วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนพิเศษ 2-11 ยอน ชิน
ดูท่าว่าจะเสียเวลาซ่อนดาบไปเปล่าๆ สินะ ใครเป็นคนไปฟ้องกัน ยอนลองเดาตัวข้าราชบริพารที่ดูเป็นไปได้ทีละคนพร้อมหาผู้ต้องสงสัยในใจ แน่นอนว่าภายนอกก็ไม่ลืมทำหางตาตกนิดหน่อยด้วย
“เสด็จพ่อ หม่อมฉันทุกข์ใจเป็นอย่างมากจึงทำเช่นนี้เพคะ”
“แล้วเจ้าทุกข์ใจเพียงคนเดียวในวังหรืออย่างไร”
วันนี้ไม่ง่ายแฮะ คิ้วของยอนห้อยลงมาอีกเล็กน้อย
“ไม่ใช่เพคะ แต่วันนี้มีผู้แทนพระองค์เอาของสู่ขอมาอีกแล้ว”
“แล้วเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับดาบจริงยังไง”
“ก็หม่อมฉันอยากอยู่ในวังกับเสด็จพ่อไปอีกนานๆ แต่หากมีการสู่ขอเข้ามาเรื่อยๆ เช่นนี้ อีกไม่นานก็คงจะต้องออกเรือนแล้วเพคะ เรื่องนั้นทำให้ข้ากลัดกลุ้มใจจึงชวนท่านพี่มาประลอง เพราะคิดว่าจะสามารถระบายความเศร้าได้ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”
เขาเลี้ยงลูกสาวมาดั่งแก้วตาดวงใจจนเข้ายี่สิบปีแล้ว มีหรือจะไม่รู้ว่ายอนกำลังโกหก แต่พอเป็นแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากยอมให้เหมือนเคย ฮึ่ม ฮอนกระแอมไอหนึ่งทีและตบไหล่ยอนเบาๆ พร้อมกตักเตือนอย่างละมุนละม่อมแทนการต่อว่ารุนแรง
“คราวที่แล้วเจ้าได้รับบาดเจ็บที่แขนหนักไม่ใช่หรือ พ่อคนนี้เจ็บปวดใจแทบจะหลั่งน้ำตา เพราะฉะนั้นระวังตัวด้วยนะลูก”
พูดถึงเรื่องยอนถูกฟันแขนตอนประลองกับคัง ถ้าให้วัดความยาว มันยาวแค่ประมาณหนึ่งข้อนิ้ว และถ้าให้วัดความลึก มันลึกแค่ประมาณกระดาษหนึ่งแผ่น แต่ฮอนกลับเอะอะโวยวายอย่างรุนแรง หลังจากนั้นคังจึงไม่ประลองกับยอนอีกเลย
“เพคะเสด็จพ่อ แต่ไหนๆ ก็เสด็จมาแล้ว เดินเล่นกับหม่อมฉันหน่อยได้หรือไม่เพคะ”
มุมปากของฮอนเผยยิ้มกว้างและลืมเกียรติจนสิ้น เมื่อยอนทำท่าทางน่ารักเข้ามาคล้องแขน สถานการณ์สิ้นสุดลงด้วยสิ่งนี้ พ่อกับลูกสาวกลับหลังหันและเดินหายไปอย่างรักใคร่กลมเกลียว ตอนนั้นชินกับคังก็เงยหน้าขึ้นมาถอนหายใจราวกับนัดกันมา
“ไม่รู้เลยว่าผู้ใดจะได้นางไปครองนะท่านพี่”
ชินเดินนำไปหนึ่งก้าว แล้วส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ
“พวกบุรุษที่ถูกปฏิเสธการสู่ขอคือผู้ชนะที่แท้จริงพ่ะย่ะค่ะ”
“หากเป็นข้า ไม่ว่าจะอยากได้อำนาจของแทซากุกขนาดไหนก็จะไม่ส่งคนมาสู่ขอ หรือว่าสเด็จพ่อเสด็จแม่สั่งให้แต่งงานนะ ทุกคนถึงได้มาตื้อเจ้าเด็กนั่นกันหมด”
“อย่าบอกนะว่ารู้เรื่องนั้นแล้วก็ยังจะทำเช่นนั้นอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“มีคำกล่าวที่ว่าการไม่รู้ไม่เห็นคือยา”
การไม่รู้ไม่เห็นคือยา เป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง หากองค์ชายรองแห่งอุนกุกรู้ว่าความอารมณ์ร้อนของยอนยิ่งกว่าในข่าวลือ ก็คงจะไม่มีความกล้ามาสู่ขอด้วยตัวเองพร้อมกับความคิดว่าจะทำสำเร็จอย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่เย็นวันนั้น ยอฮึน องค์ชายรองแห่งอุนกุกเดินทางเข้ามาถึงเมืองหลวงแล้วและกำลังตรวจสอบของขวัญที่จะนำไปมอบให้องค์หญิงอย่างถี่ถ้วน
“ไม่มีอะไรตกหล่น เอาใส่กลับเหมือนเดิมให้ดี”
“พ่ะย่ะค่ะ”
คราวก่อน ของขวัญขององค์ชายใหญ่ พี่น้องต่างมารดาเขาถูกส่งกลับมาโดยไม่มีร่องรอยการเปิดสักนิด แต่คราวนี้นอกจากจะขนมาแต่สิ่งของแปลกใหม่จนองค์หญิงต้องไม่เคยเห็นมาก่อนแล้ว ตัวเขาผู้ได้รับขนานนามว่าบุรุษรูปงามที่สุดแห่งอุนกุกยังมามอบให้ด้วยตัวเองอีก ดังนั้นนางคงไม่อาจปฏิเสธแน่นอน
หากการสู่ขอด้วยของขวัญนี้สำเร็จลุล่วงก็ไม่ต่างอะไรกับการได้ตำแหน่งองค์รัชทายาทมาอยู่ในมือ พอคิดเช่นนั้นหัวใจก็เต้นแรงและยิ้มออก ราชบุตรเขยเพียงคนเดียวของแทซากุก ยังจะแต่งตั้งให้เขาเป็นเพียงแค่ชินวังได้อีกหรือ
“เอาชุดลำลองมาสิ ข้าอารมณ์ดี ว่าจะไปดื่มสักแก้ว”
“ฝ่าบาท แต่ที่นี่ประเทศอื่นนะพ่ะย่ะค่ะ”
“นอกจากเจ้าจะอ่อนแอแล้วยังขี้ขลาดอีกหรือ เขาลือกันหนาหูว่าสตรีแทซากุกสวยถึงขนาดนี้ แล้วจะกลับไปโดยไม่ลิ้มลองได้อย่างไรกัน”
เอ่ยตำหนิขันทีที่เข้ามาห้าม ถนนหนทางของเมืองหลวงช่างมีชีวิตชีวาจนประเทศอื่นเทียบไม่ติดเลยทีเดียว แต่ละร้านค้ามีของขายมากมาย แถมประชาชนตั้งแต่ชนชั้นสูงไปจนถึงสามัญชนธรรมดาต่างก็แต่งตัวกันอย่างดูดีสมกับเป็นประเทศที่มั่นคงที่สุด องค์หญิงของประเทศแบบนี้งั้นหรือ ยอฮึนยิ้มแย้มอย่างพออกพอใจ แต่แล้วก็มีนางโลมหน้าต่าสะสวยนางหนึ่งเดินผ่านข้างๆ เขาพร้อมโปรยกลิ่นแป้งผัดหน้าไปด้วย
“เจ้าที่อยู่ตรงนั้น หยุดสักประเดี๋ยวสิ”
“หมายถึงข้าหรือ ใต้เท้า”
นางโลมผู้นั้นหันหลังกลับมาอย่างยั่วยวน แต่ตรงที่สายตาของยอฮึนหยุดมองไม่ใช่นาง
“เจ้า ตรงนั้น ข้างหลัง”
นางโลมลบรอยยิ้มออกจากหน้าแล้วหลบไปด้านข้างเล็กน้อย เด็กสาวผู้หนึ่งเห็นหน้าได้ไม่ชัดนักเพราะอำพรางอยู่หลังผ้าคลุมอันหรูหราตาเบิกโพลงและจ้องมองเขา อายุประมาณสิบสี่สิบห้าได้ไหมนะ ซึ่งนั่นคือจุดที่ยอฮึนชื่นชอบ
“พอดีว่าข้าอยากดื่มสักหน่อย เจ้าช่วยนำทางไปยังหอนางโลมหน่อยสิ วันนี้ข้าจะต้องได้เด็กคนนี้”
ดวงตาของสาวรับใช้ที่เบิกโพลงด้วยความตกใจเริ่มสั่นเทาจากความกลัว นางโลมพยายามบังเด็กคนนั้นอย่างเต็มที่แล้วเดินเข้าไปหายอฮึน
“ใต้เท้า เด็กคนนี้คือสาวรับใช้ชั้นต่ำคอยรับใช้ข้าเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าท่านคงจะไม่รู้จักหอนางโลมมียอนของพวกเรา แสดงว่ามาจากที่อื่นหรือเจ้าคะ”
“หอนางโลมมียอน?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เป็นที่ที่แขกคนสำคัญมากันเยอะที่สุดในแทซากุกเลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะนำทางไปเอง ไปด้วยกันสิ”
นางโลมกระซิบกระซาบอย่างยั่วยวนพร้อมกับจับแขนยอฮึน ในตอนนั้นเองรอยยิ้มที่ยอฮึนอมยิ้มได้ถูกลบไปพร้อมสะบัดแขนออกอย่างแรง
“โอ๊ย!”
แรงของเขาทำให้นางโลมกระเด็นออกไปข้างๆ และโซเซราวกับจะล้มจนเกือบกลิ้งกับพื้นแล้ว แต่โชคดีเด็กสาวที่กำลังตกใจจับไว้ได้ทัน
“ข้าจะไปอยู่แล้ว แต่วันนี้ข้าขอจองตัวเด็กคนนั้น เรื่องเงินหาให้ไม่อั้น พานางไปแต่งตัวซะ ไม่สิ ไปตอนนี้เลย เดี๋ยวข้าจะอาบให้เอง”
อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ขันทีซึ่งเป็นที่ปรึกษายอฮึนส่ายหัวพร้อมกับมองดูรอบๆ การเด็ดดอกไม้บริสุทธิ์แล้วโยนทิ้งไปอย่างไร้ค่าคืองานอดิเรกของยอฮึน โดยไม่เลือกว่าจะเป็นหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ที่เพิ่งเจอกันครั้งเดียว สาวชาวบ้านไร้เดียงสาหรือสาวใช้ก็ตาม แค่ได้เรียกตัวมาก็พอใจแล้ว เพราะว่าเขาคือตัวเก็งที่จะได้เป็นองค์รัชทายาทซึ่งมีอำนาจสูงสุดในอุนกุกจึงทำอะไรตามใจชอบได้ง่ายดาย แต่ไม่นึกเลยว่าจะทำตัวแบบนั้นจนถึงแทซากุก
“ตะ ใต้เท้า ข้า ข้า…”
เด็กสาวที่ถูกยอฮึนจับเอวทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แม้จะอยากสะบัดออกแต่เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะหลังจากกินอยู่ที่หอนางโลมมาหลายปี นางจึงรู้ได้ทันทีว่าเขาคือคนสูงศักดิ์อย่างแน่นอน
“จะทำตัวไร้เดียงสาไปทำไม เดี๋ยวอย่างไรซะเจ้าก็ต้องอ้าขาเพื่อหากินอยู่ดีไม่ใช่หรือ รู้ไว้ซะว่าเจ้าน่ะโชคดีนะ เพราะร่างกายของข้ามีค่าจนเจ้าจินตนาการไม่ถึงแน่นอน”
“มีค่ามากเท่าไหร่ล่ะ”
เสียงปนหัวเราะเยาะดังข้ามผ่านไหล่ยอฮึนจากด้านหลัง อะไรกัน ในตอนที่เขากำลังเหลียวหลังมองนั้นเอง เจ้าของเสียงก็เดินผ่านยอฮึนและจับตัวเด็กสาวใช้แยกออกจากเขาอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรของเจ้า”
ยอฮึนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดและหันกลับมา
“เจ้านั่นแหละทำอะไร”
“ไอ้บ้านี่”