สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 2 ตอนที่ 123
“พวกเขาเริ่มบอกให้คนของเราทำตามแล้ว…ท่าทางอีกฝ่ายจะระมัดระวังสุดๆ เลยนะ!”
หม่าโฮ่วเต๋อเอาหูฟังข้างหนึ่งออก กำลังมองเยี่ยเหยียนแล้วขมวดคิ้วพูดว่า “ตาม หรือไม่ตาม?”
“ตามเถอะ” เยี่ยเหยียนพูดอย่างเด็ดขาด “มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีเหตุผลให้หยุดตรงนี้…พี่ชายผมขอแผนที่หน่อย!”
…
บนรถโฟล์คสวาเกน ซานตาน่า นายตำรวจหนุ่มพูดกับปลายสายว่า “ผมขับอยู่เส้นถนนใหญ่ลั่วซานแล้ว”
“กลับรถก่อนเข้าอุโมงค์”
…
“ผมกลับรถแล้ว”
“ดีมาก…ต่อไปคุณก็ขึ้นทางด่วนเส้นรอบเมือง แล้วลงตรงด่านเก็บเงินด่านแรก”
…
“ตอนนี้คุณลงรถมา มองเห็นป้ายรถเมล์ที่อยู่ข้างๆ หรือยัง? นั่งรถเมล์คันแรกที่ขับผ่านมา”
…
“ลงรถ เดินขึ้นสะพานลอยที่อยู่ตรงหน้า”
ตั้งแต่ขับรถออกมาจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน เวลาเกือบจะผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว สำหรับนายตำรวจหนุ่มที่ถือว่าคุ้นเคยกับเมืองนี้ ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ‘ภายในครึ่งชั่วโมงนี้ เกรงว่าจะทำลายทุกสิ่งที่เซอร์หม่าได้วางแผนไว้พังไปก่อน ดูท่าอีกฝ่ายจะระมัดระวังรอบคอบมากจริงๆ’
“ผมเดินขึ้นสะพานลอยมาแล้ว”
“ดีมาก คุณหันหน้าไปทางถนนใหญ่จงหนาน ฉันจะเริ่มนับถอยหลังห้าวินาที หลังจากห้าวินาที คุณก็กระโดดลงไป ห้า สี่…”
ตำรวจหนุ่มสายลับคนนี้ยังไม่ทันได้คิดใคร่ครวญใดๆ เลย หญิงสาวที่ปลายสายก็เริ่มนับถอยหลังแล้ว
สาม…สอง…หนึ่ง!
นายตำรวจหนุ่มขบกรามแน่น ปีนขึ้นราวกั้นทันที หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไปครั้งหนึ่งก็กระโดดลงไปจากตรงนี้ทันที!
และตอนนี้เอง รถคอนเทนเนอร์คันใหญ่คันหนึ่งก็ขับผ่านมาจากอีกด้านของสะพานลอย นายตำรวจหนุ่มที่โดดลงมาจากสะพานลอยก็ร่วงลงมาบนรถคอนเทนเนอร์คันนี้ในทันที!
นายตำรวจหนุ่มแอบปาดเหงื่ออยู่ด้านบนคอนเทนเนอร์ ก่อนมองสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบๆ ให้ชัดเจน
นี่เป็นรถคอนเทนเนอร์ที่กำลังขนรถเก๋งคันเล็ก
เขายกโทรศัพท์แนบหูตัวเองอีกครั้งหนึ่ง แล้วพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “พวกคุณคิดจะทำการค้าครั้งนี้อยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
“ขออภัยจริงๆ ขออภัยที่พวกฉันต้องระมัดระวังแบบนี้ เพราะสายในเมืองนี้ค่อนข้างร้ายกาจ ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น เป็นไปได้ว่าพวกฉันเองก็จะถูกเปิดโปงไปแล้ว”
“คุณบอกว่าพวกคุณถูกเปิดโปงแล้ว?” นายตำรวจหนุ่มพูดขึ้นทันที
“ฉันแค่บอกว่ามีความเป็นไปได้…เอาล่ะ ตอนนี้กรุณาโยนโทรศัพท์เครื่องนี้ในมือของคุณทิ้งไป แน่นอนโทรศัพท์ที่ติดตัวคุณมาก็โยนทิ้งเหมือนกัน”
“เรียบร้อย”
“ตอนนี้คุณช่วยเดินขึ้นไปสุดทางเดินของชั้นบน แล้วปีนลงมา พวกเราอยู่ในรถคันหนึ่งที่อยู่หลังสุดชั้นสอง”
นายตำรวจหนุ่มรีบคลำทางมาสุดทางของรถคอนเทนเนอร์คันนี้อย่างรวดเร็ว ปีนเข้าไปในรถคันเล็กสีขาวคันหนึ่ง ในนั้นเขามองเห็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผู้ชายก็นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับ แต่ผู้หญิงนั่งอยู่ที่เบาะหลัง
“ความระมัดระวังของพวกคุณทำเอาผมเคืองจริงๆ”
เจสสิก้ามองสังเกตแวบหนึ่งลวกๆ แล้วพูดอย่างไม่แยแสว่า “กรุณาคาดเข็มขัดนิรภัยของคุณด้วย”
นายตำรวจหนุ่มขมวดคิ้วอย่างเสียไม่ได้ แล้วในเสี้ยววินาทีนั้นเองรถเก๋งเล็กคันนี้ก็สตาร์ทเครื่องขับถอยหลังทันที ชนแนวกันด้านหลังรถคอนเทนเนอร์เข้าอย่างแรง จนพังร่วงตกลงไปบนถนน…สั่นสะเทือนไปพักหนึ่ง รถเก๋งคันเล็กสีขาวนี้ก็ขับอยู่บนถนนแล้ว หลังจากนั้นก็ขับเข้าไปในถนนเส้นเล็กๆ ในเมือง
“สินค้าล่ะ?” นายตำรวจหนุ่มขมวดคิ้วแล้วถาม
คิงคองที่กำลังขับรถอยู่ข้างหน้าหัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้น “เดี๋ยวคุณก็จะได้เห็นแล้วล่ะ…คุณสบายใจได้ อีกเดี๋ยวรถคันนี้จะมอบให้คุณ เงินล่ะ?”
นายตำรวจหนุ่มล้วงกุญแจอิเล็กทรอนิกส์อันเล็กๆ อันหนึ่งออกมาจากเสื้อ “ยื่นหมูยื่นแมว”
“ไม่มีปัญหา” คิงคองผิวปาก เลียริมฝีปากพลางบอก “นั่งดีๆ ล่ะ!”
ในตอนนี้เองจู่ๆ เจสสิก้าส่งแถบผ้าสีดำผืนหนึ่งให้นายตำรวจหนุ่ม “ขั้นสุดท้าย กรุณาปิดตาตัวเองด้วยค่ะ”
“คุณเชื่อไหมว่าผมจะยุติการค้าครั้งนี้เมื่อไหร่ก็ได้นะ?”
เจสสิก้ากำลังมองสายตาที่ไม่พอใจสุดๆ ของอีกฝ่าย แล้วพูดอย่างไม่แยแสว่า “คุณต้องรู้นะว่า พวกเราทำการค้าด้วยกันครั้งแรก…ครั้งก่อนที่ต่างประเทศถูกคนทางฝั่งตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศนั่นเล่นงานแล้ว เรื่องเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป พวกเราในฐานะผู้ขายยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้นหน่อย ดังนั้น ถ้าพวกคุณคิดจะทำการแลกเปลี่ยนครั้งแรกนี้ให้สำเร็จจริงๆ ละก็ กรุณาให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ด้วย แน่นอนว่าพวกคุณจะยุติการค้าก็ได้เหมือนกัน แต่คุณต้องจำไว้ว่า พวกคุณจะหาสินค้าที่ดีกว่าของพวกเราไม่ได้แล้ว สบายใจได้ พวกเราแค่อยากทำธุรกิจครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเท่านั้น จะไม่ทำอะไรคุณหรอก”
นายตำรวจหนุ่มได้แต่เอาผ้าคลุมปิดตาไว้เงียบๆ
…
“สัญญาณขาดหายไปแล้ว”
ในรถตู้บนถนน เซอร์หม่าโยนหูฟังในมือลงอย่างแรง กัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้น “แม่งเอ๊ย! คงไม่ใช่ถูกจับได้แล้วนะ!”
เยี่ยเหยียนพูดอย่างใจเย็น “ก็ยังไม่แน่…อีกฝ่ายก็แค่ระวังตัวเท่านั้น เจสสิก้าเป็นพวกหัวกะทิที่มาจากเครือข่ายตำรวจอาชญากรรม บนตัวเธอน่าจะมีเครื่องมือส่งสัญญาณรบกวนอยู่…เกรงว่าคงกลัวคนที่มาซื้อขัดผลประโยชน์กันถึงได้ระวังตัวแบบนี้”
ในตอนนี้เซอร์หม่าใจร้อนราวกับถูกไฟเผา พูดว่า “พวกเราขาดการติดต่อไปแล้ว ไม่มีทางยืนยันความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจได้ เขาตกอยู่ในอันตรายจากการถูกเปิดโปงได้ทุกเมื่อ ที่สำคัญหลังจากที่เขากระโดดลงมาจากสะพานลอยเกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกเราไม่รู้อะไรเลยสักนิด!”
สองมือเยี่ยเหยียนเสยไปที่ผมของตนเอง หลับตาสองข้างลง เวลาเดินหน้าผ่านไปทีละนิดๆ
ในฉับพลันนั้นเอง เขาก็ขบฟันแน่น พูดเสียงดังขึ้นมา “คนที่อยู่ข้างหน้าลงมา ฉันขับเอง!”
…
…
รู้สึกว่ารถจะจอดแล้ว ในที่สุดนายตำรวจหนุ่มก็ได้ยินคำสั่งให้ถอดผ้าสีดำปิดตาออกได้
เขาสังเกตสภาพแวดล้อมบริเวณรอบๆ ก่อน…ดูเหมือนว่าจะกลับเข้ามาในโรงจอดรถแห่งหนึ่งอีกครั้ง
หลังจากลงรถมา คิงคองก็เปิดท้ายรถของรถคันนี้ ด้านในมีทะเบียนรถป้ายใหม่เอี่ยมอันหนึ่งวางอยู่ คิงคองยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “สบายใจแล้วหรือยังล่ะ? สิ่งที่พวกเราเตรียมไว้มีพร้อม อีกเดี๋ยวคุณก็เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถแล้วคุณจะไปที่ไหนก็ได้ แน่นอนว่าคุณจะไม่ขับก็ได้”
“สินค้าล่ะ?”
คิงคองพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ตามผมมาสิ”
คิงคองเดินไปข้างหน้า ส่วนเจสสิก้ากลับเดินไปข้างหลัง สองคนยืนประกบตำรวจหนุ่มหน้าหลัง พวกเขาขึ้นไปด้านบนด้วยลิฟต์ในโรงจอดรถ จนมาถึงชั้นที่สองแล้ว
นายตำรวจหนุ่มนับชั้นเล็กน้อย…ชั้นที่ยี่สิบเจ็ด
ตึกสูงยี่สิบเจ็ดชั้นในเมืองนี้มีไม่มากนัก จู่ๆ เขาก็กุมมือทั้งสองของตนเองเอาไว้แน่น นิ้วมือเคาะอยู่เบาๆ ตรงบริวณหน้าท้อง
คิงคองนำคนเดินออกมาจากลิฟต์ ไม่นานนักก็มาถึงหน้าประตูห้องห้องหนึ่ง ซึ่งก็คือห้องควบคุมกล้องวงจรปิด
เห็นแค่คิงคองยื่นมือไปเคาะบนประตู หลังจากนั้นไม่นาน ประตูห้องควบคุมกล้องวงจรปิดก็เปิดออก รปภ.ที่ออกมาเห็นรูปร่างลักษณะของคิงคองแล้วดูเหมือนแปลกใจมากเป็นพิเศษ แต่เขาไม่ทันพูดอะไร ก็ถูกคิงคองอุดปิดปากอย่างรวดเร็ว แล้วตามด้วยการซัดไปที่ท้องอีกหนึ่งหมัด รปภ.ก็ล้มลงไปกองกับพื้นทันที
แล้วต่อมาคิงคองก็เดินตรงไปหน้าแป้นควบคุมกล้องวงจรปิด ลบเทปบันทึกที่เริ่มตั้งแต่โรงจอดรถเมื่อสักครู่ทิ้งไปแล้วถึงได้หันกลับมา
เขามองเจสสิก้าพร้อมบอก “อีกเดี๋ยวค่อยจัดการ รปภ.คนนี้แล้วกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานฉันเคยทำงานที่บริษัทนี้ เขารู้จักฉัน แต่สบายใจได้ ฉันจะจัดการให้เรียบร้อยเอง”
ที่นี่ก็คือ…ตึกใหญ่ที่บริษัทเทียนอิ่ง เอนเตอร์เทนเมนต์ตั้งอยู่!
เจสสิก้าพยักหน้า เธอหยิบโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่งออกมา เชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตของที่นี่ แล้วหันหน้าจอมาทางตนเอง
หลังจากนั้นไม่นาน บนหน้าจอนั่นก็มีชายคนหนึ่งที่เห็นคางแค่ครึ่งเดียวปรากฏขึ้นมา
“คุณเป็นคนที่พลเอกปาซ่งส่งมาทำธุรกิจในครั้งนี้เหรอ? มีแค่คุณคนเดียว?” ชายผู้เผยหน้าให้เห็นเพียงแค่คางเอ่ยปากถามตรงๆ
“พวกคุณก็มีสองคนเองไม่ใช่เหรอ?”
ชายคนนั้นเกือบพยักหน้า หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก เขาถึงพูดขึ้นช้าๆ “เจสสิก้า ครั้งนี้เธอทำได้ดีมาก ตั้งแต่จับตัวเจ้านั่น จนถึงการสั่งการในครั้งนี้ ทุกขั้นตอนล้วนอยู่ในสายตาฉันตลอด ความสามารถของเธอน่าชื่นชมจริงๆ …คิงคอง แกไปเอาสินค้าออกมาเถอะ”
“ครับ”
คิงคองเดินไปที่ข้างล่างแผงกล้องวงจรปิด แล้วเริ่มแกะแผ่นข้างล่างออก หลังจากนั้นไม่นานก็ล้วงผงสีฟ้าห่อแล้วห่อเล่าออกมาจากตู้ขนาดใหญ่ที่ติดอยู่กับหน้าจอพวกนี้ สุดท้ายยังมีถุงหนังใบหนึ่ง
เจสสิก้าอ้าปากค้างแล้วพูดขึ้น “ที่แท้สินค้าก็ซ่อนอยู่ที่นี่มาโดยตลอด”
คิงคองพูดอย่างเฉยเมย “เมื่อก่อนฉันเป็นบอดี้การ์ดอยู่ที่นี่ แล้วก็ควบตำแหน่งหัวหน้ารปภ.ได้พอดี เก็บไว้ที่นี่ดีที่สุด ทุกวันมีคนเฝ้าดูแลให้ฉันแบบฟรีๆ …แน่นอนว่ายังเหลือเวลาอีกอย่างน้อยสองเดือนกว่าจะถึงการตรวจซ่อมแซมครั้งต่อไป”
แล้วคิงคองก็เอาถุงพร้อมสินค้าออกมาทีละห่อ ฉีกออกแล้วพูดขึ้น “ความบริสุทธิ์สูง ยี่สิบแปดกิโลกรัม คุณจะทดสอบสินค้าก่อนหรือเปล่า? แต่ว่าผมต้องเตือนคุณก่อนนะว่าให้ลองปริมาณน้อยๆ ไม่อย่างนั้นเกิดมากเกินไป พวกเราก็ไม่มีหน้าที่ช่วยคุณนะ”
นายตำรวจหนุ่มได้แต่รับของที่เป็นห่อๆ พวกนั้นมา สังเกตดูแบบแกล้งทำเป็นรู้ เขารู้ที่ไหนกันล่ะว่าของนี้ใช่ของจริงหรือไม่กันแน่?
“คุณดูเสร็จแล้วหรือยัง? พวกเรามีเครดิตดี ไม่หลอกคุณหรอก” คิงคองกลับพูดด้วยความรำคาญ
“เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาแล้ว”
“งั้นก็ตกลงซื้อนะ” คิงคองเข้าระบบบัญชีธนาคารต่างประเทศบัญชีหนึ่งบนโน้ตบุ๊ก
นายตำรวจหนุ่มนั่นมองคิงคองแล้วก็มองเจสสิก้าที่อยู่ข้างหลังอีก เขาได้แต่เดินไปข้างหน้าโน้ตบุ๊กทีละก้าวทีละก้าว แล้วเอาแฟลชไดรฟ์ออกมา เสียบเข้าไปในโน้ตบุ๊กช้าๆ
สายตาของเขาค่อยๆ หรี่ลง แล้วหันหลังให้คนทั้งสองคน ก่อนยื่นมือคลำไปที่บริเวณข้างๆ ท้องตนเอง
ปัง!!
ในทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งที่ดังมากๆ พลันดังก้องอยู่ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดนี้ นายตำรวจหนุ่มก็รู้สึกแค่ว่าที่บริเวณหลังเจ็บปวดรุนแรงราวกับมีอะไรเจาะทะลุหัวใจ แล้วก็ล้มคว่ำลงไปกับพื้นเลย
“เจสสิก้า เธอทำอะไรน่ะ?” คิงคองนิ่งอึ้ง แล้วก็โมโหมาก
คิดไม่ถึงว่านัดที่สองที่ยิงออกไปจะบนหน้าอกของคิงคอง
“เธอ…ไม่นึกเลยว่าเธอ…” คิงคองเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนทรุดตัวคุกเข่าลงมา แล้วล้มคว่ำไปบนพื้น
เจสสิก้าลดปืนในมือลงมาเงียบๆ แล้วมองไปทางโน้ตบุ๊กนั่นอย่างเย็นชา
ผู้ชายที่อยู่ในจอภาพนั่นดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้าน ตอนนี้ก็แค่เท้าคางด้วยสองมือ “อันที่จริงฉันคิดไม่ออกเลย ทำไมเธอถึงได้มาทรยศพวกเราเอาตอนนี้ เธอเป็นคนที่พวกเราเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็กๆ จะว่าไปแล้วไม่น่ามีเหตุผลให้ทรยศนี่”
เจสสิก้าสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ “คุณซุน พวกเรามาทำธุรกิจสักอย่างกันดีกว่า”
“ไหนว่ามาสิ”
เจสสิก้ายื่นมือไปหยิบผงสีฟ้าห่อเล็กๆ ห่อหนึ่ง “ของแบบนี้สกัดมาไม่ง่าย ห่อเล็กๆ ห่อหนึ่งก็ราคาไม่เบาเลย ฉันคิดว่าสมาคมไมเคิลคงจะไม่ทิ้งขว้างพวกมันไปง่ายๆ หรอกใช่ไหม?”
“น่าสนใจ ว่าต่อสิ”
“ฉันอยากถอนตัวจากพวกคุณ” เจสสิก้าพูดขึ้นช้าๆ เธอมองดูปฏิกิริยาทุกอย่างของชายที่อยู่บนหน้าจอคนนี้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ สักนิดเลย “เพียงแต่ฉันรู้ว่า นี่ไม่น่าจะเป็นจริงได้ ดังนั้นฉันจะเปลี่ยนข้อเรียกร้องสักหน่อย พรุ่งนี้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ฉันจะให้พวกคุณส่งแม่ของฉันไปที่สำนักงานตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศอย่างปลอดภัย…ถ้าพวกคุณไม่รับปากล่ะก็ ฉันจะทำลายของพวกนี้ทิ้งตอนนี้!”
“เธอคิดจะทรยศพวกเราจริงๆ เหรอ?”
ชายคนนั้นพูดอย่างไม่แยแส “บางทีเธอแค่สับสนไปชั่วขณะเท่านั้น แล้วฉันก็คิดว่าเธอคงเข้าใจบางอย่างผิดไป พวกเราไม่ได้ควบคุมกักขังแม่ของเธอเลย แต่เสนอชีวิตในโลกอุดมคติให้เธอก็เท่านั้น เป็นโลกที่ไม่มีสงคราม ไม่มีความเศร้าโศกและก็ไม่มีความเคียดแค้น ทุกคนต่างใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข”
เสียงของชายหนุ่มดูอบอุ่นขึ้นมา “เจสสิก้า เธอต้องเข้าใจนะว่า นั่นเป็นสวรรค์ มีเพียงคนที่ถูกเลือกให้ขึ้นสวรรค์เท่านั้นถึงเข้าไปในสรวงสวรรค์ได้ เพราะแม่ของเธอเกี่ยวพันกับเธอถึงได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในสรวงสวรรค์แห่งนี้ ทำไมเธออยากพาหล่อนกลับมาสู่นรกแห่งความเป็นจริงนี้ด้วยล่ะ? เจสสิก้า เธอเป็นคนที่ถูกสวรรค์เลือก เป็นสาวกที่จะนำพาระเบียบใหม่มาให้กับโลกใบนี้ นี่เป็นชะตาชีวิตของเธอ เธอลืมความศรัทธาของเธอไปแล้วเหรอ?”
เสียงของชายหนุ่มทรงอำนาจไร้ที่สิ้นสุด เจสสิก้าก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวในทันที เธอเกมหน้าผากผยสีหน้าเจ็บปวด แล้วพยายามลืมตาตนเอง
“เจสสิก้า เธอคือคนที่ดีที่สุด เธอคือนักรบที่โดดเด่นที่สุดของฉัน เป็นลูกของพวกเรา เธอเป็นคนที่สนับสนุนความเชื่อของพวกเรามากที่สุดไม่ใช่เหรอ?”
“เลิกพูดได้แล้ว!”
ในฉับพลันนั้นเองเจสสิก้าก็ลั่นไกปืนในมือยิงสาดไปบนแผงควบคุมกล้องวงจรปิดหลายนัด เธอหอบหายใจพลางพูดขึ้น “ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น พาแม่ฉันส่งออกมาอย่างปลอดภัย! ไม่อย่างนั้นฉันก็จะทำลายสินค้าพวกนี้ทันที! ความปรารถนาของฉันมีเพียงอย่างเดียว!”
ดูเหมือนชายคนนั้นกำลังถอดถอนใจ “เป็นเพราะเยี่ยเหยียนใช่ไหม? ดูท่าความรู้สึกแบบมนุษย์จะทำให้เธอตกต่ำไปเลยนะ…เจสสิก้า เธอเคยเป็นลูกที่พวกเราดูแลอย่างดี แต่เธอถูกทำให้แปดเปื้อนแล้ว คนที่แปดเปื้อนก็ต้องกำจัดทิ้งแล้วสินะ”
หน้าจอนั่นดับไปในทันที ชายคนนั้นหายไปแล้ว
ทันใดนั้นเจสสิก้าก็รู้สึกได้ถึงวิกฤติที่น่าหวาดกลัวจู่โจมเข้ามาทั่วทั้งร่างกายเธอ เธอหันตัวกลับตามสัญชาตญาณ กลับเห็นคิงคองที่ไม่รู้ว่าลุกยืนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
บนหน้าอกของเขา รอยทะลุของกระสุนนัดนั้นยังคงสะดุดตา เลือดสดๆ ถึงขนาดไหลเลอะบนเสื้อผ้าเขา แต่ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด
คิงคองบิดคอตนเองไปมา บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเหี้ยมโหด “หวังว่าเธอจะอดทนได้ดีกว่าคนรักเก่าของเธออยู่บ้างนะ”
เจสสิก้ายกปืนลำกล้องยาวในมือขึ้นมาอย่างสุขุมใจเย็น
แต่คิงคองในตอนนี้จู่ๆ กลับฉีกเสื้อผ้าบนร่างกายออก โยนไปทางอีกฝ่ายตรงๆ
ช่วงวินาทีที่การมองเห็นถูกบดบัง คิงคองก็มาอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความรวดเร็ว แล้วใช้ท่าคาราเต้สับแขนเธอครั้งหนึ่ง
เหมือนกระดูกจะหักเลย!
ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้ปืนในมือของเธอร่วงตกสู่พื้น เจสสิก้ากัดฟันแน่น หักกล่องกลมๆ อันเล็กๆ ชิ้นหนึ่งที่อยู่บนเข็มขัดอย่างรวดเร็ว แล้วออกแรงกดปลดล็อกออก!
ลำแสงสีขาวสว่างจ้าไปทั่วทั้งห้องควบคุมกล้องวงจรปิดในทันที คิงคองจึงเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ
“เฮ้ย!!”
คิงคองโบกมือทั้งสองของตัวเองปัดป้องไปมาอย่างโกรธเคือง เขาแค่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่าง หลังจากที่สายตาของเขาเริ่มกลับมามองเห็นชัดขึ้นแล้ว เจสสิก้าก็หนีออกไปจากห้องควบคุมกล้องวงจรปิดห้องนี้แล้ว
คิงคองขบกรามแน่น มองดูภาพบนจอกล้องวงจรปิดอย่างรวดเร็ว หาร่องรอยเงาของอีกฝ่าย ไม่นานนัก คิงคองก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อจะต้องลงมือฆ่าแล้ว งั้นเธอก็หนีไม่พ้นหรอก”
เขาตามออกไปจากห้องควบคุมกล้องวงจรปิดอย่างรวดเร็วเช่นกัน
…
จู่ๆ ร่างของนายตำรวจหนุ่ม ก็เริ่มขยับเล็กน้อย
เขาลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วก็แหวกเปิดเสื้อบนตัวออก ก่อนถอดเสื้อกันกระสุนตัวนั้นออกมา…พอดูรอยกระสุนด้านหลังเสื้อกันกระสุน นายตำรวจหนุ่มก็ถอนหายใจโล่งอก
เขาลุกขึ้นมา ผ่อนคลายกระดูกกระเดี้ยวที่คอสักหน่อย พูดพึมพำว่า “เป็นสปายนี่ที่แท้ก็รู้สึกแบบนี้นี่เอง…ตื่นเต้นสุดๆ เลย”
ขณะเดียวกันนายตำรวจหนุ่มก็ยื่นมือไปลูบที่ใบหน้าตนเอง ค่อยๆ ลอกสิ่งที่ติดอยู่ที่หน้าบางๆ ออกทีละชั้น เผยใบหน้าที่แท้จริงของตนเองออกมา นี่คือหน้ากากหนังเสมือนจริงฝีมือของสาวใช้จากสมาคม
เขาส่ายหัว แล้วยื่นมือออกไปเลื่อนบนแป้นเมาส์ของโน้ตบุ๊กเครื่องนั้น