สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 2 ตอนที่ 111
ขณะเจสสิก้ากำลังดื่มชาแดงที่คนแก่แต่งตัวสไตล์ย้อนยุคของอเมริกาปีเจ็ดสิบหรือปีแปดสิบ เสื้อเชิ้ตลาย กางเกงสกินนี่ ผมทรงแอฟโฟรฟูๆ เอามาให้…เธอก็คิดจะจากที่นี่ไปทันที ยังไงที่นี่ก็ไม่ได้ขังเธอไว้
แต่เธอกลับอยู่ต่อมาตลอด
มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
ขอเพียงจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงพอ ก็จะได้รับสิ่งที่ต้องการจากที่นี่ ตำนานทางตะวันตกมีมากมาย หนึ่งในนั้นก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการทำข้อตกลงกับปีศาจอยู่ไม่น้อย
แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือจะมาเจอเรื่องมายาแบบนี้ที่ต่างบ้านต่างเมืองตนเอง มีชั่ววินาทีหนึ่ง เจสสิก้านึกว่าตนเองถูกสะกดจิตเสียแล้ว แต่เธอก็เคยฝึกต้านการสะกดจิตมาไม่น้อยเหมือนกัน เรื่องพวกนี้แทบจะ…ไม่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาวะถูกสะกดจิตได้เลย
“ฉันคิดจะหาคนคนหนึ่ง สมมติว่าใช้อายุขัยแลกเปลี่ยน ฉันต้องใช้อายุขัยเท่าไหร่?” เจสสิก้าลองสอบถามดู “หากพวกคุณเป็นผู้วิเศษจริง น่าจะรู้ว่าคนที่ฉันอยากตามหาเป็นใครกันแน่”
ยังจะมีใครได้ล่ะ?
ครั้งนี้ลั่วชิวไม่ต้องใช้อายุขัยไปซื้อข้อมูลจากแท่นบูชาก็ตอบได้สบายๆ ว่า “ใช้อายุขัยเพียงหนึ่งเดือน ผมจะพาคุณไปอยู่ตรงหน้าคุณผู้ชายคนนั้นที่คุณอยากพบ”
แต่ก็ไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา เพียงแค่พูดคุณผู้ชายสามพยางค์นี้เท่านั้น บอกเพศได้ชัดเจนแล้ว…ขณะเดียวกันก็บอกใบ้ว่าเขารู้ว่าคนนั้นที่เจสสิก้าพูดถึงเป็นใครกันแน่
ชีวิตยาวนานเหลือเกิน และไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ปฏิบัติการที่ไร้เป้าหมายรังแต่จะเสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ พวกมนุษย์มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเรื่องน่าเบื่อและไร้ประโยชน์ ถ้าแค่หนึ่งเดือนก็หาคนพบได้ เจสสิก้าคิดว่าการแลกเปลี่ยนอย่างนี้กลับคุ้มค่าอย่างยิ่ง
“ได้ ตกลง!” เจสสิก้าพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “แต่สมมติว่าพวกคุณหลอกฉัน ฉันก็จะไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอกนะ!”
…
“คุณผู้ชายคนนั้นที่ลูกค้าต้องการตามหา อยู่ที่ชั้นสามในโรงแรมแห่งนี้ ห้องสามศูนย์สองครับ”
เจสสิก้าเผลอแหงนมองไปที่ชั้นสามนั่นอย่างไม่ทันรู้ตัว มองเห็นห้องห้องหนึ่งที่มีผ้าม่านหน้าต่างปิดไว้แน่นสนิทจริง “อยู่ที่นี่เองเหรอ?”
เธอหันกลับมา ใบหน้ายังคงหลงเหลือความตื่นตะลึง ความตื่นเต้น ถึงขนาดตกใจอยู่ เพราะว่าไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ ตัวเธอยังอยู่ในสมาคมอยู่เลย แต่ทว่าเพียงแค่ชั่วพริบตา ทิวทัศน์รอบตัวทั้งหมดก็เกิดเปลี่ยนไปราวกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
เธอมาอยู่บนถนนสายหนึ่งแล้ว!
และเจ้าของร้านคนนั้นก็หายไปแล้ว…ไม่ว่าเยี่ยเหยียนจะอยู่ในโรงแรมแห่งนี้หรือไม่ วิธีที่มาถึงสถานที่อีกแห่งหนึ่งได้ในชั่วพริบตาก็พอจะทำให้เจสสิก้าสงบใจได้ยากแล้ว
เธอเผลอย้อนนึกถึงตำแหน่งของร้านมหัศจรรย์ร้านนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางนึกออกเลย…เดินเข้าไปตั้งแต่ตอนไหน ก่อนที่จะเดินเข้าไปเธอดูเหมือนว่าน่าจะอยู่ในโซนของใช้ในซูเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่ง?
“คุณมาหาใครครับ??”
เจ้าของโรงแรมที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่รู้สึกว่ามีคนเข้ามา ก็พูดถามพลางวางหนังสือพิมพ์ลง…หลังจากนั้นก็เปลี่ยนท่าทีทันที
เรื่องที่สมาคมไว้ค่อยว่ากัน สิ่งสำคัญก็คือเยี่ยเหยียนอยู่ที่นี่จริงๆ หรือไม่กันแน่ เจสสิก้ามองเจ้าของโรงแรมแวบหนึ่ง แล้วก็วางธนบัตรใบละร้อยหยวนไม่กี่ใบลงบนเคาน์เตอร์ “ฉันแค่มาหาบางคน”
“อ้อ ตามสบายครับ” เจ้าของโรงแรมพยักหน้า “อย่าก่อเรื่องอะไรก็พอ”
โรงแรมแบบนี้เจสสิก้าเห็นมาเยอะแล้ว ปกติก็ใช้เป็นที่ซ่อนตัว เธอพิจารณาเจ้าของโรงแรมคนนี้ หลังจากคิดว่าไม่มีปัญหาใหญ่โตอะไรก็เดินเลียบบันไดขึ้นไป แป๊บเดียวก็ไปถึงห้องสามศูนย์สอง
เจสสิก้าหยุดอยู่ข้างประตู แล้วยื่นมือไปเคาะ แต่เสียงกลับแปลกอย่างมาก
หนึ่งครั้งสั้นๆ สองครั้งยาวๆ สี่ครั้งสั้นๆ สามครั้งยาวๆ (รหัสมอร์ส ตามลำดับคือ ดับเบิลยู เอช โอ)
จากนั้นเธอก็เอาตัวชิดกำแพง
หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น..แต่เจสสิก้าที่ตัวติดกำแพงกลับพอจะได้ยินเสียงเล็กเบาๆ ดังออกมาจากในห้องอย่างเลือนราง
เธอใช้วิธีเดียวกันเคาะไปที่ประตูอีกครั้ง และมือข้างหนึ่งก็แตะไปที่ปืนพกของตนเอง เพื่อจะได้ล้วงออกมาได้ทันท่วงที
รออยู่สักพัก ยังคงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา…และในวินาทีนั้นเอง ในห้องเริ่มมีเสียงเคาะประตูจังหวะเดียวกันดังออกมา
เจสสิก้าระงับความตื่นเต้นดีใจที่แทบจะระเบิดออกจากอกทันใด เคาะบานประตูต่อไปตามลำดับไม่มั่วอย่างระมัดระวัง
เจ อี เอส เอส ไอ ซี เอ เจสสิก้า
แกร๊ก
กลอนประตูห้องดังขึ้นเบาๆ แต่ไม่ได้เปิดขึ้นในทันที แต่เวลานี้เจสสิก้าอดกลั้นความใจร้อนหุนหันพลันแล่นของตนเองไว้ไม่อยู่แล้ว บิดลูกบิดประตูผลักเปิดเข้าไปในทันที!
“เยี่ย นายอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!”
เจสสิก้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาอยู่ตรงหน้าเยี่ยเหยียน แล้วโอบกอดเขาแน่น “ขอบคุณพระเจ้า นายอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!”
เยี่ยเหยียนขมวดคิ้วก่อน แล้วถึงได้คลายสองมือของอีกฝ่ายออก
เขานั่งลง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เธอมาจับตัวฉันล่ะสิ ไม่คิดว่าจะหาตัวฉันเจอที่นี่ เจสสิก้า ความสามารถของเธอออกจะเหนือความคาดหมายของฉันไปบ้างนะ…ยิ่งไปกว่านั้นที่ปรากฏตัวมาก็เป็นเธอ ยิ่งทำให้ฉันนึกไม่ถึง”
เรื่องสมาคมไว้ก่อน
เจสสิก้ารีบพูดทันที “เยี่ย นายกลับไปกับฉันก่อน ฉันเชื่อว่านายถูกใส่ร้าย นายถูกหมายนำจับ อยู่ข้างนอกนั่นเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ ไม่สู้กลับไปสำนักงานใหญ่ดีกว่า! ฉันหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนายได้แน่”
เยี่ยเหยียนหัวเราะเยาะพร้อมพูดขึ้น “เธอยังไม่รู้ล่ะสิ? คนที่คิดจะเอาชีวิตฉัน ก็คือคนที่อยู่ในองค์กรนั่นแหละ ฉันกลับไปก็เท่ากับส่งตัวเองไปตาย”
เจสสิก้าขมวดคิ้วพูดขึ้น “จู่ๆ ก็เกิดเรื่องกับนายกะทันหัน ต้องเป็นหนอนบ่อนไส้ที่อยู่ในองค์กรเราแน่ๆ …แต่ว่านายสบายใจได้ ฉันหาวิธีส่งนายไปคุ้มกันตัวพิเศษ ควบคุมดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถึงแม้มีคนคิดจะทำอะไรนาย ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม นายก็รู้นี่ อยู่ข้างนอกอันตรายมากแค่ไหน และยังเปิดเผยตัวไม่ได้ด้วย”
เยี่ยเหยียนมองเจสสิก้าแวบหนึ่ง
วินาทีที่ดวงตาสองคู่มองสบกัน เจสสิก้าก็ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ แต่ว่ายังช้าไปนิดหนึ่ง ข้อมือของเธอถูกเยี่ยเหยียนคว้าจับไว้อย่างรวดเร็ว
“นายไม่เชื่อฉัน” เจสสิก้าริมฝีปากสั่น เสียงพูดก็เบามาก
เยี่ยเหยียนพูดอย่างใจเย็น “อย่างน้อยจนกระทั่งตอนนี้ ในสำนักงานใหญ่ยังไม่มีคนที่ทำให้ฉันเชื่อใจได้เต็มร้อย”
มือข้างหนึ่งของเจสสิก้าเอียงไปทางด้านหลัง คว้าปืนพกอีกกระบอกที่เหน็บอยู่ที่หลังออกมา แล้วจับด้ามปืนยื่นส่งให้ “สามปีก่อน นายก็เคยทำแบบนี้เพื่อให้ฉันเชื่อใจ ตอนนี้ฉันแค่หวังว่านายก็จะเชื่อใจฉันได้เหมือนกัน”
พอเยี่ยเหยียนรับปืนมา ก็สอดนิ้วไปที่ไกปืน แล้วจ่อปากกระบอกปืนไปที่หน้าผากของเจสสิก้าด้วยท่าทีนิ่งเงียบ
เจสสิก้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตาสองข้างลง “ให้ฉันได้ช่วยนายเถอะ”
…
หลังจากผ่านไปนานแสนนาน เจสสิก้าก็ค่อยๆ ลืมตาสองข้างขึ้นอย่างช้าๆ เยี่ยเหยียนปล่อยมือสองข้างลง
ท่าทางของเขาเหมือนเมื่อสามปีก่อนที่เพิ่งพบกันครั้งแรก หนวดที่ไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย แววตาหดหู่ ผิวค่อนข้างขาวซีด เห็นชัดๆ ว่าเป็นคนอายุใกล้จะสี่สิบปี แต่ดูแล้วยังหนุ่มราวกับสามสิบปี
“ฉันไม่กลับไปกับเธอหรอก”
“อย่างน้อยให้ฉันได้อยู่ข้างๆ นายนะ”
เจสสิก้าคว้ามือเยี่ยเหยียนขึ้นมา แล้วแนบไปกับใบหน้าของตนเอง
จากประเทศจีนถึงประเทศฝรั่งเศส จากคนแปลกหน้าเป็นคนคุ้นเคย เธอและเขาใช้เวลาด้วยกันมาสามปีแล้ว
ด้วยวันเวลาที่หมุนผ่านไปถึงหนึ่งพันเก้าสิบห้าวัน
เวลามาตรฐานกรีนิช*สองหมื่นหกพันสองร้อยแปดสิบชั่วโมง
*เวลามาตรฐานกรีนิช แต่เดิมเป็นคำใช้เรียกเวลาสุริยคติมัชฌิมที่หอดูดาวหลวงกรีนิช เมืองกรีนิช สหราชอาณาจักร ปัจจุบันคำนี้มักใช้เพื่อหมายถึงเวลาสากลเชิงพิกัด (ยูทีซี) ในฐานะเขตเวลา