สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 2 ตอนที่ 117
เยี่ยเหยียนค่อยๆ นั่งลงมาใกล้ๆ กับกำแพง ในซอยเล็กแห่งหนึ่ง
เขามองเห็นไม่ชัดเจนว่าใครช่วยเขาออกมากันแน่…ตอนที่คนคนนั้นช่วยเขา เหมือนกับว่าใช้อะไรฉีดไปบนตัวเขา หลังจากนั้นเขาก็ตกอยู่ในสภาวะมึนงง รู้ตัวอีกทีก็ฟื้นขึ้นมากลางสวนสาธารณะ
เยี่ยเหยียนอดคิดไม่ได้ว่า ครั้งก่อนที่เขาพลาดท่าถูกคิงคองจับตัวได้ ก็ถูกใครบางคนช่วยออกมาเหมือนกัน
สองครั้ง…หรือว่าจะเป็นคนเดียวกัน?
เยี่ยเหยียนขมวดคิ้ว เขาล้วงมือเข้าไปในคอเสื้อ แล้วหยิบสายเชือกสีแดงเส้นหนึ่งออกมา สายสร้อยร้อยจี้เครื่องรางอันหนึ่งเอาไว้
ถึงแม้เป้าหมายหลักที่กลับมาครั้งนี้ คือตามหาสินค้าล็อตนั้นที่สมาคมไมเคิลซ่อนไว้ให้เจอ แต่นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอีกอย่าง…ก็คือจี้เครื่องรางอันนี้
ก่อนเกิดเรื่อง มันถูกส่งมาพร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง เนื้อหาในนั้นมีแค่อย่างเดียว ก็คือให้เขาเข้าไปอยู่ในโรงแรมผิงอันตามระยะเวลาที่กำหนด
ตอนที่เขาเพิ่งหนีมาที่นี่ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย เยี่ยเหยียนจึงไปจับตาดูคิงคองก่อน หลังจากเทพเจ้าจากที่ไหนไม่รู้มาช่วยออกมาในครั้งแรก เขาก็เลยคิดว่ามาพักรักษาตัวที่โรงแรมผิงอันไปเลยแล้วกัน
“คนที่ช่วยฉัน…กับที่ส่งจดหมายให้ฉันเป็นคนคนเดียวกัน?” เยี่ยเหยียนกำลังคิดตามจิตใต้สำนึก แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเป้าหมายของคนลึกลับคนนี้คืออะไรกันแน่
แต่เพราะคนลึกลับนั่นส่งจี้เครื่องรางอันนี้มาให้ ทำให้เขาต้องทำตามรายละเอียดในจดหมาย!
เพราะว่าจี้เครื่องรางอันนี้เป็นของที่เขาวางไว้ในไหอัฐิของแฟนสาวที่ล่วงลับไปแล้ว…แต่เดิมจี้อันนี้เป็นสิ่งที่เขาพกติดตัวไว้ตั้งแต่เด็ก เป็นของที่พ่อแม่ขอมาคุ้มกันภัยให้เขา
เยี่ยเหยียนกำหมัดแน่น สายตาของเขามีความเยือกเย็นแผ่ซ่านออกมา ตอนที่เพิ่งลงจากเครื่องมา เขายังไม่ได้ไปเยี่ยมหม่าโฮ่วเต๋อที่โรงพยาบาลทันที แต่ไปที่หลุมฝังศพของเสี่ยวชุนมารอบหนึ่ง
หลุมฝังศพถูกคนทำลายไปแล้ว!
แต่เขาคิดไม่ตกเลยจริงๆ …ถ้าคนที่ทำลายหลุมฝังศพและคนที่ช่วยเขาเป็นคนเดียวกันจริง แล้วคนคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่
แต่ไม่ว่าจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่…หรือมีเป้าหมายอะไร แต่คนที่ทำลายหลุมฝังศพของเสี่ยวชุน ก็ได้ยั่วโมโหเขาเสียแล้ว!
เยี่ยเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง ยันกำแพงลุกขึ้นมา ก่อนเดินลึกเข้าไปในซอยเล็กๆ ทีละก้าวทีละก้าว ด้วยเขาปฏิบัติหน้าที่และใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้มากว่าสิบปี
เขาย่อมรู้ว่าทางไหนใช้กลับโรงแรมเหอผิงได้ปลอดภัยที่สุด
…
แต่เยี่ยเหยียนกลับคิดไม่ถึงว่า ตอนที่กลับมายังโรงแรมผิงอันอีกครั้ง ตัวเองจะได้พบกับหม่าโฮ่วเต๋อ หม่าโฮ่วเต๋อในวัยกลางคน ร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์เล็กน้อยกำลังยกมือทั้งสองเท้าคางนั่งอยู่บนโซฟาของโถงรับรอง ยันหัวไว้ไม่ให้ตัวเองสัปหงก…แต่แล้วเซอร์หม่าก็ลุกพรวดด้วยตกใจสุดขีด
ไม่นึกเลยว่าเขาจะได้เจอเยี่ยเหยียนที่นี่จริงๆ
อาซูผู้ที่กำลังสัปหงกอยู่ตรงเคาน์เตอร์ก็เพ่งเล็งอยู่แวบหนึ่ง ก่อนใส่หูฟังฟังเพลงเพลงหนึ่งอย่างเฉลียวฉลาด ล้อเล่นน่า เพชฌฆาตความชั่วร้ายของเมืองนี้อย่างเซอร์หม่าก็อยู่ที่นี่ เขาจะกล้าแอบฟังที่ไหนกัน!
แต่หม่าโฮ่วเต๋อก็ยังคงลากเยี่ยเหยียนมาอยู่อีกฝั่งหนึ่งอยู่ดี
“นายหาที่นี่เจอได้ยังไง?” เยี่ยเหยียนขมวดคิ้ว…วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย อีกทั้งยังวุ่นวายมากๆ
หม่าโฮ่วเต๋อรีบพูด “ก่อนถามฉัน นายควรจะพูดอะไรกับฉันหน่อยหรือเปล่า?”
เยี่ยเหยียนถอนหายใจ “พี่ชาย เรื่องที่ตีนายจนสลบไปครั้งที่แล้ว ขอโทษด้วยนะ”
สีหน้าของหม่าโฮ่วเต๋อดูดีขึ้นมาบ้าง “ไม่ใช่ฉันที่หานายเจอ เป็นยัยจื่อหลิงนั่นที่หานายเจอ หรือว่านายลืมไปแล้ว ว่าในพื้นที่อิทธิพลนี้ พี่สะใภ้ของพวกเราหูตากว้างขวางกว่าพวกเราที่กินเงินหลวงอยู่เสียอีก”
เยี่ยเหยียนตะลึงงัน จากนั้นก็ส่ายหัวยิ้มขมขื่น เขามองอาซูเจ้าของโรงแรมผิงอันแวบหนึ่ง…ไม่แน่ว่าอาซูคนนี้ก็อาจเป็นหูเป็นตาของเริ่นจื่อหลิง?
หม่าโฮ่วเต๋อยื่นมือไปแตะบ่าของเยี่ยเหยียน พูดว่า “อืม เพิ่งจะไม่กี่วันเอง เหมือนว่านายดีขึ้นไม่น้อยเลยนะ ครั้งที่แล้วเห็นนายยังกระอักเลือดอยู่เลยนี่”
“ดีขึ้นไม่น้อยเลย ฉันนี่มันกระดูกแข็งจริงๆ”
หม่าโฮ่วเต๋อพูดจริงจังทันที “เหล่าเยี่ย ฉันมีเรื่องจะถามนาย นายต้องบอกฉันตามจริง ฟังนะ เกี่ยวกับเรื่องของสมาคมนั้น นายมีจุดยืนของนาย ฉันเถียงนายไม่ชนะหรอก แต่เรื่องนี้นายปิดบังฉันไม่ได้ เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของนายคนเดียวแล้ว!”
“อะไรนะ?”
หม่าโฮ่วเต๋อเอาจดหมายออกมา พูดขึ้นอย่างจริงจัง “มีคนส่งให้นายน่ะ…สถานที่ที่เขียนอยู่ข้างในคือหลุมฝังศพของพี่ใหญ่”
เยี่ยเหยียนนิ่งอึ้งไป จากนั้นก็เบิกตากว้างทันที เหมือนกับถูกความโกรธเข้าโจมตีไม่มีผิด เขาฉีกซองจดหมายอย่างรวดเร็ว ก่อนสลัดกระดาษจดหมายเริ่มอ่านเงียบๆ แล้วก็ฉีกกระดาษจดหมายที่อยู่ในมือทิ้ง
“เยี่ยเหยียน! นายบอกฉันมาให้ชัด! นายกลับมาครั้งนี้ นอกจากเรื่องของตัวเองแล้ว หรือว่ายังเกี่ยวพันกับพี่ใหญ่ด้วย?”
เยี่ยเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ มือทั้งสองแตะที่บ่าของหม่าโฮ่วเต๋อ “พี่ชาย นายสงบสติอารมณ์แล้วฟังฉันพูดก่อน ฉันจะบอกนายทั้งหมดแล้วกัน ก่อนหน้านี้ครึ่งเดือน…”
…
ปัง!
หม่าโฮ่วเต๋อตบไปที่โต๊ะชาอย่างแรง จนอาซูที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ตกใจรีบเพิ่มเสียงเพลงในมือถือ ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ที่วันนี้อ่านจบไปตั้งนานแล้ว
“อะไรนะ! คิดไม่ถึงว่าจะไปทำลายสุสานของเสี่ยวชุน!! ข้าจะต้องฆ่าเขาแน่!!”
“นายรู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?” เยี่ยเหยียนพูดเสียงทุ้มต่ำ “นายอยากฆ่าเขา หรือว่าฉันจะไม่อยากล่ะ? ใจเย็นหน่อย”
เรื่องนี้ เหล่าเยี่ยเป็นคนมีสิทธิ์ออกเสียงมากที่สุด
หม่าโฮ่วเต๋อได้แต่เก็บงำความโกรธ “คนคนนั้นหลอกล่อให้นายกลับมาก่อน แล้วยังให้นายเห็นอีกว่าหลุมฝังศพของเสี่ยวชุนถูกทำลายไปแล้ว…เขาให้นายอยู่ที่นี่ เพื่อติดต่อนายได้อย่างสะดวกสบายตลอดเวลา แต่จดหมายฉบับนี้เขียนถึงหลุมฝังศพของพี่ใหญ่ คงไม่ใช่…”
เยี่ยเหยียนขมวดคิ้ว มองดูหม่าโฮ่วเต๋อ “นายนึกอะไรได้?”
หม่าโฮ่วเต๋อพูดอย่างโมโห “บ้าเอ๊ย! แน่นอนว่านึกถึงเรื่องของนาย ข้ามันโง่จริงๆ! ยังคิดจะรอสามวัน! ถ้าสมมุติไอ้เดรัจฉานนั่นคิดจะทำลายหลุมฝังศพพี่ใหญ่เหมือนกับหลุมฝังศพของเสี่ยวชุนละก็ คงไม่รอถึงสามวันแน่!! เป็นไปได้ว่าตอนนี้คง…”
“ไป! ไปสุสานก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เยี่ยเหยียนพูดเสียงหนักแน่น
หม่าโฮ่วเต๋อพยักหน้า แต่กลับชะงักกึก เผลอลูบคลำไปที่หัวใจของตัวเอง
“เป็นอะไรไป?”
เซอร์หม่าพูดอย่างงวยงง “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นมา รู้สึกไม่ค่อยดีเลย”
เพิ่งจะพูดจบ อาซูที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ก็ไม่ระวังจนทำแก้วชาตก ก่อนลุกยืนขึ้นมาอย่างตกอกตกใจ แต่ก็นั่งลงมาอย่างอายๆ ทันที
เยี่ยเหยียนขมวดคิ้ว เหมือนช่วงวินาทีที่เพิ่งผ่านไป ตัวเขาเองก็กลัวจนตัวสั่นงันงกเช่นกัน เพียงแต่ว่าแป๊บเดียวก็หายไป เขาสงบสติอารมณ์ ก่อนพูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่เป็นไร ไปเถอะ”
ทั้งสองคนออกจากโรงแรมผิงอันไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ทั้งสองคนจากไป ในตอนนี้ ‘ผู้พักอาศัย’ ที่เป็นแขกมาใหม่ของโรงแรมผิงอันวันนี้ แต่ละตัวเอาแต่เนื้อตัวสั่นเทา พากันจับชุดของสาวชุดดำ…เฮยสุ่ยไว้แน่น ล้อมกันเป็นวง
“ไม่เป็นไรๆ พี่อยู่นี่…” เฮยสุ่ยรีบปลอบประโลมพวกปีศาจตัวน้อยพวกนี้
…
…
ประตูที่น่ากลัวนั้น กำลังสลายไปช้าๆ กลางอากาศ อีกทั้งดวงตาสีเงินอันสวยงามน่าพิศวงของลั่วชิวก็หายไปเช่นกัน เขาเหมือนไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“นายท่านคะ คนที่ทำลายที่นี่คงจะเหลือร่องรอยเอาไว้…”
ลั่วชิวกลับโบกมือไปมา ให้โยวเย่หยุดพูด
เขาส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วย่อตัวลงมาอีกครั้ง มือทั้งสองยื่นเข้าไปตรงวัตถุสกปรกที่ซ่อนเอาไว้กองนั้น แล้วค่อยๆ ล้วงของที่อยู่ข้างในออกมาทีละอย่างด้วยมือตัวเอง
“นายท่านคะ งานประเภทนี้ให้ฉันทำก็ได้ค่ะ” โยวเย่อดพูดขัดไม่ได้…นี่คือเจ้านายที่เธอจะต้องทุ่มเทให้ด้วยความซื่อสัตย์ทั้งหมดที่มี ในความคิดของคุณสาวใช้ แต่ไหนแต่ไรมาก็ให้เจ้านายของตัวเองทำงานสกปรกประเภทนี้ไม่ได้
“นี่คือหลุมฝังศพของพ่อฉัน ในเมื่อมันสกปรก ฉันก็มีหน้าที่ทำความสะอาดด้วยมือฉันเอง”
สายตาของลั่วชิวแน่วแน่ผิดปกติ ไม่ลังเลที่จะใช้มือทั้งสองของตัวเองหยิบของ ‘ไม่ว่ามันจะเปื้อนขนาดไหน สกปรกขนาดไหน’ ขึ้นมาทีละชิ้นทีละชิ้น
โยวเย่ทำได้แค่ถอยไปอยู่อีกฝั่งเงียบๆ ในตามีจิตสังหารแรงกล้าโผล่มาอยู่แวบหนึ่ง เจ้านายที่เธอเคารพที่สุดต้องลดตัวมาทำเรื่องอัปยศเช่นนี้ ก็เท่ากับเหยียบย่ำบนตัวเธอ!
“นั่นใคร?”
โยวเย่ที่ไม่สามารถสะกดจิตสังหารของตัวเองได้เลย พลันมองไปยังที่แห่งหนึ่งทันที
เห็นเพียงแค่ในที่มืดนั้น ซึ่งก็คือป้ายหลุมศพที่อยู่ข้างๆ ในตอนนี้มีเงาคนคนหนึ่งเดินออกมาช้าๆ …คงจะเป็นผู้ชาย
ฝีเท้ามั่นคงผิดปกติของเงาคนคนนี้ เดินเข้ามาพลางพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉย “เป็นฉันต่างหากที่ต้องถามว่าพวกเธอเป็นใครกันแน่”
คนคนนี้ถือตะเกียงน้ำมันมาตะเกียงหนึ่ง รูปร่างลักษณะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เขากำลังหิ้วของที่มีอยู่สองถุงเอาไว้…เหมือนกับว่าพึ่งซื้อของกลับมา ชุดที่ใส่อยู่บนตัวก็ไม่ใช่ชุดพนักงานของสุสาน
แต่มาที่สุสานดึกๆ ดื่นๆ เกรงว่าก็คงไม่ได้มาเซ่นไหว้แน่
คนผู้นี้ยกตะเกียงในมือขึ้นมา ส่องไปที่ลั่วชิวและโยวเย่ ฉับพลันเขาก็ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “พวกเธอทำอะไรกัน? ใครให้พวกเธอขุดของออกมา?”
โยวเย่พูดสบถ “คุณ…ฝังของพวกนี้ไว้ที่นี่งั้นเหรอ?”
“พวกเธอเป็นใครกันแน่?” คนผู้นี้ทิ้งของที่อยู่ในมือทันที พร้อมกับหรี่ตาลง
กระดูกนิ้วมือของเขาใหญ่กว่าคนทั่วไป ไม่สูงแต่ใบหน้าซีดขาว ท่าทางอายุประมาณสามสิบกว่า เท้าซ้ายของเขาเหมือนจะถอยหลังไปครึ่งก้าวเล็กน้อย แล้วร่างกายก็เอียงไปข้างๆ เล็กน้อย
ลั่วชิวที่ยังคงล้วงเอาของสกปรกในหลุมออกมา ก็ยังไม่ได้หันหน้ากลับมา “เป็นของที่คุณทำเหรอ”
“ไม่ว่าพวกเธอจะเป็นใคร ฉันก็ไม่มีหน้าที่ตอบพวกเธอ” คนผู้นั้นยิ้มอย่างเย็นชา
“ตอบผมมา” เสียงของลั่วชิวเบาขึ้นกว่าเดิม
คนผู้นั้นตกตะลึง บนใบหน้าแฝงไว้ด้วยความตกใจเล็กน้อย พูดโพล่งออกมาว่า “ถูกแล้ว ฉันเอง!”
ลั่วชิวพลันหยุดชะงัก เขาเงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง “ผมไม่สนว่าคุณมีเป้าหมายหรือมีแผนอะไร ทำไปเพื่ออะไรกันแน่ แต่ตอนนี้คุณ…เข้ามาหาผมนี่” ร่างกายของคนผู้นั้นเหมือนกับถูกอะไรลากมา เพียงแป๊บเดียวก็พุ่งมาอยู่ด้านหน้าป้ายหลุมศพ
“คุกเข่าลง”
คนผู้นั้นกัดฟันกรอด ขาทั้งสองคุกเข่าลงอย่างแรงที่ด้านหน้าป้ายหลุมศพ ชนกระแทกจนแผ่นหินหน้าป้ายหลุมฝังศพมีเสียงดังกึกออกมา
เขาหลุดสีหน้าหวาดผวาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“โขกหัวคำนับ…คุณ! โขกหัว! คำนับ! ให้! ผม!” ลั่วชิวหันหน้ามาทันที พูดด้วยเสียงหนักแน่น “คำนับ!!”
ปั่ก!
ผู้ชายเอาหัวโขกลงไปบนแผ่นหินหน้าป้ายหลุมฝังศพอย่างแรง!
หัวแตกเลือดไหล
ปึงๆๆ!
โขลกหัวไปสิบกว่าครั้งต่อเนื่อง
ลั่วชิวแค่เพียงล้วงหลุมนั้นต่อไป ท่าทางจดจ่อแน่วแน่