วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 9-3
“องค์รัชทายาทไม่ได้บอกว่าจะเสด็จมาหรือเพคะ พระชายา”
ยอนฮวาเดินถือสำรับเข้ามาตรงหน้ารยูฮาแล้วกวาดตามองสิ่งที่วางอยู่ด้านข้างทีละอย่าง จากนั้นจึงถามขึ้นอย่างลังเล
“คงเสด็จมายากเพราะมีเรื่องต้องปรึกษาหารือพระราชา บอกว่าจะมารับก่อนเริ่มงานเลี้ยง แต่ก็อย่าไปรอเลย”
รยูฮาบอกว่าไม่ต้องจัดเตรียมการต้อนรับองค์รัชทายาทอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ใบหน้าอันเป็นกังวลของยอนฮวาที่ปรากฏขึ้นก็ปิดซ่อนไว้ไม่ได้ รยูฮามองด้วยใบหน้าที่คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสลงตรงหลังมือของยอนฮวาผู้เป็นกังวลเพื่อวัดไข้
“ละเลยไม่ได้เลยเชียว ช่วงนี้อากาศหนาว ไม่ใช่ว่าเจ้ามีไข้งั้นหรือ”
“ไม่ใช่เพคะ พระชายา อยู่ข้างนอกแล้วเข้ามาเลยตัวร้อนเพคะ”
จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ภายในห้องที่รยูฮาอยู่มักจะอบอุ่นอยู่เสมอจนไม่แปลกที่จะบอกว่าเหงื่อไหล แต่ตรงโถงทางเดินที่เหล่านางในออกไปยืนนอกประตูนั้นหนาวเย็นเกินกว่าจะบรรยาย ไม่สามารถวางเตาผิงเอาไว้ตรงโถงทางเดินได้ รยูฮาครุ่นคิดอยู่นานจากนั้นจึงจัดการความคิดแล้วเปิดปาก
“รอประเดี๋ยว ไหนๆ เงินคลังของวังซึงกอนก็เหลือเยอะไม่ใช่หรือ ข้าจะบอกมินอาให้เอาสำลีกับผ้าไหมมาให้ แล้วแต่ละคนก็เอาไปเย็บเสื้อผ้าหนาๆ ใส่ให้อุ่นเสีย ข้าเองก็อยากบอกห้องตัดเย็บให้เย็บให้พวกเจ้าเหมือนกัน แต่ทางนั้นก็ยุ่งเกินกว่าจะตัดให้พวกเจ้า หากตัดเสร็จดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิก็คงบานพอดี นอกจากนั้นแล้วพวกเจ้ามาเอาเตาผิงไปไว้ที่ห้องของตัวเองคนละอันเสียด้วยล่ะ ไม่ต้องกังวลให้มากความ เพราะนี่เป็นคำสั่ง”
“พระชายา!”
“ไม่ใช่เรื่องจะมาร้องไห้ ลองไม่ฟังคำสั่งข้าดูสิ ถ้ามีห้องไหนหนาว ข้าจะไปขนเตาผิงไปใส่ไว้ให้เองเลย คอยดูสิ”
ฤดูหนาวแรกในพระราชวังมีเรื่องให้ต้องทำเยอะแยะ เป็นความผิดของนางเองที่ไม่ได้คิดถึงเหล่านางใน รยูฮาวางตะเกียบลงและตัดสินใจว่าจะให้พวกนางเตรียมตัวเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่ตอนฤดูใบไม้ร่วง คิดเช่นนั้นพลางเช็ดมุมปาก
“ยกออกไป”
“ต้องเสวยอีกนะเพคะ พระชายา”
ยางจิน นางในผู้มีประสบการณ์มากที่สุดในบรรดานางในรบเร้าอยู่ด้านข้าง พยายามให้รยูฮากินอีกแม้จะเพียงช้อนเดียวก็ตาม เป็นภาพที่เกิดขึ้นเกือบทุกมื้ออาหารแต่ก็ไม่เคยจบลงที่ชัยชนะของยางจินเลยสักครั้ง
“อีกสักพักจะมีงานเลี้ยงมิใช่หรือ ยกออกไปก่อนเถิด แล้วพวกเจ้าเองก็รีบไปกินข้าวเสีย ข้าตื่นเช้าเลยรู้สึกเหนื่อย ดูท่าต้องพักสายตาเสียหน่อย”
รยูฮาสะบัดมือไล่เหล่านางในให้ออกไปราวกับรำคาญ จากนั้นก็ล้มตัวนอนลงบนเตียงราวกับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เหล่านางในพากันถอนหายใจแล้วยกถาดอาหารที่ดูไม่ต่างจากตอนแรกที่ยกเข้ามาออกไป
“ว้าว อันนี้ข้าชอบที่สุด”
โซฮวาผู้ชื่นชอบของกินเห็นแล้วถึงกับกลืนน้ำลาย ยางจินกลอกตาไปมาอย่างเย็นชาแล้วหยิกเข้าที่ท้องอวบอั๋นของโซฮวา
“ไม่ดูตาม้าตาเรือ อาหารนี้พระชายาเองก็โปรดปรานมากเช่นกัน แต่ทรงไม่แตะต้องเพราะให้พวกเราได้กินไม่ใช่หรือไง”
“งั้นเราก็ต้องกินให้อร่อย อ้า หิวแล้ว รีบยกไปกันเถอะ”
เหล่านางในทุกคนจะกินอาหารที่เจ้านายของตนกินเหลือ ไล่ลำดับจากผู้ที่มีตำแหน่งและประสบการณ์ทำงานสูงไปยังต่ำ เหล่านางในระดับล่างจึงมักจะหิวอยู่เสมอ แต่ในวังซึงกอนไม่มีเรื่องน่าห่วงเช่นนั้น รยูฮาไม่เสียดายเงินพระคลังและสั่งอาหารอย่างพอเพียงเพื่อให้ยกขึ้นโต๊ะเสวย จากนั้นก็มักจะเหลืออาหารอร่อยไว้ให้เหล่านางในเกือบทั้งหมด เหล่านางในที่เป็นที่น่าอิจฉาไม่ใช่นางในวังกอนชองของพระราชาหรือวังชานยองของพระมเหสี หากแต่เป็นนางในที่อยู่ในวังซึงกอนต่างหาก
“โชคดียิ่งนัก คนชั้นต่ำอย่างเราชีวิตก็ผกผันตามเจ้านายมิใช่หรือ จะเจอเจ้านายอย่างพระชายาได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน”
โซฮวาวางสำรับอาหารไว้ตรงหน้าแล้วจับตะเกียบพลางถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้นมา นางในที่เหลือต่างพากันพยักหน้าและตอบรับอย่างเห็นด้วย
“พระชายาช่วยแม้กระทั่งค่ายาของท่านแม่ข้า เพราะพระองค์ข้าถึงได้พาท่านแม่ไปโรงหมอที่ดีที่สุดในเมืองหลวง อาการท่านแม่จึงดีขึ้นจนเดินเหินได้ หากอาศัยเพียงแค่เงินและสิ่งของของข้า รวบรวมอยู่สามเดือนก็ยังไม่ได้”
“ยิ่งไปกว่านั้นถ้าพระชายาขึ้นเป็นพระมเหสี…”
ยางจินลดเสียงต่ำลงแล้วมองไปรอบๆ
“บอกว่าจะพาพวกเราไปทั้งหมดไม่ใช่หรือ จะได้เข้าไปในวังชานยอง! เพราะงั้นต่อไปเราก็จะกลายเป็นนางในสูงสุด”
“กรี๊ด!”
เหล่านางในที่นั่งล้อมวงกันคาดหวังไปกับอนาคตสีชมพูที่ฟุ้งอยู่ตรงหน้า สิ่งที่ยอมรับได้อย่างยากเย็นคือเข้าวังมาตั้งแต่หกขวบในฐานะเด็กตักน้ำล้างหน้าให้ขันทีและทำงานจนตายในชุดสีม่วงของนางใน ดูแล้วถ้าสะสมประสบการณ์ไปเรื่อยก็จะกลายเป็นนางในชั้นสูง ได้อยู่ในห้องที่ใช้กันแค่สองคน และในบรรดาเหล่านางในที่พระราชา พระมเหสีและองค์รัชทายาทดูแลอยู่จะมีแค่พวกนางเท่านั้นที่โดดเด่นในชุดสีน้ำเงิน
ปกติแล้วนางในสูงสุดหนึ่งคนจะมาจากวังชานยอง นางคือหัวหน้าที่แท้จริงของเหล่านางในที่แม้แต่ขันทีหรือผู้แทนก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อนางได้ตามอำเภอใจ ถ้าใส่สีเหลืองคือนางในพิเศษหรือก็คือนางสนม แต่ถ้าพระปรีชาสามารถของพระราชาลดลง ชะตาของพวกนางก็จะขาดเหมือนเชือกที่มองไม่เห็นไม่ใช่หรือ นางในสูงสุดที่มีอำนาจไปจนตายและเรียกเด็กๆ ที่อยู่ในปกครองมาได้คือความฝันสูงสุดของเหล่านางใน
“ยอนฮวา ทำไมสีหน้าของเจ้าถึงได้แย่เช่นนั้นเล่า หมู่นี้ดูแปลกๆ อันนั้นถ้าเจ้าไม่กินข้ากินได้ไหม”
โซฮวายัดข้าวเข้าไปในปากจนปากจะฉีกพลางเหลือบมองยอนฮวาแล้วเอียงคอ เดิมทีก็จับตะเกียบอย่างฝืนๆ อยู่แล้วมาคราวนี้ส่วนของยอนฮวาแทบจะไม่พร่องไปเลย
“เปล่าเจ้าค่ะ ท่านพี่ อาจจะเพราะฤดูเปลี่ยนเลยไม่อยากอาหารเจ้าค่ะ”
นางวางตะเกียบลงเงียบๆ แล้วออกไปข้างนอก นางรู้ดีกว่าใครว่ามีชีวิตโดยได้รับความอุปถัมภ์มากขนาดไหน ตอนที่สูงเท่าเอวในตอนนี้นางโชคดีที่ถูกพาเข้าวังมา เพราะครอบครัวของนางนั้นทั้งยากจน ทั้งอดอยากและรันทดเป็นอย่างมาก
ระหว่างทางไปชายแดนตอนที่เท้าฉีกเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รับการรักษาจากหมอ นางไม่สามารถลืมวันที่นั่งกลับมาบนหลังม้าได้เลย ยิ่งเวลาผ่านไปหัวใจของยอนฮวายิ่งเป็นสีดำ นางย่อตัวนั่งลงและแก้มก็ขึ้นสีแดงเรื่อเพราะลมที่พัดอยู่ด้านนอกจนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ
“มาทำอะไรตรงนี้”
น้ำเสียงของความยินดีดังก้องขึ้นในหัวใจ ยอนฮวาตั้งใจจะลุกขึ้นแต่เป็นเพราะนั่งอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเป็นเวลานานทำให้ขาไร้เรี่ยวแรงและไม่เชื่อฟัง ในระหว่างที่อุทานออกมาร่างกายก็เอียงไปข้างหน้า
“กรี๊ด!”
คาดว่าหน้าจะทิ่มลงบนพื้นโคลนในไม่ช้านางจึงหลับตาแน่น แต่ว่าสิ่งที่สัมผัสกับร่างกายของยอนฮวาไม่ใช่โคลนที่เย็นเฉียบแต่เป็นอุณหภูมิร่างกายที่ทั้งอบอุ่นและแข็งแรง
“ขอ…ขออภัยเพคะ ฝ่าบาท”
ยอนฮวาที่ตอนนี้กลายเป็นมันเทศสุกดีในชั่วพริบตาถึงกับตัวแข็งทื่อและโค้งตัวลงจนสุดอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ฮอนชักแขนที่ยื่นออกไปกลับมาที่เดิมแล้วเดินเข้าไปด้านใน
“พระชายาทำอะไรอยู่รึ”
“ทรงว่าบอกเหนื่อย จะบรรทมสักครู่เพคะ”
“ไม่ต้องบอกพระชายะล่ะ ข้าจะเข้าไปเงียบๆ พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้”
ฮอนย่องไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ โดยปล่อยเหล่านางในที่พามาด้วยไว้ตรงโถงทางเดินแล้วเปิดประตูออก เขาเห็นรยูฮานอนอยู่บนเตียง นี่คือโอกาส ฮอนเข้าไปใกล้เตียงแล้วดึงรยูฮาเข้ามากอดก่อนจะจุมพิตไปทั่วใบหน้าของนาง
“อื้อ ฝ่าบาท อะไรกันเพคะ”
“อยู่เฉยๆ ก่อนสักครู่”
ห้องที่ไม่มีใครเห็น ขอแค่ตัดสินใจว่าจะทำรยูฮาก็สามารถทำให้ร่างกายของฮอนแตกเป็นเสี่ยงได้แต่นางก็ไม่ทำ ฮอนผู้ไม่รู้ตัวว่ากำลังขย้ำเสือไม่ใช่กระต่ายง่วนไปกับการก่อกวนตรงต้นคอ
“พระชายา ตอนนี้ต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงแล้วเพคะ”
“ถึงเวลาแล้วหรือ อ้า ฝ่าบาท ช่วยอยู่เฉยๆ หน่อยเพคะ”
“แล้วเจ้าอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรือ”
“ต้องรีบเพคะ จะไปสายกว่าพระราชาไม่ได้เพคะ”