วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนพิเศษ 3-14 ชาน
นี่มันเรื่องอะไรกัน ชองอูไม่นึกไม่ฝันเลยว่าอึยชานจะมองว่ายูมินกับตนเองมีความสัมพันธ์กันแบบชายหญิงและเริ่มกังวลใจ หรือจะขอให้เลิกทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัว? อืม ก็น่าจะหมายความอย่างนั้นแหละมั้ง
“เรื่องนั้นมันไม่ใช่การตัดสินใจของผมครับ แล้วพวกเราสองคนก็ไม่ได้รู้จักกันมาแค่ปีสองปีด้วย”
จู่ๆ ก็มาบอกให้ลาออกเนี่ยนะ ใบหน้าของชองอูที่เคยอมยิ้มเล็กๆ ตลอดเวลาเริ่มบึ้งตึง อึยชานก็เช่นกัน
“ถ้าไม่ใช่ปีสองปี แล้ว?”
“ที่ผ่านมาอาจจะไม่เคยบอก แต่ก็ห้าปีแล้วครับ แต่ถ้านับจากที่รู้จักกันในฐานะพี่สาวน้องชายก็เกินสิบปีแล้ว”
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะลึกซึ้งขนาดนั้น ภาพของยูมินกับชองอูที่เคยเห็นที่ผ่านๆ มาวนเวียนอยู่ในหัวจนเจ็บไปหมด อึยชานรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมาพร้อมกับใช้มือลูบหน้า และในจังหวะที่กำลังจะเปิดปากพูดอีกครั้ง ประตูห้องแต่งตัวก็เปิดออกกว้าง
“ชองอูยังไม่ไปอีกเหรอ ทำไมไม่ไปบอกให้คนอื่นกลับบ้านสักที”
“เป็นเพราะพี่นั่นแหละ ผมก็ไม่ได้กลับบ้านเหมือนกันเนี่ย”
“นายกลับพร้อมฉันก็ได้หนิ”
“คุณยูมินต้องกลับกับผมสิครับ”
จะห้าปีหรือสิบปี ถ้าแย่งมาได้ก็จะเป็นของฉัน อึยชานเข้ามาขวางหน้ายูมินด้วยความมั่นใจและความคิดชั่วร้าย
“อ๋อ พี่จะกลับพร้อมคุณอึยชานใช่ไหมครับ ถ้างั้นผมไม่ต้องขึ้นมาแล้วก็ได้สินะ บายครับ!”
แต่นี่มันแย่งมาง่ายเกินไปหรือเปล่านะ ในระหว่างที่อึยชานกำลังสับสนอยู่นั้น ชองอูก็วิ่งตรงไปยังลานจอดรถพร้อมความคิดที่ว่าพรุ่งนี้ต้องโดนตีแน่ๆ แล้ว ด้านหน้าห้องแต่งตัวที่ทีมงานกลับบ้านแทบหมดแล้วจึงเหลือเพียงแค่ยูมินกับอึยชานสองคน
“อา ให้ตายเถอะ”
ยูมินกุมหน้าผากและบ่นด้วยความไม่พอใจ ฉันแย่งมาได้แล้วจริงๆ งั้นเหรอ อึยชานรู้สึกค้างคาใจแทนจะรู้สึกชนะ พลางเช็กดูว่ากุญแจรถยังอยู่ดีในกระเป๋าใช่ไหม
“ไปกันเถอะครับ ไม่กินข้าวเย็นก็ได้ กลับบ้านอย่างเดียวพอ”
เขาเป็นบ้าหรือเปล่านะ ยูมินหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดเบอร์ลัดหมายเลขหนึ่งแทนคำตอบ แต่เสียงที่ดังขึ้นมาจากปลายสายคือเสียงผู้หญิงแจ้งว่าโทรศัพท์ปิดเครื่องอยู่ เธอจึงวางสายแล้วกดหมายเลขสอง คราวนี้ต่อสายสำเร็จ
[มีอะไร]
“พี่อยู่ไหน”
[ข้างนอก]
“มารับฉันหน่อย ที่กองถ่าย”
[ชองอูล่ะ]
“หนีไปแล้ว”
[ตอนนี้ไปไม่ได้ แล้วทำไมถึงอยู่คนเดียวล่ะ]
“ไม่ได้อยู่คนเดียวครับ”
อึยชานที่กำลังเงี่ยหูฟังเสียงในสายโทรศัพท์ที่ได้ยินแว่วๆ ตอบแทน ยูมินจ้องมองเขาเขม็ง แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
[คุณอึยชานเหรอ]
“อืม”
[ถ้างั้นก็มากับคุณอึยชานสิ อ๋อ เดี๋ยวจะส่งที่อยู่ไปให้ ที่นี่นะ แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน]
“นี่! ซอยูฮา!”
สายโทรศัพท์ตัดไปโดยไม่ทันได้ตอบเสียงตะโกนรีบร้อน อึยชานรู้สึกชื่นชมยูฮาสุดๆ พร้อมหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าและเขย่าเบาๆ
“ได้หรือยังครับ ที่อยู่น่ะ”
ยูมินไม่พูดอะไรเลยทั้งตลอดทางไปลานจอดรถ ทั้งตอนขึ้นรถ หรือแม้กระทั่งตอนกรอกที่อยู่จากยูฮาลงในจีพีเอส ทว่าอึยชานกลับรู้สึกสบายใจมากกว่าซะด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่าตัวเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร เขามองข้างหน้าและขับรถสักพัก ก่อนจะหันมาทางขวาเมื่อรุหยุดหน้าทางข้ามทางรถไฟ
“ช่วงนี้ไม่ได้นอนนอกบ้านเลยสินะครับ”
“ค่ะ”
เขาไม่ได้บอกความจริงว่าหลังจากมีข่าวเดท ยูฮาได้บอกรหัสผ่านประตูบ้านให้รู้เพื่อป้องกันคำติฉินนินทาที่จะตามมา อึยชานกลับมาเหยียบคันเร่งอีกครั้งอมยิ้มอย่างเพ้อๆ เหมือนกับว่ามีอะไรดีๆ เกิดขึ้น
อย่างกับคนโง่ ยูมินเหลือบมองด้านข้างของเขาและหันกลับไปมองดูพระจันทร์ข้างขึ้นที่ตามติดอย่างเหนียวแน่นนอกหน้าต่างอีกครั้ง ผ่านไปสักพักหนึ่ง ภาพวิวด้านนอกที่มีแต่ภูเขาก็เริ่มเข้าสู่โซลและค่อยๆ มีความศิวิไลมากขึ้น พระจันทร์ข้างขึ้นตรงที่เดิมก็ถูกบดบังด้วยตึกสูงและปรากฏให้เห็นอีกครั้งซ้ำไปซ้ำมา
หลังจากมาถึงที่หมายจึงได้รู้ว่าที่อยู่จากยูฮาคือร้านเนื้อย่างเล็กๆ เก่าๆ ถึงจะเป็นที่ที่ยูมินเคยมาแล้วหลายรอบ แต่คนที่นั่งอยู่กับยูฮาก็เหนือความคาดหมายจริงๆ อึยชานเองก็หยุดยืนอ้าปากค้าง เช่นเดียวกับยูมินที่หยุดชะงักหลังจากเดินเข้ามาข้างใน
“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“ฉันเรียกมาเองค่ะ”
ยูฮาตอบคำถามอึยชานและยิ้มแย้มพร้อมกับจัดที่นั่งให้ทั้งสองคนนั่งได้ ส่วนข้างๆ เธอนั้นก็มีจาฮอนซึ่งกำลังหยิบช้อนตะเกียบออกมาสองคู่ออกมาจัดวางให้ การจับคู่ที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดทำให้ยูมินสติหลุดและก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว จนชนกับหน้าอกอึยชานเบาๆ เธอตกใจมากเลยไม่ทันได้สังเกตว่าอึยชานยกมือขึ้นมาโอบไหล่ไว้โดยอัตโนมัติ
“ทั้งสองคนดูดีเลยนี่ รีบนั่งสิ”
“พี่”
“ระวังตะแกรงปิ้งข้างหลัง”
พอนั่งลงข้างๆ กันที่ฝั่งตรงข้ามก็ยิ่งดูแปลกเข้าไปใหญ่ อึยชานยังรู้สึกไม่อยากเชื่อจึงเริ่มจากเติมแก้วโซจูก่อน ทันทีที่ทั้งสามคนยกเว้นยูมินดื่มเหล้าจนหมดแก้วพร้อมกัน จาฮอนก็คีบเนื้อที่สุกดีที่สุดชิ้นหนึ่งจิ้มกับน้ำมันงาแล้วส่งให้ยูฮา อีกฝ่ายก็รับมันมากินอย่างเคยชินเหมือนไม่ใช่ครั้งแรก
ไอ้เจ้านี่หนิ ทีจาจังมยอนของฉัน มันยังไม่เคยคลุกให้สักครั้งเดียว ท่าทีที่ผิดแปลกจากปกติของผู้จัดการส่วนตัวทำให้อึยชานหัวเราะแห้งๆ ออกมาอีกครั้ง
“ช่วยอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้หน่อย”
คนดื่มน้ำแทนกับแกล้มเอ่ยถามจาฮอน พอลองคิดๆ ดูแล้ว หมู่นี้อีกฝ่ายดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแปลกๆ และดูอารมณ์ดีตลอดเวลาด้วย เพราะตัวเองเทความสนใจไปที่อื่นหมดเลยไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้เลย
“ก็อย่างที่เห็นน่ะครับ พวกเราคบกันแล้ว อย่างเป็นทางการ”
จาฮอนตอบพร้อมยิ้มร่า ยูฮาที่นั่งเท้าคางมองอยู่ข้างๆ จึงหยิบแก้มเขาเบาๆ แถมทำสายตาเหมือนบอกว่าน่ารักจนจะตายอีกด้วย ยูมินกับอึยชานเบือนหน้านี้ออกจากภาพที่ทนดูไม่ได้และสบตากันกลางอากาศ ยูมินจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หันกลับมามองยูฮาอีกครั้ง
“พี่ ทำไมไม่บอกกันเลย”
“แล้วตอนเธอไปนอนบ้านคุณอึยชาน เธอได้บอกฉันไหมล่ะ”
“พี่เป็นคนไล่ฉันออกมาก่อนเองนะ แล้วบอกด้วยว่าไม่ต้องกลับมาบ้าน”
“ใช่ ฉันบอกว่าไม่ให้กลับบ้าน แต่ได้บอกให้ไปนอนบ้านผู้ชายหรือไง”
“ก็ไม่มีเงินค่าโรงแรมหนิ จะให้ทำไงล่ะ”
“บ้านชองอูก็มี เธอก็ไปนอนบ้านชองอู แล้วให้ชองอูไปนอนที่บริษัทสิ”
“ก็ชองอูบอกว่าไม่เอา ถึงจะตายก็ไม่ บอกอีกด้วยว่ามีหวังถูกท่านประธานฆ่าแน่ๆ ”
“ใครมาได้ยินเข้าคงคิดว่าฉันเป็นคนลงไม้ลงมือแน่ๆ แต่คนลงไม้ลงมือตัวจริงน่ะคือเธอต่างหาก”
“ยูฮา สั่งอันนี้มาอีกดีไหม”
เสียงอ่อนหวานของจาฮอนแทรกขึ้นมาท่ามกลางบทสนทนาอันจริงจังของพี่น้อง ถึงจะรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว แต่อึยชานก็นั่งคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยินทั้งสองคนคุยกันเมื่อสักครู่
ไล่ออกมา เงินค่าโรงแรม ชองอู และแผ่นหลังของชองอูที่รีบวิ่งลงไปก่อนราวกับวิ่งหนีก็ซ้อนทับบนนั้นอีกที
“ถูกไล่ออกมาเหรอครับ จากบ้าน?”
“ค่ะ”
ยูมินตอบคำถามแบบส่งๆ พร้อมกับเทน้ำอัดลมลงในแก้ว
“อ้าว พี่ไม่รู้เหรอครับ”
จาฮอนพูดแทรกขึ้นมาอย่างงงๆ
“นายรู้เหรอ”
“ครับ”
ต่อหน้าเจ้าตัวอย่างฉัน เขาจะทำอะไรของเขา ยูมินดื่มน้ำอัดลมหนึ่งอึกแล้ววางแก้วลง
“ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องของฉันนะคะ พอเถอะค่ะทั้งสองคน”
“ขอถามอีกแค่อย่างเดียว คุณยูมินมีความสัมพันธ์อะไรกับผู้จัดการส่วนตัวครับ”
“เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วไงคะ ก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉัน”
“ไม่ใช่ครับ ในฐานะผู้ชาย”
เกิดความเงียบขึ้นสักพัก และคนแรกสุดที่ระเบิดหัวเราะออกมาก็คือยูฮา คนต่อมาคือจาฮอน ส่วนยูมินขมวดคิ้วเหมือนกับมองคนแปลกๆ แทนที่จะหัวเราะ
“ในฐานะผู้ชาย อย่าบอกนะว่าแฟน”
“ไม่ใช่เหรอครับ”
“จะบ้าหรือไงคะ”
“ก่อนหน้านี้ที่โรงแรม ตอนผมโทรไป คุณยูมิน…”