สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 2 ตอนที่ 105
ในระหว่างการพูดคุยของเฮยสุ่ย ลั่วชิวรักษาอาการนิ่งเงียบไว้ตลอด
เดิมที่นี่ก็สงบเงียบมาก แต่ตอนนี้กลับเงียบเสียจนเข็มหล่นก็ยังได้ยิน
ส่วนปีศาจวัยเยาว์พวกนั้นก็ไม่ได้ถูกรบกวน ราวกับว่าเป็นเพราะหมอกสีทองใสพวกนั้น
จนกระทั่งเฮยสุ่ยวางมือลง ท่าทีฮึกเหิมพวกนั้นก็ค่อยๆ เบาบางลง ลั่วชิวถึงได้เอ่ยปากพูดขึ้น “ใจเย็นลงได้แล้วใช่ไหมครับ?”
เฮยสุ่ยผ่อนลมหายใจออกมา แล้วฝืนยิ้มทันที “เห็นเจ้านิ่งเงียบ ข้าก็รู้ว่าของแบบนี้ข้าซื้อไม่ได้…ถ้าหากใช้แค่ทุกสิ่งที่ข้ามีสามารถแลกอนาคตของปีศาจกลับคืนมาได้ ก็เท่ากับว่าข้ามองตนเองว่ามีค่ามากว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งหมดเสียอีก”
ไม่เคยคิดว่าเจ้าของสมาคมกลับพูดขึ้นว่า “คุณลูกค้าสิ่งที่คุณหวังสามารถแลกซื้อกับพวกเราได้ครับ”
“อะไรนะ?” เฮยสุ่ยริมฝีปากสั่นเครือ สีหน้าคาดไม่ถึง “ซื้อได้…จริงๆ?”
ลั่วชิวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากความต้องการของลูกค้าคือให้พวกเรายืนอยู่ฝั่งเดียวกับเผ่าพันธุ์ปีศาจล่ะก็ ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นครับ ราคาที่คุณเสนอมาคือสิ่งที่คุณมีทั้งหมด ใช่ไหมครับ?”
เฮยสุ่ยพยักหน้าอย่างลืมตัว
ลั่วชิวพูดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ถ้าเช่นนั้น ก็เพียงพอให้พวกเรายืนอยู่ฝั่งเดียวกับเผ่าพันธุ์ปีศาจแล้ว เวลาน่าจะประมาณสิบวินาที”
“สิบวินาที?” เฮยสุ่ยขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้ง สิบวินาทีจะนานแค่ไหนกันเชียว? ก็แค่ช่วงเวลาได้หายใจเพียงแค่นี้เอง! คนนี้ยืนอยู่ที่นี่ บางทีก็แค่เหม่อลอยสักพักก็ผ่านไปแล้ว!
สิบวินาทีสั้นๆ แค่นี้ จะพอไปทำอะไรได้? ที่เรียกว่ายืนอยู่ข้างกัน…ยืนอยู่ข้างกันสิบวินาที ราคาที่ต้องแลกกลับเป็นทุกสิ่งที่ตนเองมีทั้งหมด ตั้งแต่ชีวิตจนถึงดวงวิญญาณ? ล้อเล่นอะไรกันนี่?
“คงจริงสินะ ที่ล่ำลือกันว่าพวกเจ้าลึกยิ่งกว่าเหวลึก มืดมิดยิ่งกว่าสถานที่ที่มืดมิดเสียอีก” เฮยสุ่ยหัวเราะเย้ยหยัน “ข้อตกลงการค้าแบบนี้ ช่างเถอะข้าไม่ทำ!”
ลั่วชิวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณเป็นลูกค้า อำนาจการตัดสินใจย่อมอยู่ในมือคุณ พวกเราจะไม่บังคับ…”
พูดแล้ว การ์ดดำรูปแบบหนึ่งที่ไม่มีตราประทับก็มารวมกันอยู่บนมือของลั่วชิว ค่อยๆ ลอยไปอยู่ตรงหน้าเฮยสุ่ยช้าๆ “…หากมีความประสงค์ละก็ ลูกค้ามาหาพวกเราถึงที่ได้โดยอาศัยมันครับ”
เฮยสุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็รับการ์ดดำใบนี้ไว้ เธอมองดูลั่วชิว กัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้น “ข้าต้องรักษาอาการบาดเจ็บของข้า ถ้าหากใช้อายุขัยมาแลก ต้องใช้อายุขัยเท่าไหร่?”
ลั่วชิวตอบอย่างรวดเร็ว “ถ้าต้องการดีขึ้นเหมือนก่อนหน้าได้รับบาดเจ็บก็สิบปีครับ”
เฮยสุ่ยขมวดคิ้วพูดขึ้น “หากข้าต้องการฟื้นฟูรักษาอาการบาดเจ็บตนเอง เวลาห้าปีก็น่าจะพอ นึกไม่ถึงว่าพวกเจ้าต้องการสิบปี!”
“หลังจากห้าปีลูกค้าอาจจะหายเป็นปกติได้เอง…” ลั่วชิวยิ้มน้อยๆ “แต่อาศัยความช่วยเหลือของพวกเราแล้วก็จะหายได้ในทันที ห้าปีที่จ่ายเพิ่มก็คือผลในส่วนนี้ครับ”
เฮยสุ่ยกัดฟันตอบ “งั้นก็ตกลง!”
ทุกวันนี้อาการบาดเจ็บหนักที่ยืดเยื้อ อย่าว่าแต่ห้าปีรักษาหายเองได้เลย ถ้าเธอไม่ทำข้อตกลงนี้ ไม่นานก็อาจจะถูกเจ้านักพรตเน่าหยางไท่จื่อนั่นหาตัวเจอได้
แน่นอน เธอเคยคิดแผนให้สมาคมกำจัดหยางไท่จื่อ เพียงแต่ว่าคิดไปแล้วราคาที่ต้องแลกเปลี่ยนนี้คงต้องเยอะขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน
แล้วนี่อาจจะเป็นข้อตกลงแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่าก็ได้
หากเธอรักษาหายเป็นปกติแล้ว จะจัดการกับหยางไท่จื่อก็ย่อมง่าย และก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนมากขึ้นเพื่อแลกกับเรื่องที่ตนเองสามารถทำให้เป็นจริงเองได้
ตามมาด้วยหนังแกะม้วนที่คลี่ออกมา ความเจ็บปวดที่เกิดจากบาดแผลขนาดใหญ่บนตัวเฮยสุ่ยก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ผิวหนังของเธอถึงขนาดกลับมามันวาวดังเดิม
แต่ว่าในขณะเดียวกันนั้นเอง เธอก็รู้สึกว่าพลังลมปราณที่อยู่ในตัวเธอลดลงไปไม่น้อย…สิ่งสำคัญเหล่านั้นที่รักษาชีวิตเธอไว้
และก็เป็นอายุขัยของเธอด้วย ที่แท้ก็ถูกหักลดไปอย่างง่ายดายเช่นนี้เอง
เฮยสุ่ยจะขอบคุณสักนิดก็ไม่มี แต่กลับพูดเหน็บแนมหน้าตาเฉย “นักพรตเน่านั่นจ่ายข้าตอบแทนเพื่อให้เจ้าทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บ ส่วนข้าก็ใช้อายุขัยของตนเองให้เจ้ารักษาบาดแผล…ผลก็คือปัญหาระหว่างข้ากับนักพรตเน่านั่นก็ไม่ได้รับการแก้ไข แต่พวกเจ้ากลับได้ทำการค้าอย่างง่ายกับทั้งสองฝ่าย เป็นการยืนข้างลูกค้าเสียจริงๆ เลยนะ!”
“อืม บางครั้งผมก็จะพูดแขวะสมาคมของตัวเองเหมือนกันครับ” เจ้าของร้านลั่วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เพียงแต่ว่า ผมขอถามคุณสักข้อได้ไหมครับ? แล้วต่อไป คุณคิดจะออกไปชำระแค้นกับหยางไท่จื่อหรือเปล่าครับ?
เฮยสุ่ยหัวเราะเยาะตอบ “วรยุทธ์ความสามารถของเจ้านักพรตเน่านั่นไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่ความสามารถในการวิ่งหนีก็ยังพอมีอยู่”
สิบปีก่อนเขาบาดเจ็บหนักก็ยังหนีรอดจากเงื้อมมือข้าได้ สิบปีให้หลังคงจะรับรองไม่ได้ เขาหนีไปแล้ว ไปหาเจ้าเพื่อจัดการข้าอีกครั้งล่ะก็ เช่นนี้เกรงว่าสิ่งที่ต้องการแลกก็คงไม่ใช่แค่ทำให้ข้าบาดเจ็บหนักง่ายๆ เช่นนี้แน่! เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะหาตัวเขาแล้วใช้ไม้แข็งกับเขาหรอกใช่หรือไม่? ข้าจะไปจากที่นี่ หายไปจากสายตานักพรตเน่านั่นเสียที เขาหาข้าไม่พบ ย่อมจะไม่ฝ่าฟันอันตรายอันใหญ่หลวงไปหาพวกเจ้า อีกทั้งถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะได้อารามเต๋ากลับคืนไปแล้ว ก็ใช่ว่าจะได้อยู่ดีมีสุข อย่างไรเสียก็ผ่านมาสิบปีแล้ว…เจ้าให้เขาวางตัวให้เหมาะสมด้วย ระวังกลางคืนจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเพิ่มล่ะ! ยังมีอีก ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือตอนนี้ข้าไม่คิดจะทำข้อตกลงอะไรกับพวกเจ้าอีก!”
ผู้หญิงล้วนเจ้าคิดเจ้าแค้นกันทุกคนเลยจริงๆ สินะ…เอ่อ ตัวเมีย?
ลั่วชิวไม่ได้พูดอะไร แต่พยักหน้าต่อหน้าเฮยสุ่ยไป แล้วเดินกลับทางเดิมออกจากถ้ำนี้ไป
…
…
ก่อนที่จะกลับไปถึงอารามเต๋าในเส้นทางเดิม ลั่วชิวก็มองเห็นหยางไท่จื่อยังคงนอนอยู่บนพื้นท่าทางไม่ยอมฟื้นขึ้นมา จึงนั่งยองๆ ลง
ศิษย์ของหยางไท่จื่อ จ่านเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ
ลั่วชิวกลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นักพรต หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมก็จะเก็บค่าธรรมเนียมแล้วนะครับ แน่นอนว่า ถึงแม้คุณยังไม่ตื่นขึ้นมา ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรเช่นกัน”
หนังตาของหยางไท่จื่อขยับทันที แล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น คิดว่าหากไม่ได้เป็นนักพรตบำเพ็ญเพียร ก็คงกลายเป็นนักแสดงนำไปแล้ว
“เอ่อ…เจ้าของร้านลั่ว ข้าสลบไปนานเท่าไหร่แล้ว?” หยางไท่จื่อลูบหน้าผากตนเองลุกขึ้นนั่ง “น่าละอาย น่าละอายนัก จ่านเอ๋อร์…ปีศาจงูนั่นหนีไปแล้ว เจ้ารีบเข้าไปในอาราม ลองดูสิว่ามีสิ่งใดชำรุดเสียหายหรือไม่!”
จ่านเอ๋อร์รีบพยักหน้า คิดว่าเรื่องที่อาจารย์บอกน่ากังวลเหมือนกัน ก็เลยรีบวิ่งเข้าไปในอารามเต๋าอย่างรีบร้อน
ในตอนนั้นเองหยางไท่จื่อก็หันไปมองลั่วชิว เอ่ยเรียกด้วยความเคารพ “เจ้าของร้านลั่ว โปรดเบามือด้วย”
ลั่วชิวก็ไม่ได้คิดจะฉีกเสื้อผ้าแต่อย่างใด แค่ยื่นมือออกไปกดบนหน้าอกของนักพรตทันที ท่าทางราวกับคว้าอะไรออกมาในชั่วพริบตา
สีหน้าหยางไท่จื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในชั่วพริบตานั้นเองเส้นผมทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับหิมะ และบนใบหน้าก็มีริ้วรอยเหี่ยวย่นปรากฏมากขึ้น
อายุขัยห้าสิบปีเลยนะ!
ในใจของหยางไท่จื่อมีเลือดหยดริน กลับได้แต่ฝืนใจยิ้มอย่างยินดีพูดขึ้น “ครั้งนี้ ขอบคุณความช่วยเหลือของท่านเจ้าของร้านจริงๆ”
เห็นชัดๆ ว่าขาดทุน ขาดทุนจนเสียหายย่อยยับเลย แต่กลับยังทำหน้ายิ้มรับ ลั่วชิวอดนับถือความอดทนอดกลั้นของหยางไท่จื่อไม่ได้
ดังนั้นเจ้าของร้านลั่วจึงตอบกลับไปอย่างเสแสร้งสุดๆ เช่นกัน “ท่านนักพรตเกรงใจเกินไปแล้ว”
“อารามนี้แม้อยู่ในที่ห่างไกลลับตาคน แต่ก็ถือว่าเป็นสถานที่อันบริสุทธิ์ เจ้าของร้านลั่วไม่ลองพักอาศัยอยู่สักสองสามวันหรือ?” หยางไท่จื่อพูดต่อ
ลั่วชิวส่ายหน้า
เขามองดูโยวเย่แวบหนึ่ง สาวใช้ก็เดินมาอยู่ข้างๆ เขาอย่างรู้ความ ในขณะเดียวกันนั้นเอง ลั่วชิวก็พูดในใจเงียบๆ ว่า ‘กลับ’ แล้วทั้งสองคนก็พลันหายไปจากตรงหน้าหยางไท่จื่อ
หยางไท่จื่อรอเงียบๆ อยู่สักพักหนึ่ง หลังจากรอจนกระทั่งมั่นใจว่าคนได้จากไปแล้วจริงๆ ถึงลุกขึ้นมาในทันทีทันใด สะบัดผมขาวทั้งหัวราวกับคนบ้า รีบตะโกนไปในอารามเต๋านั่นด้วยเสียงอันดัง “จ่านเอ๋อร์! รีบไปหาที่อุโมงค์ห้องอาจารย์ดูสิ โสมพันปีต้นนั้นที่อาจารย์ซ่อนไว้ยังอยู่หรือไม่! ไม่มีโสมกิน อาจารย์ต้องตายแน่!!”
ห้าสิบปีเลยนะ! พลังลมปราณเสียหายหนัก อย่าโหดร้ายเกินไปนักเลย! รีบบำรุงสักหน่อยดีกว่า!!
…
…
โยวเย่ยกน้ำดื่มแก้วหนึ่งมา ตอนนี้พวกเขามาถึงสมาคมแล้ว
สาวใช้วางแก้วน้ำลง แล้วกอดถาดในมือไว้ พูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “น่าเสียดายจริงๆ นะคะ เฮยสุ่ยไม่ได้เลือกแลกเปลี่ยนกับช่วงเวลาสิบวินาทีนั่น
นี่ก็เป็นหัวข้อสนทนาหลังจากกลับมาแล้ว
สาวใช้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เธอคงไม่รู้ว่า สิ่งที่มาแทนสิบวินาทีนี้หมายถึงอะไร”