรู้สึกผิด”
* * *
“ลมมีความชื้นนะเพคะ พระชายา วันนี้อย่าเข้าไปลึกเลยเพคะ”
ท้องฟ้าแจ่มใสแต่มินอาก็รู้สึกไว นางรู้สึกได้ถึงความชื้นที่แทรกเข้ามาในอากาศ ถึงฤดูกาลที่จู่ๆ ฝนก็ตกลงมาจะผ่านไปนานแล้ว แต่ระวังไว้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย
“เตรียมพร้อม”
ฮอนที่เตรียมตัวเสร็จแล้วควบม้าสีดำเข้ามาด้านข้างรยูฮาที่พยักหน้าตามแล้วขึ้นไปบนหลังม้า ใบหน้าของเขาเตรียมพร้อมที่จะล้างแค้นให้กับความพ่ายแพ้อย่างเต็มที่
“วันนี้ไม่พาคยอกรังไปหรือ”
“เมื่อวานมันขยับตัวเยอะมากเพคะ วันนี้เลยคิดว่าจะให้พัก”
“ถ้าไม่มีคยอกรังวันนี้ก็น่าจะเอาชนะข้าลำบากนะ”
“คงไม่เพคะ ฝ่าบาทต้องทรงจับหมีให้ได้ถึงจะเสมอหม่อมฉัน ทำได้หรือไม่เล่าเพคะ”
รยูฮายกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อยแล้วโต้ตอบอย่างอวดดี ฮอนเม้มปากแน่น ถึงจะเป็นเขาเองที่ชวนพนันอย่างชะล่าใจแต่จะมาเสียหน้าไม่ได้ ตอนที่จับกวางได้ก่อนนั้น ชัยชนะมาอยู่ตรงปลายจมูกแล้วแท้ๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าหญิงสาวจะจับหมีมาได้
“พระชายาใช้ธนูที่แข็งแรงกว่า ข้าคิดว่านี่มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”
“กลับกันหากจับไม่ได้ในคราวเดียวก็คือพลาดเลยนะเพคะ แต่ฝ่าบาทสามารถยิงได้หลายครั้งมิใช่หรือเพคะ”
การที่ไหล่ของฮอนยังไม่หายดีแล้วออกมาล่าสัตว์ได้เป็นเพราะอาวุธที่มีแค่ในตระกูลของรยู ลูกธนูดอกเล็กที่สามารถเก็บไว้ในแขนเสื้อแล้วนำออกมายิงได้ด้วยมือเดียวนั้นดูเหมือนเป็นของเล่น แต่ว่ามันทั้งเร็วและเผลอๆ อานุภาพของมันอาจจะทำลายกระดูกได้เลย ถึงเป็นอาวุธของตระกูลแต่ก็ไม่รู้ตระกูลจองคิดอะไรอยู่ถึงได้สอนสิ่งนั้นให้กับมินอาไม่ใช่รยูฮา แล้วมินอาก็สอนให้กับฮอนอีกที
“เรื่องคำพูดนี่เอาชนะไม่ได้เลย”
“เรื่องล่าสัตว์ก็เอาชนะไม่ได้เพคะ”
รยูฮาสะกิดความมั่นใจในตัวเองของฮอนจนถึงท้ายที่สุดแล้วควบม้านำหน้าออกไป เขายิ้มแห้งอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วเตะสีข้างม้าเบาๆ ควบตามออกไป เข้ามาในป่าลึกขนาดไหนแล้วนะ เสียงของมินอาหยุดรยูฮาที่อยู่หน้าสุด
“เข้ามาถึงในนี้แล้วยังไม่เห็นพวกสัตว์เลยเพคะ หันม้ามุ่งหน้าไปทางอื่นน่าจะดีกว่าเพคะ”
พวกสัตว์ตัวน้อยที่มักจะหลบหนีเพื่อรักษาชีวิตก็คงมีความรู้สึกไวเช่นกัน การที่บรรดาสัตว์เลี่ยงหนีไปจากที่ตรงนี้หมายความว่ามีตัวที่จับสัตว์อื่นกินเป็นอาหารอยู่
“คงต้องเป็นเช่นนั้น ฝ่าบาทเพคะ จะไปทางตะวันตกไหมเพคะ”
รยูฮาพยักหน้าแล้วหันหน้าไปมองฮอน ตอนนั้นเอง
ฮี้!
“อ๊าก!”
จู่ๆ ม้าก็พากันกระโดดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงราวกับตกใจอะไรบางอย่างแล้วความโกลาหลก็เริ่มต้นขึ้น ม้ามีสีดำของฮอนยังอยู่กับที่ แม้แต่ม้าพันธุ์ดีก็ยังพ่นลมหายใจแรงแล้วใช้ขาหลังเขี่ยดินอย่างน่าเป็นกังวล
“โอ๊ะ โอ๊ะ!”
“พระชายา!”
ความพยายามที่จะทำให้ม้าสงบลงนั้นดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ ม้าที่รยูฮาขี่มาวิ่งเตลิดเข้าไปในป่า ฮอนไม่ได้มองหน้ามองหลังเขาควบม้าตามไปราวกับสายลม มินอาทำให้ม้าสงบลงได้สำเร็จก่อนใครแต่ก็สายไปแล้ว มินอาหน้าซีด แทบจะไม่เชื่อสายตาในสิ่งที่ตัวเองเห็นเมื่อครู่ หางสีเหลืองที่ผ่านเข้าไปในป่า แน่นอนว่าทิศทางที่มันมุ่งหน้าไปก็คือ…
“เสือ!”
มินอาและองครักษ์สองคนหายเข้าไปในเส้นทางเดียวกัน แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์ ม้าของรยูฮาไม่ยอมหยุดวิ่งเลย และม้าสีดำที่วิ่งตามไปก็อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน
เสียงครางต่ำของเสือกำลังไล่หลังฮอนมา
“ให้ตายเถอะ”
ฮอนกัดฟันเพื่อให้ใจเย็นลง ถ้ายิงม้าที่รยูฮานั่งอยู่ตอนนี้ก็จะหยุดมันได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้น่าจะอันตรายยิ่งขึ้น ตัวเลือกของเขามีอย่างเดียวเท่านั้น ฮอนผละมือข้างหนึ่งออกจากบังเ**ยนม้าแล้วเอี้ยวตัวไปทางด้านหลัง ตอนนั้นเองเสือก็กระโจนเข้าหาเหยื่อที่อยู่ตรงหน้า
อึก!
ลูกธนูดอกเล็กปักเข้าตรงสะบักของเสือที่กระโจนขึ้นมากลางอากาศอย่างโหดร้าย ลูกธนูอีกสองดอกปักเข้าตรงสองขาของเสือที่ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด และคราวนี้ตรงคออีกหนึ่ง
เลือดสีแดงไหลออกจากตรงริมฝีปากล่างที่ถูกกัดอย่างแรงไปตามคาง ฮอนไม่รู้ถึงความเจ็บปวดแล้วปล่อยธนูดอกสุดท้ายลอยออกไป ไม่ได้ตรวจดูเลยว่าลูกธนูนั้นปักลงตรงที่ที่เขาเล็งไว้หรือไม่ เสียงที่ทำให้ขนลุกมากกว่าเสียงร้องของสัตว์ป่าที่กำลังเจ็บปวดลอยเข้ามาตรงหน้า
ตูม!
“รยูฮา!”
เกิดระลอกคลื่นพร้อมกับเสียงดังตูมขึ้นอีกครั้งเหนือแม่น้ำ ฮอนควานหารยูฮาในน้ำเย็นยะเยือกอย่างเอาเป็นเอาตาย ชุดล่าสัตว์ที่หนาอุ้มน้ำและรั้งเขาลงไปใต้น้ำอยู่เรื่อยๆ
เสื้อหนังที่ถูกถอดออกด้วยมือเดียวหลุดจากตัวไปอย่างรวดเร็ว ไปติดอยู่ตรงต้นไม้ที่ล้มลงมาเพราะพายุเมื่อคราวที่แล้ว รยูฮาอยู่ตรงนั้นนางหลับตาราวกับตายไปแล้ว และไม่เคลื่อนไหวใดๆ
ในหัวว่างเปล่าและคิดอะไรไม่ออก ฮอนตะเกียกตะกายใช้แขนคว้ารยูฮาเข้ามากอดไว้แล้วจับรากของต้นไม้ไว้แน่น ตรงหัวไหล่ที่ยังไม่หายดีเริ่มฉีกแล้วความเจ็บปวดก็ตีตื้นขึ้นมา
“อึก…”
ลอยมาไกลแค่ไหนแล้วนะ โชคดีที่รยูฮาตกน้ำแล้วหมดสติไป ไม่งั้นก็คงหมดแรงในน้ำแล้วจมลง ฮอนดันรยูฮาขึ้นไปริมฝั่งแม่น้ำก่อนแล้วตัวเองถึงขึ้นมาจากแม่น้ำ
“รยูฮา ซอรยูฮา”