วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ - ตอนพิเศษ 3-8 ชาน
อึยชานจึงเก็บแขนไปด้วยความขัดเขิน สองคนที่นั่งหน้าเก็บซ่อนความรู้สึกที่อยากจะลงไปก้มกราบขอบคุณคนขี่จักรยานคนนั้นไว้ภายใต้มุมปากที่ยกขึ้น ภายนอกก็ยังคงพูดคุยเรื่องไร้สาระกันต่อไปเพื่อลดความอึดอัดใจระหว่างอึยชานกับยูมิน
“อ้อๆ ตรงนี้เลยครับ คุณจาฮอน”
ชองอูนำทางด้วยตัวเองชี้ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นหรูหราในซอย จาฮอนรู้สึกประทับใจในตัวชองอูอย่างสุดซึ้งกับการหาสถานที่สมบูรณ์แบบได้ถูกเวลา ส่งกุญแจรถให้พนักงานจอดรถแล้วลงจากรถ
ภายในร้านอาหารญี่ปุ่นนี้ ทุกโต๊ะล้วนเป็นห้องส่วนตัวทั้งหมด คนพูดน้อยอยู่แล้วไม่ได้พูดอะไรกันเลยเหมือนถูกปิดปากไว้จริงๆ เพราะอึยชานไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ส่วนยูมินก็ไม่อยากพูด แต่จอาฮอนรู้ดีว่าอะไรที่จำเป็นในสถานการณ์แบบนี้
“ขอเป็นคอร์สซีทั้งหมดเลยครับ แล้วก็สาเกหนึ่งขวดด้วย”
“สั่งเหล้ามาทำไม”
อึยชานที่ปิดปากเงียบมาตลอดจนถึงตอนนี้ตำหนิขึ้นมาเบาๆ
“พี่ไม่ต้องกินครับ ผมจะกิน”
“แล้วเรื่องขับรถ”
“ค่าจ้างคนขับแทนก็ได้ หักจากเงินเดือนเลยครับ”
“พี่ก็ดื่มสักแก้วสิครับ ดื่มในเวลาแบบนี้แหละ ปริมาณเหล้าที่ดื่มได้จะได้เพิ่มขึ้นมาหน่อย”
ชองอูเองจู่ๆ ก็กระตือรือร้นดูมีพิรุธแต่ก็พูดถูก จาฮอนถือว่าการนิ่งเงียบของยูมินเป็นการเห็นด้วย หลังจากนั้นจึงรินสาเกที่ถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกันกับกับแกล้มให้เธอก่อนเป็นคนแรก
“แก้วแรก ก็ต้องชนแก้วกันด้วยสิครับ”
หลังจากเติมแก้วของทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ จาฮอนก็ยื่นแก้วไปตรงกลางก่อน ยูมินก็เอาแก้วไปชนด้วยเช่นกันแต่ไม่ดื่ม
“ดื่มเหล้าไม่ได้เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องดื่มก็ได้”
เสียงของอึยชานที่ทำหน้าเครียดฟังดูอารมณ์ไม่ดีสุดๆ ยูมินเหลือบมองเขาหนึ่งที ก่อนจะดื่มเหล้าในแก้วที่ถือค้างรวดเดียว
“วันนี้พี่สาวของพวกเราดื่มเก่งจริงๆ เลย รับอีกแก้วนะครับพี่”
ชองอูยิ้มแย้มพร้อมกับถือขวดเหล้าขึ้นมา ในจังหวะที่ยูมินกำลังจะยื่นแก้วไปรับนั้นเอง อึยชานก็รับขวดเหล้ามาจากมือชองอู ความจริงแล้วเรียกว่าแย่งไปน่าจะเหมาะกว่า
“เดี๋ยวผมรินให้เองครับ”
“ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยค่ะ”
ยูมินเอาแก้วกลับไปพร้อมกับปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่แขนอึยชานยาวกว่าที่คิด เขาไล่ตามแก้วจนถึงที่สุดและรินเหล้าสำเร็จ ก่อนจะยื่นขวดเหล้าให้ยูมินโดยทำเป็นไม่เห็นแก้วเปล่าของชองอูที่วางอยู่ข้างๆ กัน
“ไม่รินให้ผมสักแก้วเหรอครับ”
“ค่ะ ไม่ค่ะ”
ชองอูคว้าขวดเหล้าที่ยูมินวางลงพร้อมกับปฏิเสธอย่างเด็ดขาดมาแทนก่อนจะยื่นไปทางอึยชาน เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะรินเหล้าให้อย่างแน่นอน แต่อึยชานกลับเอาเหล้าจากมือเขาไปทั้งขวดและรินด้วยตัวเอง เขาไม่ชอบชองอูหรือเปล่านะ เด็กชะมัด ยูมินผสมความเกลียดลงไปในเหล้าแล้วกระดกรวดเดียว
“ดูเหมือนว่าจะดื่มเร็วไปแล้วนะครับ”
อึยชานบ่นพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ยูมินไม่ชอบใจสิ่งนั้นอีกเช่นกัน ถึงจะไม่ใช่คนที่ดื่มเหล้าเก่งขนาดนั้น แต่ก็ยังอยากดื่มอีก เพราะรู้สึกว่าเหล้าทำให้ซอกหนึ่งในหัวใจที่เจ็บแสบหายไป
“ดื่มช้าๆ สิครับพี่”
ชองอูยื่นน้ำเย็นให้ยูมิน และในจังหวะที่ยูมินกำลังจะรับมันมาดื่ม อึยชานก็ยืดแขนออกมาและฉวยเอาน้ำไปดื่มเองในชั่วพริบตา ปั่ก เสียงแก้วเปล่ากระทบกับโต๊ะส่งเสียงดังเป็นพิเศษ
“คุณอีอึยชาน”
ยูมินไม่อยู่เฉยกับพฤติกรรมที่ไร้มายาทอย่างชัดเจนอีกต่อไป ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าขนลุก ผู้จัดการส่วนตัวทั้งสองคงไม่กล้าพูดอะไรออกมา และต่างคนต่างได้แต่เหลือบมองนักแสดงของตัวเอง
“คุณซอยูมิน วันนี้ก็ไปโรงแรมอีกใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณค่ะ”
“นั่นมันบัตรเครดิตผม ถ้าไม่ใช่เรื่องของผมแล้วเรื่องของ… อ่า ให้ตายเถอะ”
อึยชานขมวดคิ้วและขยี้หลังหัวแทนที่จะพูดให้จบประโยค เพราะพูดเองยังรู้เลยว่ามันทั้งเด็กและน่าอายขนาดไหน ทว่าสายตาของยูมินที่ไม่รู้ความรู้สึกภายในใจของเขากลับมองเขาเหมือนกับคนบ้า หรือไม่ก็พวกโรคจิต
“เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยมาคืนให้ไงคะ บัตรเครดิตของคุณน่ะ”
ยูมินหยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋าแล้ววางบนโต๊ะ ชองอูตกใจจึงเอามือตัวเองไปวางทับบนฝ่ามือของเธอ
“พี่ แล้วค่าโรงแรมวันนี้ล่ะครับ!”
“ฉันจะไปนอนบ้านนาย”
ส่วนนายก็ไปนอนที่บริษัท เธอละท้ายประโยคออก ซึ่งไม่ได้จงใจเพราะมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วจึงไม่อยากพูดให้ยืดยาว
“ไม่ได้นะครับ ถ้าท่านประธานจับได้ล่ะก็”
“ก็เลยจะบอกว่าไม่เหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น โอ๊ย พี่อะ”
เหอะ อึยชานที่กำลังมองดูอยู่หัวเราะออกมาพร้อมกับถือขวดเหล้าขึ้นมากระดกอึกๆ เขาดื่มเร็วจน ขนาดจาฮอนรีบเข้ามาแย่งขวดเหล้าไปด้วยความตกอกตกใจ แต่ปริมาณก็ลดไปค่อนข้างเยอะแล้ว
“ก็บอกว่าไม่ได้ไงครับ”
“คุณอึยชานช่วยออกไปด้วยค่ะ”
“งั้นก็ให้บัตรเครดิตผมคืนมาสิครับ”
สุดท้ายยูมินก็สะบัดชองอูที่พยายามห้ามแล้วส่งบัตรเครดิตให้ แต่สิ่งที่อึยชานจับไม่ใช่บัตรเครดิต แต่เป็นมือของเธอ คนมือเย็นเป็นพิเศษสัมผัสได้ถึงความร้อนจากอุณหภูมิร่างกายของเขา
“ถ้าไม่ปล่อยฉันจะไม่ทำตัวสุภาพแล้วนะคะ คุณอีอึยชาน”
“แบบนั้นผมเห็นมาพอแล้วล่ะครับ”
ดีมาก ทำได้ดีมาก อีอึยชาน ผู้จัดการส่วนตัวทั้งสองคนมองตากันและกัน พร้อมกับให้กำลังใจแบบไร้เสียง
“ไม่รู้นะว่าคุณพูดถึงอะไร แต่…”
ใจจริงแล้วอยากจะซัดให้คว่ำเดี๋ยวนั้น แต่เนื่องจากใกล้จะถ่ายทำแล้วจึงไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะเข้าไปพัวพันกับความรุนแรง อึยชานขัดยูมินที่กำลังพูดด้วยความสุภาพที่สุด
“ถึงจะอยู่ในวงเหล้า แต่การคุยกันว่าจะไปนอนบ้านของพวกคุณหรือไม่ต่อหน้าคนอื่น มันเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่งไม่ใช่เหรอครับ”
“แล้วฉันจะเลือกที่นอนของตัวเองไม่ได้เหรอคะ”
“พี่ ทำไมพี่ถึงมานอนบ้านของผมตามใจตัวเอง…”
ชองอูแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างใจกล้า แต่แล้วก็ต้องหงอไปเพราะสายตาของยูมินที่หันหน้ามา ตอนนี้อึยชานทิ้งความคิดที่ตั้งใจจะเก็บซ่อนความไม่พอใจไปแล้ว และออกแรงที่มือเพิ่มขึ้นอีก
“มองผมสิครับ คุยกับผมอยู่แล้วมองไปทางไหนน่ะ”
หากพระองค์ทรงประสงค์ หม่อมฉันก็จะทำเช่นนั้นเพคะ ไม่รู้ว่าทำไมบทพูดนั้นถึงได้โผล่ขึ้นมา ทั้งยังรู้สึกได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่จับไม่ได้ในตอนที่อ่านบท ไม่ว่าจะพยายามจับความรู้สึกนั้นมากเท่าไหร่ก็ตาม ยูมินจงใจเบือนหน้าและใช้มือข้างที่เป็นอิสระคลำหาข้อมืออึยชานก่อนจะบีบมัน
“โอ๊ย”
น่าจะเจ็บพอสมควร อึยชายส่งเสียงโอดครวญเบาๆ แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือ ทำไมกัน ทำไมฉันถึงเป็นอย่างนี้อีกแล้ว ความสับสนปรากฏบนใบหน้าของยูมินที่มักจะคงความเย็นชาไว้ตลอดเวลา
“เข้าใจแล้ว เพราะงั้นปล่อยเถอะค่ะ ฉันเจ็บ”
คำว่าเจ็บทำให้อึยชานสะดุ้งพร้อมกับคลายแรง เขารู้สึกเมาเหล้าที่ยกดื่มทั้งขวดมากขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ก็อาจจะเมาอย่างอื่น
“อย่าไปโรงแรม อย่าไปบ้านคุณชองอูด้วยครับ”
หัวของเขาเริ่มมึนขึ้นมาทีละนิด ปากก็ขยับตามใจชอบผิดกับความตั้งใจ
“ฉันบอกไปแล้วไงคะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่คุณอีอึยชานต้องมาสนใจ”
“งั้นก็สนใจสักหน่อยเถอะ”
“ไม่ล่ะค่ะ ชองอูไปกันเถอะ”
“พี่จะไปบ้านผมจริงๆ เหรอครับ”
“ไม่ บ้านผม”