สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 2 ตอนที่ 118
หลังจากลั่วชิวล้วงเอาสิ่งสกปรกโสมมในหลุมทั้งหมดออกมาหมดแล้ว ถึงค่อยๆ กลบดินกลับให้เรียบร้อยทีละกำมือ
แล้วลั่วชิวก็ยืนขึ้นมา
โยวเย่เห็นดังนั้นแล้ว จึงหยิบขวดน้ำแร่จากถุงของชายคนนั้น แล้วเดินไปตรงหน้าลั่วชิว ปรนนิบัติดูแลล้างมือสองข้างให้จนสะอาด สุดท้ายจึงหยิบผ้าเช็ดมือออกมาเช็ดให้สะอาด
ชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าตรงหน้าป้าย ไม่รู้ว่าโขกศีรษะคำนับไปกี่ครั้งแล้ว สองมือของเขาออกแรงยันบนแผ่นหิน กล้ามเนื้อบนแขนเป็นมัดล่ำสันแข็งแรงเริ่มนูนเกร็งอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายกลับไม่อาจหยุดร่างกายตัวเองได้
ฟ้าดินฮ่องเต้บุพการีอาจารย์* คุกเข่ากราบฟ้า คุกเข่ากราบดิน คุกเข่ากราบบิดามารดา แต่วันนี้กลับต้องมากราบคนตายคนหนึ่ง แถมยังก้มหมอบคารวะอย่างอัปยศอดสู เทียบกับการบีบบังคับที่มาจากร่างกายเช่นนี้ ความโกรธแค้นที่สุมอยู่ในอกแบบนั้น ยิ่งทำให้ชายหนุ่มคนนี้เคียดแค้นยากที่จะสงบได้
เขายืดตัวขึ้นอย่างบ้าระห่ำ และพยายามแหงนศีรษะตนขึ้นอย่างสุดกำลัง ถึงกับขบกรามแน่น ใบหน้าบวมเป่งเต็มไปด้วยสีแดงสดราวกับเลือด
แต่การต่อต้านของเขากลับต้านทานได้ไม่นานนัก ลั่วชิวที่ล้างมือสองข้างสะอาดแล้ว ก็ตรงไปคว้าจับผมของชายคนนี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนกดหัวของเขาลงไปอย่างเหี้ยมโหด!
คราวนี้ เสียงดังลั่นกว่าครั้งก่อนหน้านี้อีกเป็นไหนๆ!
ลั่วชิวกดหัวของชายหนุ่มไว้ มองดูท่าทางทั้งตัวของเขาที่กำลังต่อต้าน กำลังอ้าปากอย่างสงบเงียบ…ในความเงียบสงบ แฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือกน่าพิศวงจากตัวเขา “คุณรู้สึกถึงความอัปยศอดสูแล้วล่ะสิ? โกรธแค้น เคียดแค้น มากมายเลยใช่ไหม?”
“อ๊า!!” ชายหนุ่มร้องอย่างบ้าคลั่ง
ลั่วชิวสูดลมหายใจลึกๆ ครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น “งั้นคุณรู้หรือเปล่า นี่คือหลุมศพของพ่อผม? ผมเห็นหลุมศพของเขาถูกคนฝังของพวกนั้นเอาไว้กับตา ในฐานะลูก ผมควรจะรู้สึกยังไง?”
ลั่วชิวหรี่ตาสองข้าง คว้าผมของชายหนุ่มไว้อีกครั้งแล้วดึงหัวของเขาขึ้นมา แล้วหลังจากนั้นก็กดลงไปบนพื้นอีกครั้งอย่างรุนแรง
ชายหนุ่มที่เดิมกำลังดิ้นรนต่อสู้ก็หยุดลงทันที
ใบหน้าของเขาถูกกดไว้ แนบชิดไปกับแผ่นหิน มีเลือดสดๆ ไหลออกมาจากหน้าผาก ทำให้ทั้งใบหน้าของเขาดูดุร้ายราวกับปีศาจ “แก…แกเป็นลูกของคนนี้?”
“คุณฝังของพวกนี้บนหลุมศพของพ่อผม แต่ไม่ได้สืบดูให้ชัดเจนเลยเหรอ” ลั่วชิวคว้าศีรษะของชายหนุ่มขึ้นมา “คุณต้องการอะไรกัน?”
ชายคนนั้นหัวเราะเยาะทันที แต่ทั้งตัวกลับไม่มีแรงด้วยกระแทกกับแผ่นหินอย่างต่อเนื่องตั้งนานแล้ว แต่เขายังคงปากแข็งตอบ “ก็ฉันชอบนี่ ทำไม? แกเก่งนักก็ฆ่าฉันสิ…แต่อย่าคิดว่าจะได้คำตอบจากปากฉัน? ไม่มีทาง!”
เขาแสยะยิ้ม ราวกับว่ากำลังชื่นชมกับสีหน้าของลั่วชิวก็ไม่ปาน…แต่กลับมองเห็นท่าทางไร้ความรู้สึกของลั่วชิว จึงแสยะปากพูดทันที “ใช่แล้ว ของพวกนั้นเป็นของที่ฉันหามาเรื่อยเปื่อย ความจริงแล้ว ฉันฉี่ราดเอาไว้ด้วย! ฮ่าๆๆๆๆ!!! วันนี้ก็กะว่าจะเอาอีกสักหน่อยนะเนี่ย!”
แววตาของคนผู้นี้บ้าดีเดือดสุดขีด รู้ๆ อยู่ว่าตกอยู่ในสถานการณ์อับจนหมดหนทางสุดๆ แล้วยังยั่วโมโหอีกฝ่ายได้อย่างบ้าระห่ำอีก
นี่มันคนบ้าคนหนึ่งที่ไม่กลัวตายเอาเสียเลย
ลั่วชิวเลิกคิ้ว เขาเคยเป็นเด็กมาก่อน เคยมีความใฝ่ฝันเคยมีจินตนาการ เคยอ้อแอ้เรียนภาษา เคยตกต่ำหดหู่หมดอาลัยตายอยากมาหลายปีเต็มๆ แต่ชีวิตนี้จนกระทั่งปัจจุบันแทบจะนับได้ว่าสงบราบรื่น ไม่ต้องอึดอัดใจเพราะใครจนถึงกับขัดแย้งใหญ่โตมากมาย มันเป็นเรื่องที่เสียเวลาเปล่า เขาก็มีเหตุผลของเขา เราก็มีเหตุผลของเรา พูดไปก็ไม่มีทางจบสิ้น อย่าจริงจังเกินก็ดี ความคิดแบบนี้ตั้งแต่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเองได้ก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด แต่วันนี้ตอนที่พบกับคนนี้ เรียกได้ว่าตบะแตกได้ในคืนเดียว
ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง แต่ในใจราวกับคลื่นพายุบ้าคลั่งก็ไม่ปาน
สาวใช้ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เจ้านายของตัวเองกำลังเดือดถึงขีดสุด เธอมีจิตสังหารเต็มเปี่ยมคิดจะลงมือ หวังว่าเจ้านายจะส่งชายคนนี้มาให้เธอจัดการได้
สาวใช้ใช้ชีวิตมาหลายร้อยปี เห็นคนที่ไม่กลัวตายพวกนั้นมาก็มาก แต่หากต้องลงมือจริงๆ ก็ยังไม่เคยเห็นคนไหนที่จะปากแข็งจนถึงวาระสุดท้ายเลย
แต่ก็ในตอนนี้เอง นิ้วมือของลั่วชิวที่คว้าจับผมของชายคนนี้ไว้อยู่ก็คลายออกเล็กน้อย จากที่คว้าจับผมไว้แน่นก็เปลี่ยนมาจับหน้าผากเขาแน่นแทน
สาวใช้อยู่ด้านหลังเขามองไม่เห็น แต่ว่าชายคนนี้กลับเห็นได้ชัดเจนอย่างที่สุด ดวงตาทั้งสองของลั่วชิวเปลี่ยนเป็นสีเงินน่าพิศวง
“คุณชื่ออวี๋หวา”
“ทำไมแกถึง…” ชายหนุ่ม…ท่าทีของอวี๋หวาตกใจเล็กน้อย
ลั่วชิวหลับตาทั้งสองของตนเอง แล้วพูดเหมือนพึมพำกับตนเอง “ไม่ใช่แค่หลุมศพของพ่อผมเท่านั้น…ที่นี่เมื่อก่อน ขนาดหลุมฝังศพของพี่เสี่ยวชุนคุณก็ยัง…เฮอะ ดีเลย”
“แก…พวกแกเป็นใครกันแน่?” อวี๋หวาตกใจมากยิ่งขึ้น แววตาที่บ้าระห่ำพลันหายวับไปทันที
“เป็นคุณที่ให้คุณเยี่ยเหยียนเข้าพักในโรงแรมเหอผิง จุดประสงค์ก็เพื่อให้เฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของเขาอย่างใกล้ชิดและสะดวก จุดประสงค์ที่คุณทำแบบนี้ก็มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือเพื่อแก้แค้น เยี่ยเหยียนเป็นเพียงแค่คนแรก ต่อมาน่าจะเป็นหม่าโฮ่วเต๋อ ต่อจากหม่าโฮ่วเต๋อก็คือ…”
ลั่วชิวพูดชื่อต่ออีกหลายชื่อ
อวี๋หวาในตอนนี้ตกใจหน้าซีดเผือด ขณะเดียวกันสองมือของเขาก็คว้าข้อมือลั่วชิวที่จับหน้าผากเขาเอาไว้ คิดอยากจะดิ้นให้หลุดอย่างสุดชีวิต แต่ฝ่ามือเขาราวกับว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา ไม่ว่ายังไงก็ดึงไม่ออก
คนบ้าไม่กลัวตาย แต่กลับหวาดกลัวสุดๆ ตอนที่คนอื่นพูดความลับในใจออกมาทีละคำ
“สี่ปีก่อน เกิดคดีใหญ่พิเศษคดีนั้นในเมือง บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในตอนนั้น…คือพ่อของคุณ ในตอนนี้เมื่อหนึ่งปีก่อน พ่อของคุณเสียชีวิตในคุก อีกสองวันก็จะเป็นวันครบรอบการตายหนึ่งปีของเขา แผนการแก้แค้นของคุณ ก็เริ่มหลังจากนั้นสามวัน…คนแรกก็คือเยี่ยเหยียน”
ทันใดนั้นลั่วชิวก็ปล่อยมือจากหน้าผากของอวี๋หวา พูดอย่างไม่ยินดียินร้าย “ไม่สิ แผนการแก้แค้นของคุณเริ่มขึ้นแล้ว เริ่มตั้งแต่คุณทำลายหลุมฝังศพของเสี่ยวชุน เยี่ยเหยียนคือเป้าหมายแรกของคุณ คุณคิดจะยั่วให้เขาเกิดโทสะ หลังจากนั้นสามวันคุณก็ให้เขามาที่นี่ ทำให้เขาโกรธแค้นอีกครั้ง คุณอยากจะดูเขาตายด้วยความโกรธแค้นและความเจ็บปวดทรมานจากน้ำมือของคุณ…”
คงจะหวาดกลัว…ความหวาดกลัวที่แท้จริงคือ ความลับทั้งหมดของตัวเองหลุดโพล่งออกมาจากปากของคนอื่นต่อหน้าต่อตา!”
พูดได้ว่า ความคิดทั้งหมดถูกมองทะลุปรุโปร่ง ก็เหมือนกับแสงที่ทะลุผ่านเสื้อผ้าชั้นนอกทั้งหมด!
“ไม่แน่ว่าแผนการแก้แค้นของคุณอาจสำเร็จจริงๆ ก็ได้” ลั่วชิวลุกขึ้นยืน “อย่างไรเสียเพื่อแก้แค้นแล้วคุณเตรียมการมาเป็นเวลาสามปีเต็มๆ คุณรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ปรับของเยี่ยเหยียน ดังนั้นจึงฝึกฝนทักษะการต่อสู้อย่างหนักมาโดยตลอด…วิชากรงเล็บอินทรี ใช่ไหม?”
อวี๋หวาเบิกตากว้าง มองลั่วชิวอย่างไม่อยากเชื่อ…เขาไม่น่าจะ ขนาดเรื่องนั้นก็…หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
“วิชากรงเล็บอินทรีแบบฉบับดั้งเดิมจะต้องใช้น้ำยาสูตรลับมาแช่ ทำให้กระดูกนิ้วมือของตนเองแข็งแกร่งขึ้น จนต่างจากเมื่อก่อนอย่างมาก แต่ว่าส่วนประกอบของยาน้ำชนิดนี้มีเพียงคนที่สืบทอดวิชากรงเล็บอินทรีที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะมี ซึ่งก็คือศิษย์รุ่นน้องของพ่อคุณ หรือก็คืออาจารย์อาของคุณ เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำยาชนิดนี้แล้ว คุณถึงกับ…”
“หยุดพูดได้แล้ว!!” อวี๋หวาฮึกเหิมผิดปกติในชั่วพริบตา
“ที่อาจารย์อาของคุณชอบก็คือผู้ชาย” ลั่วชิวแสยะยิ้มขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น “คุณก็เลย ไม่เสียดาย…”
“หยุดพูดได้แล้ว!!!”
นี่ถึงจะเป็นความลับที่เก็บซ่อนไว้ลึกที่สุด ทุเรศที่สุด คนที่ไม่กลัวตายกลับเผชิญหน้ากับความอัปยศอดสู่เช่นนั้นภายในจิตใจคงอย่างหวาดกลัวสุดขีด
คนบ้าที่คิดจะยั่วโมโหอีกฝ่าย ตอนนี้กลับถูกบีบคั้นอย่างถึงที่สุด
…
…
ที่สุสานสายลมยามค่ำคืนพัดโชยมา อวี๋หวายังคงตกอยู่ในช่วงเวลาอันทรมาน แต่กลับได้ยินลั่วชิวพูดอย่างไม่แยแส “คุณคิดจะยั่วโมโหเยี่ยเหยียนอีกครั้ง แต่คุณไม่รู้ว่า ก่อนหน้านั้นคุณได้ยั่วโมโหคนอีกคน…นั่นก็คือผม”
การโจมตีด้วยคำพูดยังคงดำเนินต่อไป
“วิธีแก้แค้นมีมากมายจริงๆ ไม่จำเป็นต้องไปฝึกทักษะวิชาการต่อสู้อย่างหนักเพื่อแก้แค้นหรอก คุณก็รู้ ขนาดพ่อของคุณที่ตายไปแล้วเมื่อปีก่อนก็ยังรู้ แต่สี่ปีก่อน พ่อของคุณก็เกิดการต่อสู้อุตลุดกับเยี่ยเหยียนในสถานการณ์ที่ลูกกระสุนหมด ในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับมวยแปดปรมัตถ์ของเขา พ่อของคุณก็เป็นคนฝึกเรียนกังฟูตั้งแต่เล็กๆ คุณก็ย่อมเป็นคนฝึกเรียนกังฟูมาตั้งแต่เล็กๆ เหมือนกัน ก่อนพ่อของคุณสิ้นใจได้จับมือของคุณไว้แน่น บอกคุณว่าจะต้องเอาชนะชายคนนั้นให้ได้”
“พ่อของคุณเป็นเหมือนเทพเจ้าสำหรับคุณ เขาจะพ่ายแพ้ไปได้อย่างไร? เขาไม่มีทางให้ใครเอาชนะเขาได้ ขอเพียงใช้สองมือของตนเองจัดการเยี่ยเหยียนให้พ่ายแพ้ไปด้วยน้ำมือของตนเอง พ่อของคุณถึงจะกลายเป็นเทพในใจของคุณที่ไม่มีอะไรทำไม่ได้อีก คุณถึงกับหลอกตัวคุณเองว่า พ่อของคุณแค่ถูกเยี่ยเหยียนลอบทำร้ายลับหลัง แท้จริงแล้วเขาไม่ได้พ่ายแพ้ในการปะทะกันซึ่งๆ หน้า เพื่อยืนยันในส่วนนี้แล้ว คุณถึงกับไปเป็นชายทาสบำเรออาจารย์อาของตัวเอง!”
“เวลาครึ่งปีเต็มๆ คุณทำตัวเองอย่างกับผู้หญิง ไปบำเรอปรนนิบัติอาจารย์อาของตนเอง”
คำพูดคำเดียวแต่กลับแทงใจดำนัก
…
อวี๋หวาราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว ร่างทั้งร่างทรุดลงไร้เรี่ยวแรง เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองลั่วชิว ด้วยแววตาหดหู่
แต่แววตาที่ระส่ำระสายกลับสงบนิ่งอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
อวี๋หวาพูดเสียงเบาๆ “ฉันเคยสาบานไว้ จะไม่ให้ตัวเองนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีกตลอดกาล…แกไปตายซะเถอะ!”
ทันใดนั้นเขาก็ใช้สองขาถีบออกไป สองมือไขว้อยู่ที่หน้าอก สิบนิ้วงอเป็นลักษณะกรงเล็บ
นี่ก็คือวิชากรงเล็บอินทรี
แต่วิชากรงเล็บอินทรีนี้ก็แค่ใช้น้ำยาแช่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กระดูกนิ้วมือเท่านั้น ถึงแม้มันจะบีบกระดูกให้แตกได้อย่างง่ายดาย แต่กลับไม่อาจต่อกรกับพลังลึกลับที่มากมายมหาศาลของเจ้าของสมาคมได้
กลายเป็นเหมือนว่าชนเข้ากับกำแพงใส มือซ้ายที่กลายเป็นเหมือนกรงเล็บของอวี๋หวาส่งผลย้อนกลับสะท้อนกลางอากาศ ความเจ็บปวดแบบนั้นราวกับว่าใช้นิ้วมือของตนเองไปกระแทกกับแผ่นเหล็ก กระดูกนิ้วเขาแทบจะแตกละเอียดไปเลย แล้ววิชากรงเล็บอินทรีที่มือซ้ายก็ถูกทำลายไปทันที
อวี๋หวาถอยหลังไปไม่หยุดด้วยความหวาดกลัว มือซ้ายของเขาซ่อนไว้ที่ด้านหลัง นิ้วทั้งห้ากางออก ตัวสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด
ในใจของเขารู้สึกหวาดผวา
คิดไม่ถึงว่าลั่วชิวกลับพูดเนิบๆ ว่า “นับตั้งแต่นี้ไป คุณจะพูดถึงผมไม่ได้ ตอนนี้ผมฝากเอาไว้ก่อน…แต่ในส่วนที่คุณติดค้างพี่เสี่ยวชุน ก็ควรชดใช้คืนให้เยี่ยเหยียนแล้ว”
อวี๋หวานิ่งอึ้ง เขายังไม่รู้ว่าเจ้าคนลึกลับยากคาดเดาผู้นี้มีแผนอะไรกันแน่ กลับมองเห็นอีกฝ่ายเดินถอยหลังไปทีละก้าวทีละก้าว…แล้วหายตัวไป
ลมเย็นพัดโชยมา อวี๋หวาสั่นสะท้านด้วยความเหน็บหนาวและหวาดกลัวทันที เขามองรอบๆ อย่างงุนงง สุสานกลับมาเงียบสงบอีกครั้งหนึ่ง…เงียบสงัดวังเวง มืดครึ้มน่าสะพรึงกลัว
แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ …ราวกับว่ามีใครกำลังมุ่งหน้าใกล้เข้ามา
“ใครอยู่ตรงนั้น!”
เขาถึงกับได้ยินเสียงของคนที่กำลังมา…นั่นเป็นเสียงของเยี่ยเหยียน
อวี๋หวามองไปรอบๆ อย่างตื่นกลัว ราวกับว่าหวาดผวาระแวงไปหมด
เขาสูดลมหายใจลึกๆ ในแววตามีประกายความบ้าระห่ำผ่านมาแวบหนึ่ง
ทันใดนั้นเขาก็ฉีกเสื้อผ้าบนตัวออก มือข้างหนึ่งกุมจี้เครื่องรางบนสร้อยทองเส้นหนึ่งที่สวมติดไว้ที่คอ เขาดึงจี้เครื่องรางออกมาจากคอ สองมือบีบ แล้วจี้เครื่องรางก็มีอาวุธลับอันเล็กๆ ออกมาจากตรงกลาง
เขาใช้อาวุธลับด้ามนี้แทงเข้าไปในหัวใจของตนเอง เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว อวี๋หวาก็คุกเข่าลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของเขามีรอยเส้นเลือดจำนวนมากปรากฏขึ้นมา…
*ฟ้าดินฮ่องเต้บุพการีอาจารย์ ในสมัยโบราณนั้นจะอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ โดยมอบป้ายไม้แผ่นหนึ่งให้ บนป้ายไม้นั้นจะเขียน ฟ้า ดิน ฮ่องเต้ บุพการี อาจารย์ เพื่อบอกว่าห้าสิ่งนี้คือสิ่งที่มนุษย์ควรให้ความเคารพบูชาเลื่อมใสศรัทธา และเชื่อฟัง