วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนพิเศษ 2-15 ยอน ชิน
หลังพิธีอภิเษกสมรสเปรอะเปื้อนน้ำตาเสร็จสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว ยอนก็เข้าไปรอยุนในห้องหอ ทว่ายุนมาถึงช้านิดหน่อย เพราะกว่าจะสามารถปลีกตัวออกมาจากวังกอนชองได้ก็ตอนรยูฮาทนดูชินกับฮอนคอยรินเหล้าให้ยุนเรื่อยๆ ไม่ได้ ลากฮอนกลับวังจานยองแล้ว
“ยอน รอนานเลยใช่หรือไม่”
มาถึงหน้าเรือนหอ ยุนก็สร่างเมาไปนิดนึงแล้ว เขาค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างถ่อมตัวตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นสายตาของยอนจ้องอย่างเย็นชา
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมาสายนะ แต่องค์ชายกับฝ่าบาท…”
“จะองค์ชายหรือฝ่าบาท ก็เลิกแก้ตัวไร้สาระแล้วมาช่วยเอาเครื่องหัวนี่ออกหน่อยเพคะ หม่อมฉันคอจะหักอยู่แล้ว”
“ได้สิๆ ข้าต้องทำให้อยู่แล้ว พระชายา”
ยุนถอดเครื่องประดับหลายชิ้นแล้ววางไว้บนถาดเงินทีละอันด้วยมืออันสั่นเทา แม้จะมาที่นี่หลังจากดื่มเหล้าแรงมานับไม่ถ้วน แต่พอได้เห็นยอนที่นั่งอยู่ในชุดแต่งงาน อาการเมาเหล้าก็หายไปเป็นปลิดทิ้งและตั้งสติได้ทันที ไม่สิ จะบอกว่าตั้งสติได้ก็เกินไปหน่อย เพราะกลิ่นที่ลอยขึ้นมาจากผมของยอนกับเรือนหอที่ถูกตกแต่งด้วยไฟสีแดงทั้งห้องทำให้ใจของเขาเต้นระส่ำอย่างบ้าคลั่ง
“ทรงตรัสถามว่ารอนานหรือไม่ใช่หรือไม่เพคะ ท่านพี่”
ตอนเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายถูกวางลงบนถาดเงินอย่างนิ่มนวล ยอนก็ยกมือขึ้นมาจัดเผ้าผมให้เรียบร้อยและพูดค่อยๆ ราวกับกระซิบ
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมาช้านะ”
“สิบสองปี”
ยอนขัดคำอธิบายถึงเหตุผลที่มาสายอีกครั้ง
“หม่อมฉันรอมาสิบสองปีเพคะ”
เรื่องนี้ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ ใครจะไปรู้ว่าการทำตัวให้ถูกปลดจากตำแหน่งองค์รัทายาทจะยากถึงเพียงนี้
“ขอโทษ ข้าคงปล่อยให้เจ้ารอนานมากเลยสินะ”
“หากผ่านปีนี้ไป หม่อมฉันก็ว่าจะไม่รอแล้วจริงๆ เพคะ”
“ข้าทำผิดจริงๆ ไม่มีข้อแก้ตัว”
ในที่สุดยอนก็เงยหน้าขึ้นมามองยุน ใบหน้าของนางหลังจากเติบโตขึ้นช่างแตกต่างกับภาพวาดในสมัยเด็กที่เขาลูบมันบ่อยจนเริ่มสึกไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่างดงามกว่าจินตนาการตอนมองภาพวาดนั้นมาก
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิเพคะ ว่าทำไมถึงได้ใช้เวลานานขนาดนั้น”
ยุนยิ้มพลางส่ายหัว มีแค่เรื่องนั้นที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเหตุผลที่ใช้เวลานานแบบนี้ก็เพราะต้องสละราชบัลลังก์เพื่อความฝันของเจ้า และเพื่อตัวข้าเองที่จะได้มองดูเจ้ามีความสุขหลังจากความฝันนั้นเป็นจริง จะพูดอย่างไรได้เล่า
“แต่ถึงอย่างไรมันก็กลายเป็นเช่นนี้แล้วนี่”
ยอนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลาที่จะอยู่ด้วยกันอีกตั้งมากมายราวกับดวงดาว คงไม่จำเป็นต้องฟังตอนนี้หรอก ในเมื่อตอนนี้มีเรื่องที่ต้องรีบทำกว่าเรื่องนั้นอยู่ตรงหน้า ยอนจับมือของยุนที่เอาแต่ยิ้มโดยไม่ทันสังเกตแล้ววางไว้บนโบว์ผูกเสื้อ
“ก่อนอื่นช่วยปลดสิ่งนี้ออกหน่อยเพคะ ไว้คุยกันหลังจากนี้ก็ยังไม่สาย”
“นี่ เจ้า! เป็นถึงองค์หญิง แต่ทำไมไม่รู้จักอายบ้าง!”
ลักษณะการพูดจายามตกใจจนโพล่งออกมายังเหมือนเดิมกับสมัยเด็ก แต่ยุนไม่รู้ตัวเลยและตั้งหน้าตั้งตาพัดใบหน้าร้อนผ่าวเป็นสีแดงเย็นลง
“ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้อง”
หึ ยุนรีบคว้ามือของยอนที่หัวเราะเยาะเบาๆ และกำลังจะปลดโบว์ผูกเสื้อด้วยตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว
“ไม่ ไม่ใช่ว่าไม่อยาก”
มือที่สั่นยิ่งกว่าตอนถอดเครื่องประดับออกหลายเท่าค่อยๆ คลายโบว์ผูกเสื้ออย่างลำบากยากเย็น แต่หลังจากนั้นไม่นาน หนึ่งชั้น สองชั้น สามชั้น พอเสื้อผ้าชั้นที่สี่ปรากฏตัวออกมา ยุนก็หมดความอดทนและอุ้มยอนลงไปนอนที่เตียง
“ให้ตายเถอะ อะไรจะเยอะขนาดนี้”
“นิสัยใจร้อนยังแก้ไม่หายสินะ”
“ถ้าไม่ใจร้อนก็ไม่ใช่บุรุษแล้วล่ะ”
ยอนหัวเราะคิกคักพร้อมกับยกแขนขึ้นมาช่วยยุนเล็กน้อย เพราะอย่างนั้นยุนจึงถอดชุดแต่งงานบ้าๆ นั่นออกได้ง่ายกว่าเดิมก่อนจะโยนทิ้งพื้น
“เดี๋ยวก่อน”
ริมฝีปากรีบร้อนถูกขวางด้วยฝ่ามือของยอน
“ทำไมล่ะ”
“ตอบมาตามตรงก่อนเพคะท่านพี่”
“จะให้ตอบอะไรก็ได้หมด ถามมาเร็ว”
ช่วงเวลาที่รอคอยมาเกินสิบปี ช่วงเวลาที่ยอนกำลังมองตาเขาตรงๆ ภายในห้องเดียวกัน นอกจากนั้นแล้วยังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอีกด้วย แต่กลับถูกขัดขวางด้วยฝ่ามือเดียวเนี่ยนะ
“ที่ผ่านมาท่านพี่มีสตรีอื่นหรือไม่”
“เวลานี้เรื่องนั้นมันสำคัญด้วยหรือ”
“บอกให้ตอบมาตามตรงไง”
“ไม่มีเลย”
แม้ยุนจะรีบตอบออกมา แต่ยอนก็ยังมีสีหน้าไม่พอใจ แม้แต่ดวงตาที่เพ่งมองด้วยความสงสัยยังสวยจนแทบบ้า หัวใจของเขาเต้นแรงจนราวกับจะทะลุออกมาจากหน้าอก เหมือนดั่งเช่นค่ำคืนนั้นที่ยอนพิงไหล่ของเขาเป็นครั้งแรกในถ้ำตอนฝนตกในสมัยเด็ก
“สาบานได้หรือไม่ว่าไม่เคยมีหญิงอื่น ทั้งกายและใจ”
“ข้าขอสาบานใต้พระบาทของอดีตพระราชาทั้งหมดที่เคยปกครองฮเยกุก”
“ดูท่าจะจริงสินะ”
ยอนยิ้มออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อจึงปรากฏตัวออกมาจากใต้ฝ่ามือขาวที่ค่อยๆ เอาลงอย่างช้าๆ
“เจ้านั่นแหละ”
ยุนโน้มตัวลงมาเล็กน้อยและกระซิบกระซาบแผ่วเบา ในระยะห่างที่ริมฝีปากแทบจะแตะกันหากขยับเข้ามาอีกนิด
“ไม่ได้มีชายอื่นใช่หรือไม่”
“ไม่รู้สิ”
ยอนแลบลิ้นออกมาแตะริมฝีปากยุนเบาๆ อย่างเย้าหยอก
“มีหรือไม่มีกันน้า”
“ลองตรวจสอบดูก็รู้”
พูดจบ ยุนก็เปิดปากและดูดกลืนผลแองดูน่าดึงดูดทันที เขาเกร็งปลายลิ้นและแทรกเข้าไประหว่างฟันเพื่อมองหาก้อนเนื้อที่ซ่อนตัวอยู่ข้างในก่อนจะดูดดึงมันเข้ามาในปากของตัวเอง ลิ้นที่เพิ่งเคยสัมผัสกันครั้งแรกเกี่ยวกระหวัดกันอย่างหยอกเย้าราวกับกิ่งไม้ที่เชื่อมกัน
“ฮ้า!”
ยอนพ่นลมหายใจออกมาเมื่อยุนซึ่งอาศัยจังหวะถอดชุดที่ใส่อยู่ออกค่อยๆ ลูบไล้ตั้งแต่ศีรษะด้านหลังไปจนถึงสะโพกอย่างนุ่มนวล
“แค่ริมฝีปากอย่างเดียวคงจะไม่รู้”
เสียงทุ่มต่ำและร้อนแรงจั๊กจี้ข้างใบหู หลังจากกลิ้งใบหูสวยไปมาในปากก่อนจะขบกัดติ่งหูเบาๆ ยุนก็ไล่ริมฝีปากไปตามลำคอระหง ด้วยความระมัดระวังและไม่กระโตกกระตาก แต่ก็ไม่สามารถรับมือกับความตื่นเต้นได้อยู่ดี หน้าอกขาวนวลนูนออกมาระหว่างยุนของยุนที่ยกขึ้นไปวางอย่างเป็นธรรมชาติ ยุนนวดคลึงมันอย่างรุนแรงพร้อมกับยกต้นขาข้างหนึ่งของยอนขึ้นสูงด้วยความรีบร้อน
“อย่ามองนะ!”
“ตอนนี้เจ้าเป็นของข้าแล้ว ใครจะห้ามได้ล่ะ”
ยุนแย้มยิ้มพลางโน้มตัวลงไปใช้ลิ้นเลียผิวเปลือย รสชาติหวานกว่าทุกสิ่งที่เคยกินมาจนถึงตอนนี้ ยิ่งเลียก็ไหลออกมาก็เพิ่มขึ้น เสียงครางของยอนก็สูงขึ้นเช่นกัน หลังจากเลียจนส่งเสียงเฉอะแฉะสักพัก ยุนก็เกร็งลิ้นให้แข็งแล้วสอดเข้าช่องทางเข้าทันที
“อ๊า!”
ยอนเปล่งเสียงครางออกมาสั้นๆ พร้อมกับโก่งเอว ยุนใช้ปลายลิ้นเลียและสอดแทรกเข้าไปในระหว่างรอยย่น พร้อมกับใช้มือสำรวจไปทั่วบริเวณนั้น
“ฮ้า อื้อ”
เสียงของยอนที่กระตุ้นอยู่ข้างหูช่างเป็นการปลุกเร้ารุนแรงยิ่งกว่าสิ่งใด หลังจากลิ้มรสจนพอใจแล้ว ยุนก็ยกตัวขึ้นพร้อมกับใช้ฝ่ามือเช็ดริมฝีปาก
“ข้าแทบจะเป็นบ้าแล้วจริงๆ ”
“แต่ข้าว่า ข้าน่าจะเป็นเช่นนั้นไปแล้ว”