วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนพิเศษ 2-16 ยอน ชิน
ยอนนอนพึมพำพร้อมจ้องมองยุนด้วยดวงตาปรือลงครึ่งหนึ่ง เศษเสี้ยวของสติสัมปชัญญะจึงพังทลายลง ยุนโน้มตัวลงเหมือนเดิม ดูดคลึงหน้าอกขาวนวลพร้อมกับใช้อีกมือกำแก่นกายตนไว้ หัวเรือราบเรียบถูไถกับเยื่อเมือกร้อนผ่าวเต็มที่ ส่วนริมฝีปากก็ดูดดึงยอดอกราวกับจะดื่มน้ำนม ขนอ่อนตั้งชันไปทั่วร่าง ชีพจรตรงส่วนลับเต้นอย่างรุนแรง แทบบ้าแล้วจริงๆ ขณะกำลังคิดเช่นนั้น ในที่สุดหัวเรือที่วนอยู่รอบๆ ก็หาช่องทางเจอและดันเข้าข้างใน
“อ๊ะ อื้อ!”
เสียงกรีดร้องของยอนถูกกลืนเข้าไปในโพรงปากยุน ความสุขสมจนกระทั่งตอนนี้ถูกดูดกลืนเข้าไปในความเจ็บปวดจนน้ำตาคลอ ยุนหยุดการเคลื่อนไหวสักพักและจูบอย่างนุ่มนวลราวกับปลอบโยน ก่อนจะผละริมฝีปากออกช้าๆ
“ได้ยินว่าครั้งแรกจะเจ็บ”
“ถ้ารู้อยู่แล้วก็รีบเอาออกสิ”
ยอนจ้องมองเขาโดยที่มีน้ำตาลคลอตรงหางตา แม้แต่ท่าทางเช่นนี้ก็ยังน่ารัก ยุนยิ้มแย้มพร้อมกับจูบซับน้ำตาเค็ม
“ขอโทษนะ”
ว่าพลางใช้มือข้างหนึ่งจับบั้นท้ายกลม
“แต่ยังเข้าไปไม่ถึงครึ่งเลย”
เส้นเลือดหนาปูดโปนขึ้นบนแขนแกร่ง ความเจ็บปวดทำให้ยอนส่งเสียงร้องเบาๆ พร้อมกับจิกเล็บลงไปบนไหล่แกร่ง ถอนแก่นกายออกมาครึ่งหนึ่งแล้วใช้โอกาสนั้นดันจนถึงโคน
“อึก”
ยุนขมวดคิ้วพร้อมกับส่งเสียงคราง ผนังนุ่มเต้นตุบๆ พร้อมกับบีบรัดผู้บุกรุกที่ไม่คุ้นเคย
“จะขยับแล้วนะ”
เหงื่อหนึ่งหยดไหลลงมาจากหน้าผากยุนพร้อมกับเสียงอ่อนเพลีย ริมฝีปากของยอนที่กัดแน่นเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวดค่อยๆ อ้าออกทีละนิด การเคลื่อนไหวของแก่นกายที่เอาเข้าออกช้าๆ ก็เริ่มคล่องขึ้นทีละนิดเช่นกัน จู่ๆ ตัวตนของยุนที่เติมเต็มและสำรวจด้านในก็เริ่มเพิ่มความเร็วขึ้น แก่นกายเป็นมันวาวจากน้ำรักปรากฏตัวออกมาภายใต้แสงไฟ ก่อนจะกลับซ่อนตัวใหม่ ยิ่งทำซ้ำ เสียงลมหายใจของทั้งคู่ก็ยิ่งรุนแรง ผ่านไปสักพักเสียงเฉอะแฉะก็เข้าไปผสมกับเสียงลมหายใจและเสียงคราง
“ฮ้า ยอน”
ยุนขมวดคิ้วและยกขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นสูง จากนั้นขยับเอวอย่างรวดเร็วพร้อมกับเรียกยอน หน้าอกขาวกระเพื่อมขึ้นลงทุกครั้งที่ตัวตนของเขาแทงลึกเข้าไปข้างใน เพิ่มการกระตุ้นทางสายตายิ่งขึ้นไปอีก เหงื่อที่ไหลระหว่างแผ่นหลังผอมเพรียวไหลลงมาจนถึงบั้นท้าย
“อา อื้อ ท่านพี่!”
“ยอน”
จู่ๆ ยอนก็ถอยตัวไปด้านหลังราวกับจะหนีเมื่อได้รับทั้งความเจ็บปวด ความเหนียวเหนอะและความเสียวซ่านทั่วร่างกาย เป็นเพราะว่าสิ่งใหญ่โตนั้นใหญ่และแข็งขึ้นภายในตัวของนาง แต่ยุนจับเอวของยอนให้แนบชิดกับตนมากขึ้นพร้อมกับขยับเอวอย่างเร็วและแรง เกิดดาวระยิบระยับภายในหัว ส่วนภาพตรงหน้าก็กลายเป็นสีขาวกับสีดำซ้ำไปซ้ำมา
“อ่า อื้อ!”
ยอนกอดยุนแน่น ส่งเสียงครางแห่งความเจ็บปวดพร้อมกับแอ่นหลังอย่างแรง ในเวลาเดียวกันน้ำรักก็ระเบิดออกมาจากแก่นกายขยายใหญ่จนรู้สึกเจ็บเปียกชุ่มทั่วผนังนุ่ม
“ยอน!”
ยุนมุดหน้าลงระหว่างหน้าอกขาวนวลละเรียกชื่อนางด้วยสติเลือนราง แม้แต่เสียงเรียกนั้นยังเย้ายวนอย่ารุนแรง ของเหลวขุ่นไหลลงมาตามแก่นกายที่ยังไม่ถอนออกจนเจิ่งนองบนเตียง
“ข้ารักเจ้า ตั้งแต่สิบสองปีก่อนจนถึงตอนนี้ ข้าไม่เคยไม่คิดถึงเจ้าเลยแม้แต่ชั่วขณะเดียว”
“ข้าด้วย”
ยอนคล้องคอยุนด้วยแขนที่สั่นระริกจากความสุขสมที่ยังคงอยู่
“ข้าเองก็เช่นกัน สวามี”
* * *
“ฆ่าเจ้านั่นทิ้งเสียเลยดีหรือไม่ ปลอมตัวว่าเป็นโจรป่าก็น่าจะได้”
ฮอนลุกพรวดขึ้นมาระเบิดความเดือดดาลอีกครั้ง ว่าไงนะ ราชบุตรเขยแห่งแทซากุก? คิดเองเออเอง แถมยังมองลูกสาวแสนสวยของข้าตาเป็นมันอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธแค้นและหงุดหงิดที่ทำแค่หยุดการติดต่อค้าขายเท่านั้น
“แค่นี้ก็ทำให้เขาอยู่นอกสายตาพระราชาแห่งอุนกุกแล้ว ต่อไปในอนาคตทางนั้นคงจะลำบากแน่ๆ เพคะ นอกจากจะไม่ได้ตำแหน่งองค์รัชทายาทดั่งที่ฝัน ความตายก็น่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดของการลงโทษไม่ใช่หรือ”
รยูฮานอนอยู่ข้างกัน นางพูดพลางพลิกตัวหันไปหาฮอน สิ่งที่ได้ยินทำให้ฮอนยอมนอนลงอีกครั้งพร้อมหายใจเข้าลึก
“ที่เจ้าพูดก็ถูก สั่งห้ามไม่ให้ทำการติดต่อขายค้าขายกันเป็นเวลาร้อยปีนับจากนี้ ความเสียหายคงจะมหาศาลทีเดียว”
“ใช่แล้วเพคะ นอกจากนั้นยังถูกประเทศโดยรอบตำหนิด้วย”
เสียงพูดเบาๆ ปลอบประโลมจิตใจร้อนระอุ ริมฝีปากของฮอนจึงกลับมาวาดเส้นโค้งสวยงามอีกครั้งหลังจากกัดปากแน่นมาสักพัก สายลมเย็นสบายลอดเข้ามาผ่านทางช่องหน้าต่างที่แง้มเล็กน้อยทำให้ดวงไฟในตะเกียงเล็กๆ สั่นไหว
“ข้าคิดว่าเด็กนั่นไม่เหมือนโฮจินเลยแม้แต่น้อย”
“หือ? ใครเห็นก็มองออกว่าเป็นสายเลือดของโฮจินไม่ใช่หรือเพคะ”
“ไม่ใช่เรื่องหน้าตาสิ ข้าพูดถึงตอนเจอกันครั้งแรกเมื่อสิบสองปีก่อน ตอนนั้นเขามีมารยาทและเรียบร้อยมากเลยไม่ใช่หรือ”
รยูฮาระเบิดหัวเราะออกมา
“ตอนนั้นทรงไม่เห็นหรือเพคะ ที่เขาโค้งคำนับพร้อมกับมุมปากสั่นข้างหนึ่ง เวลาโฮจินต้องพูดสิ่งที่ไม่อยากทำ เขาเองก็เป็นเช่นนั้นเลยเพคะ”
“เขาปิดบังตัวตนแท้จริงไว้อย่างนั้นหรือ”
“ถูกต้องเพคะ เพราะเป็นรัชทายาท สมัยฝ่าบาททรงเป็นองค์รัชทายาทก็ทรงเคยทำเช่นนั้น ยามต้องออกงานราชพิธีเป็นทางการไม่ใช่หรือเพคะ”
สมัยเป็นองค์รัชทายาท ฮอนพยายามนึกถึงความทรงจำสมัยนั้นพร้อมประทับจูบลงบนหน้าผากรยูฮาอย่างเงียบๆ กลิ่นกายคุ้นเคยลอยออกมาจากเส้นผมงดงามเหมือนเดิมกับตอนนั้นไม่เปลี่ยน
“ไหนๆ ก็คุยเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้บอกมาเถอะเพคะว่าทรงคุยอะไรกับยุนเมื่อสิบสองปีก่อน?”
รยูฮาถามถึงเรื่องนั้นหลายรอบ แต่ฮอนกลับเลี่ยงจะตอบทุกครั้ง ดูเหมือนว่าตอนนี้จะถึงเวลาที่ต้องตอบแล้วสินะ
“ถ้าให้บอกกันตามตรง ข้าตีเขาไปหนึ่งที”
“ว่าแล้วว่าทรงต้องทำเช่นนั้น แต่ถึงกระนั้น ทรงตีรัชทายาทของประเทศอื่นเนี่ยนะเพคะ”
“ไม่ได้ตีแรงเสียหน่อย”
เท่านี้เอง ฮอนแก้ตัวพลางตีศีรษะของรยูฮาแบบไม่เจ็บ ความจริงแล้วเขาตีแรงกว่านี้เยอะ แต่ไม่เห็นจะต้องพูดตามความจริงเลยนี่นา
“ข้าตีเขาแล้วบอกว่าไม่สามารถให้ยอนของพวกเราอภิเษกกับองค์รัชทายาทได้”
“ตรัสเช่นนั้นหรือเพคะ”
ดวงตาของรยูฮาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นท่ามกลางความมืดที่เลือนราง
“เขาก็ถามว่าทำไม ข้าก็เลยบอกไปว่ายอนของพวกเรามีความฝันว่าอยากไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ ในโลก ไปดูทะเลกับทะเลทราย แต่หากอภิเษกกับองค์รัชทายาท นางก็จะต้องติดอยู่ที่ฮเยกุกเท่านั้น”
ทะเล ทะเลทราย รยูฮาทวนคำราวกับราวกับร้องเพลง ก่อนจะนึกบทสนทนาที่ตนกับฮอนเคยคุยกับยอนสมัยเด็กๆ ในห้องนี้เมื่อสิบสองปีที่แล้ว
[น่ารักแบบนี้โตขึ้นอยากเป็นอะไรเล่า]
[อืม หม่อมฉันอยากเป็นสามัญชนเพคะ]
[สามัญชน? แล้วจะทำอะไร]
[ถ้าได้เป็นสามัญชน หม่อมฉันจะออกท่องเที่ยวเพคะ อยากเห็นทะเลที่ไม่ว่ามองออกไปไกลแค่ไหนก็มีแต่น้ำทะเลสีคราม และอยากเห็นทะเลทรายที่ไม่ว่าจะไปไกลกี่พันลี้ก็มีแต่ทรายด้วย ไม่ได้หรือเพคะ]
[ทำไมจะไม่ได้เล่า ถ้ายอนของพวกเราอยากเห็นทะเล พ่อก็จะสร้างเรือให้ ถ้าอยากเห็นทะเลทราย พ่อก็จะซื้ออูฐให้]
[อูฐ? อูฐคืออะไรหรือเพคะ]
สายลมและแสงตะวันลอดผ่านหน้าตาที่เปิดอยู่ กลิ่นหมึกลอยมาจากชุดของฮอนที่วิ่งมายังวังจานยองทันทีที่เสร็จกิจประจำวัน เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ กับเสียงของฮอนที่บ่นพึมพำว่าจะกลับไปห้องบรรทมแล้วหรือ ทุกสิ่งทุกอย่างโผล่ขึ้นมาอย่างชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน รยูฮายิ้มแย้มพร้อมกับยื่นมือไปกุมแก้มสวามี
“แล้วทรงเตรียมเรือกับอูฐไว้แล้วหรือยังเพคะ”
“ยุนเตรียมไว้หมดแล้ว ช่างเป็นคนพิถีพิถันจริงๆ ”
* * *