สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 2 ตอนที่ 119
อันที่จริงแค่ซ่อนตัว แต่ไม่ได้จากไป
ตอนที่ลั่วชิวมองดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอวี๋หวา ก็ไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจมากนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาซื้อความสามารถเชื่อมต่อความคิดกับคนคนหนึ่งจากสมาคม
ไม่ใช่การซื้อข้อมูลในอดีตของคนคนหนึ่งมาเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการเข้าใจถึงความคิดของคนคนหนึ่งอย่างลึกซึ้งด้วย
การใช้จ่ายแบบนี้ย่อมแพงกว่าการซื้อข้อมูลในอดีตมาก แต่มีคนใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อสิ่งที่โปรดปรานได้ และด้วยเพราะความโกรธแค้นที่อยู่ในใจแล้วลั่วชิวย่อมไม่สนใจการสูญเสียอายุขัยเช่นกัน
“โชคดีที่เหมือนเขาจะยังไม่สิ้นหวังนะ” ลั่วชิวมองดูการเปลี่ยนแปลงของอวี๋หวาทีละเล็กทีละน้อย แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้านี่เป็นผู้จัดซื้อของสมาคมไมเคิลที่ซ่อนสินค้าล็อตนั้นไว้ที่นี่ ในมือของเขามีน้ำยาสูตรลับที่สมาคมไมเคิลผลิตออกมา ทำให้พละกำลังแข็งแกร่งขึ้นในระยะเวลาอันสั้น น่าจะเป็นของแบบเดียวกับที่คิงคองใช้”
“ในระยะเวลาอันสั้น น่าจะไม่ใช่ตัวยาที่สมบูรณ์” โยวเย่คิดไว้แล้วพูดขึ้นมา
ลั่วชิวพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “แต่ก็เพียงพอให้คนที่เคยสัมผัสกับอานุภาพของมันเห็นมันเป็นของช่วยชีวิต…และเพราะว่าเขายังซ่อนของแบบนี้ไว้อยู่พอดี ถึงทำให้ตัวเขารู้สึกว่ายังมีโอกาสพลิกเกมได้อยู่ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ ขนาดนี้หรอก เพียงแต่อาเยี่ยมาหาที่นี่ ดูท่าการปะทะกันระหว่างพวกเขาจะเร็วไปหน่อยเท่านั้นเอง”
ลั่วชิวส่ายหน้า “ในเมื่อมาแล้วก็ช่างเถอะ ถึงยังไงอาเยี่ยก็เหมาะจะจัดการเรื่องของพี่เสี่ยวชุนมากกว่า”
โยวเย่เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ
เธอเข้าใจที่ลั่วชิวบอกว่าคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ ขนาดนั้นคืออะไร อวี๋หวามีใจคิดแก้แค้นไม่สนชั่วดี ความคิดดื้อรั้นหัวรุนแรงของคนนี้ง่ายต่อการเกิดกลไกแลกเปลี่ยนกับสมาคม
ที่ตอนนี้ยังไม่ปรากฏสักที ย่อมเป็นเพราะนายคนนี้ยังไม่รู้สึกว่าตนเองสิ้นหวัง
สาวใช้ถอยไปอยู่ด้านหลังลั่วชิว ประการแรกคือไม่อยากบังเจ้านายของตนเอง อีกประการหนึ่งคือหวังว่าเจ้านายตนเองจะได้ดูการต่อสู้อันดุเดือดที่กำลังจะเกิดขึ้นของทั้งสองฝ่ายใกล้ๆ
เธอรู้สึกได้ว่าความโกรธของลั่วชิวบรรเทาลงไปบ้างเล็กน้อยแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้านายของตนจะปล่อยอวี๋หวาไปง่ายๆ แบบนี้
เพราะคนที่โดนดูถูกเหยียดหยามไม่ได้มีแค่พ่อของเจ้านายเท่านั้น ยังมีอีกคนหนึ่ง…ความโกรธแค้นที่หลุมศพของคุณเสี่ยวชุนถูกทำลาย ย่อมเหมาะให้คุณเยี่ยเหยียนเป็นคนจัดการ
คนที่เติบโตในประเทศนี้ต่างมองความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
เพราะการกระทำแบบนั้นของอวี๋หวา ทำให้ประตูนั่นจากตัวเจ้านายปรากฏขึ้นก่อนเวลา เท่านี้ก็รู้ได้ว่านี่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเจ้านายคนใหม่มากแค่ไหน
ประตูแห่งมูลเหตุได้ปรากฏขึ้นก่อนกำหนดแล้ว
โยวเย่คิดถึงบางอย่าง ‘แม้ว่ายังคงไม่อาจให้อภัยเรื่องที่อวี๋หวาเคยทำไว้ได้ แต่แค่ประเด็นที่เขายั่วโมโหเจ้านายคนใหม่นี้แล้ว ก็ต้องบอกขอบคุณมากสักคำเบาๆ ล่ะกัน’
…
…
ตอนที่เยี่ยเหยียนกับเซอร์หม่า หม่าโฮ่วเต๋อเดินมาถึงสุสาน สองคนที่ถือไฟฉายอยู่ในมือก็ขมวดคิ้วพร้อมกัน
สองคนเห็นชายคนหนึ่งเปลือยกายท่อนบน กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นในตอนนี้ สองมือป้องด้านหน้าตัวเองไว้…รวมทั้งกล้ามเนื้อน่าหวาดกลัวเปี่ยมด้วยพลังที่เผยให้เห็นนั้น
ชายแปลกๆ ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เวลานี้กลับลุกขึ้นมาช้าๆ
เซอร์หม่าพูดไปตรงๆ เสียงเคร่งเครียดว่า “แกเป็นใคร? ดึกดื่นมาทำอะไรที่นี่!”
แววตาของอวี๋หวากวาดมองสองคนสักพัก เสียงของเขาเปลี่ยนไปทุ้มห้าวกว่าตอนปกติอยู่มากโข “เยี่ยเหยียน หม่าโฮ่วเต๋อมากันหมดแล้วเหรอ…พอดีเลย ฉันจะได้กำจัดพวกแกทิ้งไปพร้อมกันเลย ไม่ต้องเปลืองแรงมาก! หลังจากฆ่าพวกแกทิ้งแล้ว ต่อไปก็จะถึงตาไอ้น่าตายคนนั้นแล้ว!”
เยี่ยเหยียนขมวดคิ้ว “ฉันรู้จักแกด้วยเหรอ?”
อวี๋หวาหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้น “ได้ยังไง หรือว่ามาถึงนี่แล้วยังไม่รู้อีกเหรอ? ลืมไปแล้วเหรอ ว่าหัวล็อกหยกที่ขุดออกมาจากหลุมศพคนตายส่งไปถึงมือนายได้ยังไง?”
“แกนี่เอง!” เยี่ยเหยียนหรี่ตา ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น!
อวี๋หวาหัวเราะฮาดังลั่นแล้วพูดขึ้น “โกรธแล้วล่ะสิใช่ไหม? แต่ไม่ได้มีแค่นี้นะ แกรู้ไหมว่าทำไมช่วงนี้แกถึงได้ซวยขนาดนี้? ฉันจะบอกแกให้รู้ไว้นะ! เริ่มตั้งแต่แกเปิดโปงสถานที่นั้นเมื่อสองเดือนก่อน แกก็ค่อยๆ ตกอยู่ในการควบคุมของฉันแล้ว”
หลังจากน้ำยาสูตรลับนั่นเข้าสู่ร่างกาย อวี๋หวาไม่เพียงแต่ได้รับพละกำลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงขนาดมีความสุขและฮึกเหิมพลุ่งพล่านไม่หยุด อันที่จริงแล้วเขาอยากจะพูดทั้งหมดออกมาต่อหน้าเยี่ยเหยียน จะได้เห็นสีหน้าท่างทางโกรธเกลียดและเคียดแค้นของอีกฝ่ายไปพร้อมๆ กัน สิ่งนี้ทำให้อวี๋หวาคิดว่า แท้จริงแล้วเป็นเรื่องราวที่งดงามที่สุดบนโลกใบนี้เลย
เขามองเยี่ยเหยียน พูดราวกับยั่วหยอกว่า “แกคิดไหมว่า ทำไมแกถึงหาเบาะแสที่กบดานที่พวกตำรวจชั่วกลุ่มนั้นทำเรื่องสกปรกลับหลังได้อย่างง่ายดาย? แกคิดจริงๆ เหรอว่าจะมีคนใจกว้างขนาดนี้? ถ้าไม่ใช่ฉันจงใจเตรียมไว้ แกคิดว่าแกจะหาเจอได้เหรอ? ฮ่าๆๆ เจ็บใจไหมล่ะ? สี่ปีก่อนเพราะคดีนั่นแกถึงได้ผลงานชิ้นใหญ่ หลังจากนั้นตำแหน่งหน้าที่ก็ก้าวหน้าโดยไม่ต้องเปลืองแรง แต่สี่ปีให้หลัง แกกลับเป็นคนที่ทางการและองค์กรตามฆ่า อย่างกับสิ่งไม่ดีที่ผู้คนต่างรังเกียจ! ลองดูสารรูปตัวเองตอนนี้สิ! น่าผิดหวังมากขนาดไหน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยล่ะสิ!”
เยี่ยเหยียนไม่ส่งเสียงสักแอะ
เซอร์หม่ากลับโพล่งด้วยโกรธแค้นแทนน้องชายตนเอง “ทำไม! คนอย่างแกถือว่าตัวเองเป็นอะไร? น้องชายฉันไปทำอะไรให้แกกันแน่ แกถึงได้ทำแบบนี้กับเขา? แกนี่มันสารเลวจริงๆ คนตายควรได้รับความเคารพ แต่นึกไม่ถึงเลย ขนาดสุสานคนตายแกก็ยังไม่เว้น?!”
อวี๋หวาทำเสียงฮึเย็นชาในลำคอแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่แค่เยี่ยเหยียนเท่านั้นนะ! ยังมีไอ้หมูตอนอย่างแกนี่ด้วย! หม่าโฮ่วเต๋อ จะบอกอะไรแกให้นะ ชื่อของฉันก็คือ…อวี๋หวา! ฉันคือลูกชายของอวี๋เจิ้งเต๋อ! ไม่ใช่แค่พวกแกสองคนเท่านั้น! ยังมีอีกพวกคนที่ร่วมมือกันเมื่อสี่ปีก่อน แม้กระทั่งครอบครัวของพวกแก ฉันก็ไม่คิดปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!”
เซอร์หม่านิ่งอึ้ง เยี่ยเหยียนก็อ้าปากค้างน้อยๆ มองเห็นแววตาของอวี๋หวาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง
“บ้าเอ๊ย! สี่ปีก่อนพ่อแกทำให้คนบริสุทธิ์ต้องตายไปมากมายเท่าไหร่แล้ว ฉันได้ยินมาว่าหนึ่งปีก่อนเขาตายในคุก ดีใจแทบบ้าเลยจริงๆ คืนนั้นฉันเล่นดื่มฉลองจนเมาไปยกใหญ่เลยว่ะ!” หม่าโฮ่วเต๋อทำเสียงเยาะเย้ยแล้วพูดขึ้น “แต่ฉันยังดีใจได้ไม่เต็มที่เลยว่ะ! วันนี้ข้าก็ขอมีความสุขสักหน่อยก็แล้วกัน!”
อวี๋หวาหัวเราะเยาะทันที “อย่างแกเนี่ยเหรอ? ตอนนั้นก็แค่หลบอยู่อีกฟากหนึ่งเอง สุดท้ายก็ได้สัมผัสกับการเป็นเต่าหัวหดผู้มีคุณความดีสินะ?”
ขณะที่พูดอยู่นั้น อวี๋หวาก็กระโดดพุ่งขึ้นมาในพริบตา ข้ามไปไกลถึงสามเมตรกว่าในทันที พุ่งมาถึงตรงหน้าหม่าโฮ่วเต๋อด้วยความเร็ว ควงหมัดขึ้นมาแล้วก็ซัดพุ่งไปที่ใบหน้าของเซอร์หม่า!
“ระวัง!”
ในวินาทีวิกฤตนั้นเยี่ยเหยียนผลักหม่าโฮ่วเต๋อออกไป มือข้างหนึ่งคว้าจับแขนของอวี๋หวาไว้ ก่อนออกแรงบิดพลิกหมุนตัวในทันที แล้วใช้เข่ากระทุ้งไปที่ข้างตัวของอีกฝ่ายอย่างแรง!
กระดูกซี่โครงบริเวณเอวบอบบางมาก การจู่โจมเบาๆ ก็ทำให้หักได้แล้ว แต่ทว่าอวี๋หวากลับเหมือนไม่เป็นอะไรเลย แล้วยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
เยี่ยเหยียนตกใจหน้าเสียอย่างเลี่ยงไม่ได้…ฉับพลันเขาก็นึกถึงคนอีกคนหนึ่งขึ้นมาได้ คิงคอง!
หมอนั่นก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ร่างกายอย่างกับสร้างมาจากเหล็กก็ไม่ปาน!
เยี่ยเหยียนพลิกแพลงความคิด ไม่ได้หยุดชะงักไป แต่ดึงพลังทั้งหมดที่มีออกมา ฝ่ามือซัดไปบนคาง ของอวี๋ฮวาทันที ขณะเดียวกันก็งอข้อมืออีกข้างหนึ่ง เอาข้อศอกกระทุ้งไปยังตำแหน่งกระดูกไหปลาร้าใต้คอหอยของฝ่ายตรงข้ามอย่างเหี้ยมโหด!
การเปลี่ยนกลยุทธ์กะทันหันนี้ทั้งรุนแรงและรวดเร็ว!
คาดไม่ถึงว่าอวี๋หวายังดูเฉยๆ ก่อนก้มหัวลงมา แสยะยิ้มพูดว่า “เดิมฉันคิดว่าจะซัดกับแกให้เต็มที่สักหน่อย แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้วล่ะ! หลังจากที่ฉันคว่ำอาจารย์อาของฉันไปแล้ว ถึงได้สืบทอดพลังนี้มาจากตัวเขาไงล่ะ! ถ้ารู้แต่แรกว่าเขายังซ่อนของพวกนี้ไว้อยู่ ตอนแรกฉันก็คงไม่…ชิ! ตายซะเถอะ!!”
โจมตีด้วยหมัดหนักต่อ!
เยี่ยเหยียนใช้แขนทั้งสองข้างตั้งการ์ดป้องไว้ข้างหน้า กลับเหมือนถูกแรงรถเล็กๆ ชนกระแทกเข้า ตัวทั้งตัวลอยกระเด็นออกไป พลังอมนุษย์แบบนี้น่ากลัวจริงๆ!
เยี่ยเหยียนรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างเหมือนจะชาไปแล้ว ก่อนมองอวี๋หวาด้วยความหวาดผวา
เห็นเพียงแค่รอยยิ้มหยอกเย้าราวกับหยอกล้อหนูบนใบหน้าของเขาตอนนี้เท่านั้น ก่อนเดินเข้ามาหาตนเองทีละก้าวทีละก้าว “แปดปรมัตถ์? ก็แค่นี้เองน่ะเหรอ? เป็นอย่างที่คิดไว้สินะ แกเอาชนะพ่อฉันได้ในตอนนั้น จะต้องใช้ลูกไม้สกปรกๆ อะไรแน่!”
เยี่ยเหยียนไม่ได้พูดอะไร แค่ถ่วงตัวลงมาเล็กน้อย
ปัง!
ฉับพลันนั้นด้านหลังของอวี๋หวา ก็เกิดเสียงปืนดังสนั่น
ตัวของอวี๋หวาโซเซ ก่อนคุกเข่าลงไปบนพื้นเลย
บริเวณาขาของเขาถูกกระสุนยิงทะลุแล้ว!
“แม่งเอ๊ย!” หม่าโฮ่วเต๋อที่อยู่ไกลออกไปสบถด่าเสียงดัง “ตอนนั้นสายตาแกเห็นข้าเป็นเต่าหัวหดที่แส่หาเรื่องงั้นเหรอ? ที่ข้าใช้ในตอนนั้นคือปืนไรเฟิลซุ่มยิง M82A1 ที่ยิงใส่ก็ไม่ใช่จุดสำคัญ!!”
แม้ว่าคนเราถึงวัยกลางคนแล้วจะท้วมขึ้นมาหน่อย แม้ว่าพุงจะย้อยออกมาบนเข็มขัด แต่เซอร์หม่าที่เล็งปืนด้วยมือข้างเดียวกลับมีอานุภาพร้ายกาจ!
“เหอะ…กำจัดแกก่อนก็แล้วกัน!”
อวี๋หวาลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างฉับพลันทันที น่องที่มีเลือดไหลอยู่นั้น ราวกับไม่ได้เป็นอุปสรรคถ่วงเขาเอาไว้เลย การเคลื่อนไหวของเขายังคงรวดเร็วกระฉับกระเฉง!
ในขณะที่เซอร์หม่าตกใจอย่างหนักอยู่นั้น ก็ยิงปืนติดต่อกันอีกหลายนัด ยิงสาดไปที่ขา บ่าของอวี๋หวา แต่กลับไม่อาจสกัดกั้นฝ่ายตรงข้ามได้แม้แต่นิดเดียว!
เจ้านี่นิ อย่างกับสัตว์ประหลาดไม่กลัวเจ็บตัวหนึ่งเลย!
เซอร์หม่าขบกรามแน่น กระสุนนัดนั้นยิงถูกที่หน้าผากอวี๋หวาพอดี แต่ฉับพลันนั้นอวี๋หวากลับตัวหดสั้นลง โก่งหลังเหมือนแมวพุ่งเข้าใส่ด้านหน้าหม่าโฮ่วเต๋อทันที กระแทกให้คนล้มลงไปบนพื้นอย่างสบายๆ
“ครั้งแรกแกก็ฆ่าฉันได้แล้ว!” อวี๋หวาหัวเราะเยาะอย่างเยียดหยามแล้วพูดขึ้น “แต่ตำรวจอย่างพวกแกมันปัญญาอ่อน! ตลอดมาสิ่งที่คิดได้ก็มีแค่จับตัวเท่านั้น! พวกแกรักษาศีลข้อห้ามพวกนั้น แต่กลับเป็นสาเหตุให้พวกแกต้องมาถึงจุดจบ!”
ตั้งแต่วินาทีที่เห็นอวี๋หวาชูหมัดอันน่าพรั่นพรึงขึ้นมา เยี่ยเหยียนก็เข้าใจได้อย่างลึกซึ้งว่าหม่าโฮ่วเต๋อรับการจู่โจมแบบนี้ไม่ได้ เขาจึงรีบพูดทันที “อวี๋เจิ้งเต๋อก็แค่คนไร้น้ำยา!”
อวี๋หวาพลันหยุดมือค้างนิ่ง ก่อนแย่งปืนมาจากมือหม่าโฮ่วเต๋อ ห้านิ้วออกแรงบีบปืนพกจนเป็นก้อนเดียว! แล้วโยนตัวหม่าโฮ่วเต๋อกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง!
“แกว่าอะไรนะ? แกกล้าพูดอีกครั้งไหม?”
“ให้พูดอีกกี่ครั้งก็ได้ทั้งนั้นแหละ!” เยี่ยเหยียนหัวเราะเยาะพูดต่อ “เขาเป็นแค่คนไร้น้ำยาคนหนึ่งจริงๆ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงแพ้ฉันได้ล่ะ? วิชากรงเล็บอินทรี? กรงเล็บไก่ล่ะสิไม่ว่า!”
“ให้ฉันต่อยปากแกแตกก่อนแล้วกัน!” ดวงตาสองข้างของอวี๋หวาแดงก่ำทันที ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ชกไปที่เยี่ยเหยียนอย่างบ้าคลั่ง!
ร่างกายนี้ไม่กลัวความเจ็บปวด มีพละกำลังไร้ขีดจำกัด!
เพียงแค่สองสามหมัด เยี่ยเหยียนก็ราวกับสูญเสียพลังการต่อต้านแล้ว โดนอวี๋หวากดลงไปบนพื้นทันที! เขาบีบคอเยี่ยเหยียนแน่น แสยะยิ้มพูดว่า “ฉันเห็นว่าแกบาดเจ็บ เลยคิดจะให้เวลาแกอีกสามวัน หลังจากให้แกรักษาตัวเต็มที่แล้วจะได้มาสู้กับฉันจริงๆ สักตั้ง แต่ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้วล่ะ! ก่อนตาย แกยังมีอะไรอยากจะพูดอีกไหม?”
เยี่ยเหยียนเค้นเสียงออกมาจากลำคอ “ที่แก…พูดมาไม่ผิด…”
และก็ในตอนนั้นเอง มือของเยี่ยเหยียนก็โบกผ่านขวับไปในทันใด ราวกับว่ามีแสงสว่างวาบสะท้อนแยงเข้าไปในดวงตาทั้งสองข้างของอวี๋หวาพอดี อวี๋หวาหันหน้าหลบตามสัญชาตญาณ!
และก็ในตอนนั้นเอง ช่วงวินาทีที่เผลอ มือของเยี่ยเหยียนก็ตวัดมีดมาที่ข้อมืออวี๋หวาอย่างรวดเร็ว!
อวี๋หวาซึ่งไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดก็โมโหยกใหญ่ วินาทีที่กำลังคิดจะบีบกระดูกคอของอีกฝ่ายให้หักไปนั้น กลับพบว่ามือทั้งสองเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที!
เยี่ยเหยียนที่ถูกกดไว้ขยับตัวอย่างสุดชีวิต ก่อนพลิกตัวกลิ้งไปอีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันมือก็ตวัดมีดไปที่ข้อเท้าของอวี๋หวาอย่างรวดเร็ว!
อวี๋หวาโมโหหนัก วินาทีที่กำลังคิดจะตามไปจัดการ กลับคุกเข่าลงบนพื้นในทันที ไม่ว่าจะยังไงก็ลุกขึ้นมาไม่ได้! เขาหลุดสีหน้าตกใจอย่างมาก “แก…ทำอะไรฉันเนี่ย?”
เยี่ยเหยียนลูบคลำคอตนเอง กระแอมไอไปสองที ถึงได้พูดเสียงแหบขึ้นมา “แกพูดไว้ไม่ผิดหรอก ฉันเอาชนะพ่อแกมาได้อย่างไม่ใสสะอาดนักหรอก…เพราะสิ่งที่ฉันถนัดที่สุดก็คือการใช้มีด”
เขาชักมือกลับมา นิ้วโป้งคีบกริชเล่มเล็กๆ อยู่เล่มหนึ่ง “โดยเฉพาะเป็นมีดเล็กแบบนี้! คมกริบที่สุด!”
“แก…” อวี๋หวานึกขึ้นมาได้ทันที
เอ็นข้อมือของเขา เอ็นข้อเท้าของเขา ได้ถูกตัดขาดไปเมื่อไม่กี่วินาทีนี้เอง!
ด้วยความหวาดกลัวตื่นตระหนก อวี๋หวาจึงรีบหาทางหนีอย่างสุดชีวิต เอ็นข้อมือข้อเท้าต่างก็ถูกตัดขาดแล้ว ในเวลานี้เขาได้แต่คลานเท่านั้น!
เยี่ยเหยียนสาวเท้ามาอย่างรวดเร็ว กริชบนมือแทงเข้าไปตรงๆ ที่กระดูกหัวไหล่ด้านหลังของอวี๋หวารวมทั้งบนหัวเข่า สกัดปิดหนทางการเคลื่อนไหวของเขาทุกทาง
เขากำลังมองดูกล้ามเนื้อที่น่ากลัวนั่นของอวี๋หวา พูดอย่างไม่ยินดียินร้ายว่า “พ่อแกไม่ได้บอกแกเหรอว่าไอคิวก็เป็นศักยภาพอย่างหนึ่งเหมือนกัน…ถูกยั่วโมโหอย่างง่ายดายแบบนี้ ช่างไร้น้ำยาจริงๆ!”