สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 2 ตอนที่ 114
ฉีดยาโดสหนึ่งเข้าไปจนหมดแล้ว เจสสิก้าก็ออกห่างจากตัวเยี่ยเหยียน
เธอกำลังมองดูเยี่ยเหยียนพร้อมกับพูดว่า “ครั้งหน้าก่อนฉีดยา ฉันหวังว่าจะได้ยินคำตอบที่นายรับปาก”
เยี่ยเหยียนหัวเราะอย่างเย็นชา พร้อมกับก้มหน้าลง มองพื้นห้องให้รู้แล้วรู้รอดไป เจสสิก้าก็เหมือนจะไม่ได้ใส่ใจ หลังจากที่เก็บของเสร็จเรียบร้อย ก็เดินออกไปช้าๆ
เธอเพิ่งจะออกจากประตูบานนี้ไป คิงคองก็เดินเข้ามาถามทันที “เป็นยังไงบ้าง ได้คำตอบไหม?”
เจสสิก้าพูดเสียงเฉยเมย “เขาเคยถูกฝึกมา นอกจากนี้ยังฉีดสารต้านทุกปี อย่างน้อยต้องใช้อีกสามโดสถึงจะเกิดผล แกรีบร้อนอะไร?”
คิงคองพูดเหยียดหยาม “ฉันนึกว่าเป็นวิธีอะไร ที่แท้ก็ยุ่งยากขนาดนี้”
เจสสิก้าแสยะยิ้ม “แกก็เคยจับเขามาแล้วครั้งหนึ่ง หรือยังไม่รู้จักเขาดีอีก ถึงแม้แกจะซ้อมเขาให้ตาย ก็ถามอะไรที่มีประโยชน์ไม่ได้เลยสักนิดนี่?”
คิงคองสบถออกมาครั้งหนึ่ง
แล้วเจสสิก้าก็พูดว่า “ของล็อตนั้นทิ้งไว้ที่ไหน? ปลอดภัยหรือเปล่า?”
คิงคองตอบ “ของล็อตนั้นมีเพียงฉันที่รู้ว่าซ่อนไว้ที่ไหน ปลอดภัยแน่นอน เธอวางใจได้”
เจสสิก้าขมวดคิ้ว “นานขนาดนี้แล้ว ฉันอยากลองไปยืนยันสักหน่อย แกพาฉันไปสิ”
คิงคองส่ายหัว “ไม่ต้อง ฉันบอกว่าปลอดภัยก็คือปลอดภัย อีกสองวัน ทางฝั่งองค์กรก็หาวิธีขนส่งได้แล้ว พอถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เห็น เธอดูผู้ชายคนนั้นไว้ให้ดีเถอะ เพราะสิ่งที่เขามีอยู่ในมือมันจะเป็นอันตรายกับคนภายในองค์กรอาชญากรรมอย่างพวกเธอ”
“ฉันก็มีแผนอยู่ในใจแล้ว” เจสสิก้าพูดอย่างเฉยชา “ฉันจะออกไปทำธุระหน่อย แกอยู่ที่นี่ดูเขาเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้หนีไปเหมือนครั้งก่อน แล้วฉันต้องมาเก็บกวาดให้แกอีกล่ะ”
คิงคองยิ้มเย็น “เธอวางใจได้ ครั้งนี้ฉันจะจับตาดูเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง! นอกจากว่าเขาเป็นวิญญาณ ไม่อย่างนั้นก็เลิกคิดหนีไปต่อหน้าฉันได้เลย”
เจสสิก้าพยักหน้า “แกอย่าแตะต้องเขาจะดีกว่า เพราะถ้ายิ่งเจ็บปวด ถูกข่มขู่ หรือแม้กระทั่งพูดคุยกับแก มีแต่ทำให้เขาได้สติ และยาออกฤทธิ์ยากขึ้นเท่านั้น”
คิงคองยักไหล่ แต่กลับใช้หมัดต่อยไปบนกระสอบทรายที่อยู่ข้างๆ เสียงดังปัง เขาไม่ตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันธรรมดาๆ “รู้แล้วว่าเธอรักแฟนของเธอสุดหัวใจ ฉันชกอันนี้ได้ใช่ไหมล่ะ?”
เจสสิก้ามองคิงคองอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดต่อความยาวสาวความยืดไปอีก
…
เธอกลับไปที่ห้องเช่าของเธออย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้กลับไปที่ชั้นของตัวเองทันที ทว่ากลับมาที่ชั้นล่าง เปิดบ้านคนอื่นอย่างชำนาญ…บ้านของลั่วชิว
หลังจากรื้อเครื่องดักฟังที่ติดตั้งไว้ที่นี่ทีละอันทีละอัน โดยพยายามไม่ให้ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้แล้ว เจสสิก้าถึงได้ขึ้นลิฟต์กลับมาที่ชั้นของตัวเอง แต่เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจะเห็นเริ่นจื่อหลิงอยู่ที่นี่
เจสสิก้ารู้สึกตกตะลึง แต่กลับสงบสติอารมณ์ได้อย่างน่าประหลาด เธอแสดงสีหน้าสงสัยออกมา “คุณเริ่น คุณมาหาฉันเหรอคะ?”
เริ่นจื่อหลิงมาถึงที่นี่สิบกว่านาทีได้แล้ว กระดิ่งก็กดมาเป็นเวลาสักพักหนึ่งแล้ว “อ้อ…ใช่น่ะสิ มาหาเธอ”
สายตารองบรรณาธิการเริ่นมองไปอีกทาง จากนั้นก็ทำใบหน้ายิ้มรับคน “คือแบบนี้นะ บ้านใกล้เรือนเคียงกัน เมื่อหลายวันก่อนเธอข้อเท้าแพลงไม่ใช่เหรอ? ฉันก็เลยอยากมาดูสักหน่อยว่าเธอดีขึ้นแล้วหรือยัง”
เจสสิก้ายิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณที่เป็นห่วง ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”
“อ้อ…งั้นเหรอ” เริ่นจื่อหลิงพยักหน้า พร้อมพูดขึ้นทันที “ใช่แล้ว ฉันขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหม? คือแบบนี้นะ ระเบียงบ้านฉันมีน้ำหยดอยู่ตลอด ฉันอยากจะดูหน่อยว่าท่อระบายน้ำแอร์บ้านเธอพังหรือเปล่า…ฮ่าๆ ฉันไม่ได้บอกว่าจะต้องเป็นเธอแน่ๆ หรอก จริงๆ ฉันก็ถามขึ้นมาตลอดทางนั่นแหละ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เจสสิก้าเปิดประตูพลางพร้อมพูดว่า “คุณเข้ามาลองดูสิคะ ถ้าเป็นของฉันล่ะก็ ฉันจะแจ้งเจ้าของห้องทันที”
เริ่นจื่อหลิงที่เดินเข้ามาเริ่มจ้องมองไปทั่ว แล้วเจสสิก้าก็พูดขึ้นว่า “คุณเริ่น ระเบียงอยู่ทางนั้นค่ะ”
“อ่า ใช่ๆ” เริ่นจื่อหลิงพูดขึ้นทันที “เอ่อ ขอยืมใช้ห้องน้ำหน่อยได้ไหม? จู่ๆ ก็อยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาน่ะ~”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
…
“…เหมือนจะไม่ได้มาจากที่นี่ มารบกวนคุณซะแล้ว”
ไม่มี ไม่มี ไม่มี…ไม่มีบ้าอะไรเลย ในห้องไม่มีคนอยู่เพิ่มเลย เริ่นจื่อหลิงอดถอนหายใจไม่ได้ คิดว่าลางสังหรณ์ของตัวเองครั้งนี้คงจะไม่ค่อยแม่นยำแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ” เจสสิก้าไปส่งเริ่นจื่อหลิงที่หน้าประตู หลังจากมองดูเธอเดินเข้าไปในลิฟต์แล้ว ก็คิดบางอย่างได้
…
…
อาซูค้นชุดสูทเมื่อสิบปีก่อนออกมาจากในตู้เสื้อผ้า หลังจากหวีผมให้เป็นสไตล์ผู้ชายวัยรุ่นแล้ว ก็หิ้วอาหารที่ซื้อมาจากข้างนอกสองถุง มาถึงหน้าห้องห้าศูนย์ห้า ก่อนเคาะประตู อาซูถึงกับกระแอมให้คอโล่ง “แค่กๆ …คุณผู้หญิง ของที่คุณสั่งไว้มาส่งแล้วครับ!”
ผู้หญิงชุดดำที่พึ่งจะมาพักอยู่ที่นี่ไม่นานนักก็เปิดประตูออกมา กำลังมองดูอาซูคนนี้…ถ้าเธอไม่ได้จำผิดล่ะก็ เหมือนว่าเมื่อสักครู่อาซูคนนี้จะสวมใส่เพียงแค่เสื้อกล้ามตัวเล็กสีขาวกับกางเกงขาสั้น และใส่รองเท้าแตะ?
แต่ว่าไม่เป็นไร เธอพยักหน้าหลังจากรับอาหารแล้วก็คิดจะปิดประตู
“เอ่อ…รอเดี๋ยวครับ” อาซูดึงบานประตูไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นก็เอาตัวพิงไปที่ขอบประตู
“ยังมีเรื่องอะไรอีกคะ?”
“อืม คืออย่างนี้ครับ ทางเราต้องใช้บัตรประชาชนมาลงทะเบียน…เมื่อสักครู่คุณผู้หญิงยังไม่ได้ลงทะเบียนเลยนะครับ!” อาซูพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่นี่พวกเราเป็นสถานที่ที่ได้มาตรฐานนะครับ!”
หญิงสาวชุดดำตะลึงงัน ยิ้มให้อาซูเล็กน้อย “คุณเจ้าของ พวกเราลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วนะคะ คุณลืมไปแล้วเหรอ?”
อาซูกะพริบตา มึนงงไปครู่หนึ่ง “ใช่แล้ว…เคยลงทะเบียนไปแล้ว”
“คุณเจ้าของ ถ้าไม่มีธุระแล้วก็ไปทำงานเถอะ”
“ได้ ได้…ได้ครับ” อาซูหันตัวกลับไปทันที เดินจากไปแบบโง่ๆ แป๊บเดียวก็ลงบันไดไปเสียแล้ว
หลังจากสาวชุดดำปิดประตูเรียบร้อยแล้วก็ส่ายหน้า ในตอนนี้เองเงาสีดำเล็กๆ เงาหนึ่งก็บินทะยานมาข้างหน้าของเธอ หญิงสาวชุดดำยื่นมือออกไปคว้าไว้เบาๆ ก็จับเงาสีดำเล็กๆ ไว้ได้แล้ว “จูหลัวจื่อก่อนกินข้าวต้องล้างมือก่อนนะ เจ้าลืมที่พี่สอนเจ้าไปแล้วหรืออย่างไร”
“โถ่! แต่ท้องของข้าหิวมากเลยนะ พี่เฮยสุ่ย!”
“ล้างมือ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องกิน” เฮยสุ่ยพูดด้วยหน้าเคร่งขรึม
จูหลัวจื่อพุ่งไปที่ห้องน้ำด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เฮยสุ่ยส่ายหน้า เปิดกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบออกมา ท่าทางข้างในนี้ได้ใส่สัตว์ตัวเล็กๆ หลายตัวเอาไว้ เธอพ่นลมหายใจไปทางพวกมันหนึ่งครั้ง สัตว์ตัวน้อยแต่ละตัวก็เริ่มคืนสู่สภาพเดิม กระโดดออกมาจากกระเป๋าเดินทางทีละตัวทีละตัว
ปีศาจกระต่ายน้อยขยี้ตาพร้อมพูดว่า “พี่เฮยสุ่ย ถึงแล้วเหรอ?”
“อื้ม แค่จูหลัวจื่อตะกละ ตื่นขึ้นมาเป็นตัวแรก” เฮยสุ่ยพูดอย่างตลกขบขัน “มาสิ พวกเจ้ามากินอะไรก่อนสักหน่อย กินเสร็จแล้วพี่จะออกไปข้างนอก พวกเจ้าก็รอข้าที่นี่แล้วกัน แต่จำไว้ให้ดีว่า ห้ามเดินออกนอกห้องนี้เด็ดขาด และก็เปิดหน้าต่างไม่ได้ด้วย เข้าใจไหม?”
ปีศาจกระต่ายน้อยตอบรับอย่างเชื่อฟัง “อื้มๆ หลิงหลิงจะดูพวกเขาไว้ให้ดีเองค่ะ!”
…
…
“ยังไม่กลับมาเหรอ รู้แล้ว…เหลาสู่เฉียง นายจับตาดูต่อไป ถ้าคนกลับมาแล้ว นายก็บอกเขาว่าจดหมายอยู่ที่ฉัน ถ้าเขาอยากได้ก็มาหาฉัน”
เริ่นจื่อหลิงวางโทรศัพท์มือถือไว้บนโซฟา แล้วทอดถอนใจ…เรื่องของเหล่าเยี่ยทำให้น่าเป็นห่วงจริงๆ
“จิ๊ๆๆ …เจ็บจัง…”
ใช้ฝ่ามือทุบแมวกวักจนแตกกระจายได้เพียงครั้งเดียวต้องเท่มากๆ อยู่แล้ว แต่หลังจากเท่แล้วก็ต้องจ่ายค่าชดเชยด้วยน่ะสิ รองบรรณาธิการเริ่นเช็ดฝ่ามือด้วยเหล้าเถียต่า* พลางถอนหายใจที่ตัวเองทำตัวเป็นวัยรุ่นเกินไป
สมัยก่อน อย่างน้อยก็ต้องสองตัวน่ะ “เจ็บๆๆ …”
“คุณกำลังทำอะไร? ยังไม่เข้ามาก็ได้ยินเสียงคุณกำลังร้องโหยหวน”
เริ่นจื่อหลิงตะลึงงัน รีบซ่อนเหล้าเถียต่าไว้ข้างหลัง หันหน้าเข้าหาประตูพร้อมกับยิ้มเฝื่อนๆ “ไม่มีอะไร แค่เมื่อกี้นี้มียุงมากัดฉัน แล้วทำไมวันนี้กลับไวขนาดนี้ล่ะ? ไม่ต้องติวให้สาวมัธยมปลายสวยๆ คนนั้นเหรอ?”
ตามหลักแล้ว ถ้าจะคิดไตร่ตรองให้ถูกต้องล่ะก็ กลับมานานขนาดนี้ คงจะรู้สึกแล้วว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่าง…แต่เห็นชัดๆ ว่าเริ่นจื่อหลิงไม่มี
เพราะว่าพวกเราชินกับการเชื่อคำพูดของญาติข้างตัวที่สนิทที่สุด
…
ลั่วชิวไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด แต่กลับเดินไปอยู่ข้างตัวเริ่นจื่อหลิง แล้วนั่งลงมา พร้อมพูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “ข้างหลังซ่อนอะไรเอาไว้ครับ?”
“เปล่า” เริ่นจื่อหลิงมองไฟสีขาวบนเพดานพร้อมพูดว่า “ไอ้ยุงบ้า ยังอยู่อีกเหรอ…แกมองหน้าฉันทำไม? หน้าฉันมีอะไรติดอยู่หรือยังไง…อ๊ะ ดูทีวีดีกว่า…ใช่แล้ว เธอพึ่งกลับมาไม่ไปอาบน้ำก่อนเหรอ…รู้แล้วจ้า! รู้แล้ว!”
เริ่นจื่อหลิงที่ทนต่อสายตาของเจ้าของร้านลั่วไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แค่เอายาทาแผลที่อยู่ข้างหลังออกมาอย่างว่าง่าย พอเห็นท่าทางขมวดคิ้วของลั่วชิว เริ่นจื่อหลิงจึงพูดขึ้น “แค่ไม่ระวังจนกระแทกมือเข้าเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้ไปแตะต้องของคนอื่นจนพังเลยจริงๆ …โถ่เอ๊ย…”
บ้าจริง นึกไม่ถึงว่าจะหลุดพูดไปเอง…สายตาของเจ้านี่น่ายำเกรงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ลั่วชิวถอดถอนใจ ยื่นฝ่ามือออกมา
เริ่นจื่อหลิงทำได้แค่เอาเหล้าเถียต่าวางไว้บนมือลั่วชิวอย่างว่าง่าย
ลั่วชิวประคองมือที่บาดเจ็บของเริ่นจื่อหลิงขึ้นมา หลังจากทายาแล้ว ก็เริ่มต้นนวดคลึงเบาๆ พร้อมกับพูดว่า “ชดใช้เงินไปหรือยัง?”
“ใช้แล้ว…เจ็บๆ เบาหน่อยๆ …เธอจะเบามืออีกนิดไม่ได้เหรอ?” รองบรรณาธิการเริ่นน้ำตาคลอเบ้าทันที สีหน้าท่าทางคับแค้นใจ
“ไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก แค่กล้ามเนื้ออักเสบนิดเดียว”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันก็บอกแล้วนี่ว่าไม่เป็นไร…เจ็บๆ!! เบาหน่อย!! ฉันผิดไปแล้วโอเคไหม…บอสปล่อยฉันไปเถอะ…”
“คืนนี้อย่าโดนน้ำ ช่วงนี้อย่ากินของรสจัด คุณยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม เดี๋ยวผมทำโจ๊กให้กิน” หลังจากลั่วชิวคลำขวดยาในมือแล้วก็เดินเข้าห้องครัวไป
ใครบอกว่าผู้หญิงพอไม่มีผู้ชายก็อยู่ไม่ได้กันล่ะ?
ลูกชายฉันคนนี้เกาะติดกันไปตลอดชีวิตแน่ๆ เลย!
รองบรรณาธิการเริ่นผู้ที่มีความพอใจและความภูมิใจมหาศาลอย่างหนึ่งอยู่เต็มห้องหัวใจ จำต้องยิ้มอย่างโง่งม
เพียงแต่เธอก็ต้องหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอน
เธอจ้องจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ มืออีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้บาดเจ็บค่อยๆ ยื่นไปทางจดหมายอย่างช้าๆ แต่ก็หดกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ๆ ดูไม่ได้…”
เธอกัดฟันกรอด แล้วยื่นมือออกไปอีกครั้ง จากนั้นก็หดกลับมา “ดูไม่ได้จริงๆ นะ ไม่อย่างนั้นเหล่าเยี่ยต้องด่าฉันตายแน่…”
เธอยื่นมือออกไปเป็นครั้งที่สาม “ดูนิดดูหน่อย คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?”
รองบรรณาธิการเริ่นผิวปากไปพร้อมกับสายตาเลื่อนลอยไปนอกหน้าต่าง นิ้วเริ่มฉีกซองจดหมายออก หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขมันก็จะยังไม่หายไป
*เหล้าเถียต่า หนึ่งในยาแผนจีน ใช้เหล้าแช่ตัวยาเอาไว้ ทำให้ได้สารที่มีประสิทธิผลออกมา