สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 2 ตอนที่ 125
ตอนนี้เซอร์หม่าเดินไปอยู่ข้างตัวเยี่ยเหยียนอย่างรวดเร็วแล้ว ล้วงกุญแจมือมาใส่ไว้บนข้อมือของคิงคอง
“ถึงแกติดปีกก็บินหนีไปไม่รอดหรอก ให้ความร่วมมือกับพวกเราดีๆ เถอะ!”
คิงคองหันไปอีกฝั่งพร้อมทั้งยิ้มเยาะ ไม่ได้คิดจะพูดเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้เอง รถตำรวจคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว ด้านหลังยังมีรถตามมาอีกสองคัน แล้วเหล่าตำรวจติดอาวุธเต็มรูปแบบก็ถือปืนทยอยลงมาจากรถตำรวจ
“เซอร์หม่า!”
“ไอ้สารเลว พวกแกจะต้องให้เรื่องจบแล้วถึงค่อยโผล่หัวออกมาตลอดเลยเหรอ? เป็นตำรวจได้ยังไงกัน! นายตำรวจหม่าพูดอย่างไม่พอใจ
แต่ว่าท่านก็เป็นตำรวจนะ…แต่พวกตำรวจที่ถูกตำหนิกลับไม่กล้าปริปาก เพียงแค่จับคิงคองที่ถูกกำราบไว้แล้วอย่างเงียบๆ
ตอนนี้เยี่ยเหยียนก็เดินมาอีกฝั่งหนึ่ง เขามาอยู่ตรงประตูทางเข้าที่รถเจสสิก้าพลิกคว่ำ แต่เขากลับมองไม่เห็นเงาของเจสสิก้าตรงนี้แล้ว
เยี่ยเหยียนมองไปกลางลานจอดรถใต้ดินอย่างงุนงง แล้วมองเจ้าคนที่ถูกส่งออกไปเป็นสปายคนนั้น ก่อนเดินไปจับแขนทั้งสองข้างของเขาอย่างลืมตัว ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ผู้หญิงคนเมื่อกี้ล่ะ?”
“อ๊า…ผมไม่รู้ ผมมองไม่เห็น” นายตำรวจหนุ่มตอบด้วยสีหน้างงๆ
เยี่ยเหยียนปล่อยตัวเขา แล้วถอยหลังไปสองก้าว แล้วมองหารอบๆ อีกครั้ง ก่อนเอามือป้องปากตะโกนว่า “เจสสิก้า!! เจสสิก้า!! เจสสิก้า!!”
เขาเดินอย่างรวดเร็วออกจากลานจอดรถไป ร้องเรียกไปพลาง ตามหาไปพลาง
…
ลั่วชิวถอดหน้ากากบนใบหน้าออก
ณ มุมหนึ่งของลานจอดรถ ตำรวจกลุ่มหนึ่งกำลังจัดการที่เกิดเหตุกันอยู่
คุณสาวใช้อยู่ข้างกายเขา ส่วนที่นั่งอยู่บนพื้นก็คือเจ้าของใบหน้าที่เดิมทีควรจะปฏิบัติการเป็นสายลับในครั้งนี้
นิ้วมือของโยวเย่จิ้มไปที่บนหน้าผากของเจ้าของใบหน้าเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว
ในที่สุด สาวใช้ก็ชักนิ้วมือของตัวเองกลับมา มองดูลั่วชิวพร้อมพูดเบาๆ ว่า “นายท่านคะ หลังจากเขาฟื้นก็จะจำเรื่องที่เกิดทั้งหมดได้เหมือนไปเผชิญมาด้วยตัวเองแล้วค่ะ”
ลั่วชิวพยักหน้า เขามองไปทางเยี่ยเหยียนที่พิงรถตู้อยู่เงียบๆ ในที่ห่างออกไปไม่ไกล หลังจากผ่านมาสักพักถึงพูดว่า “ไปเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว”
…
…
เจสสิก้ามาถึงกลางซอยเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากตึกใหญ่นั้น
เธอใช้พลังทั้งหมดที่เหลือเพื่อมาให้ถึงที่นี่ แล้วเธอยังเอาสินค้าล็อตนี้ออกมาได้อย่างประสบความสำเร็จ หลังจากออกแรงสูดลมหายใจลึกๆ เข้าไปหลายครั้ง เจสสิก้าก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
คนนั้นที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์รับสายทันที แต่ทว่ากลับเงียบอยู่ตลอด
เจสสิก้าพูดช้าๆ ว่า “คุณซุน ได้รับโทรศัพท์ของฉัน คุณคงจะเข้าใจนะคะว่าคิงคองล้มเหลวแล้ว”
น้ำเสียงของ ‘คุณซุน’ ไม่รีบร้อนแต่ไม่เนิบช้า “เจสสิก้าที่รัก ฟังเสียงของเธอแล้ว อาการของเธอก็ไม่ได้ดีเลยนะ”
เจสสิก้าตอบ “ฉันสบายดีมาก…สุดท้ายสินค้าล็อตนั้นก็มาอยู่ในมือฉัน ที่นี่ไม่มีคนของคุณแล้ว การแลกเปลี่ยนระหว่างคุณกับฉันคงจะดำเนินการต่อไปได้แล้วล่ะมั้ง?”
‘คุณซุน’ กลับพูดขึ้นทันทีว่า “ไม่ๆๆ เจสสิก้า ตอนนี้ฉันไม่สนใจสินค้าล็อตนี้แล้ว สิ่งที่ฉันเป็นห่วงก็คือเธอ เจสสิก้า ไม่เสียแรงที่เธอเป็นเด็กที่พวกเราเลี้ยงมา คู่ควรที่จะเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าคิงคองจะถูกทำลายด้วยน้ำมือเธอ นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความโดดเด่นของเธอแล้ว เจสสิก้าเธอแค่สับสนไปชั่วขณะเท่านั้นเอง ไม่ใช่เหรอ? อ้อมกอดของฉันอ้าพร้อมรับเธอเสมอ”
“อย่าพูดเหลวไหลให้มากนัก! ยังไงคำขอของฉันก็ไม่เปลี่ยน! ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ คุณต้องส่งแม่ฉันไปที่สำนักงานใหญ่ตำรวจอาชญากรรมอย่างปลอดภัย! ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาสินค้าล็อตนี้ทั้งหมดทิ้งลงไปในทางระบายน้ำ!”
“โอ้! ลูกเอ๋ย ลูกทำให้พวกเราผิดหวังมากจริงๆ” ‘คุณซุน’ ที่อยู่ปลายสายพูดอย่างทอดถอนใจ “ถึงเวลาที่ลูกจะต้องกลับมาสู่อ้อมกอดของพวกเรา และฟังคำสอนของพวกเราอีกครั้งแล้ว”
จู่ๆ ปลายสายโทรศัพท์ก็มีเสียงประหลาดอย่างหนึ่งดังขึ้นมา
ทันใดนั้นเจสสิก้าก็กุมหัวของตัวเอง เสียงดังเสียดหูกำลังดังอย่างบ้าคลั่งในสมองของเธอ!
เธอล้มลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างเจ็บปวดทรมาน
เสียงจากโทรศัพท์นั้นกลับยังดังอยู่ “เจสสิก้าบอกฉัน ลูกคือใคร?”
“ฉัน…ฉันคือเจสสิก้า ฉันเป็นศิษย์ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของสมาคมไมเคิล…ไม่ๆ…ไม่! ฉันคือเจสสิก้า…ไม่…”
“เจสสิก้า นานขนาดไหนแล้วที่ไม่ได้ฟังคำสอนของฉัน ลูกเอ๋ย เวลาที่ลูกออกมานานเกินไปแล้ว สิ่งเย้ายวนใจบนโลกนี้บดบังจิตวิญญาณของลูกไปแล้ว ลูกนึกให้ออกสิว่าลูกเป็นใครกันแน่”
“ฉันคือ…ฉันคือ…”
เจสสิก้านิ่งไป สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นสับสนมึนงง เธอค่อยๆ หยิบมือถือขึ้นมา แม้ว่าสายตาของเธอจะดูดื้อรั้นเล็กน้อย แต่จิตใต้สำนึกของเธอกลับค่อยๆ ถูกบางอย่างเข้าแทนที่
เจสสิก้าคิดอยากจะฝืนร่างกายของตัวเองอย่างที่สุด แต่คำพูดที่หลุดออกมาจากปากกลับไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการพูด “ฉันคือ…ลูกของพระเจ้า…ฉันคือสาวกของพระเจ้า…ฉันคือ…”
ใครก็ได้…มาช่วยฉันที
…
“ใช่ ลูกคือลูกของพวกเรา ทุกสิ่งทุกอย่างของลูก ความคิดของลูกล้วนแต่เพื่อพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรา”
“ค่ะ…”
“งั้นในตอนนี้ ลูกบอกตำแหน่งของลูกมา ฉันจะส่งคนไปเก็บสินค้าล็อตนั้นกลับมาทันที แน่นอนรวมถึงลูกด้วย ลูกไม่ต้องกังวล แป๊บเดียว แป๊บเดียวลูกก็จะพบกับแม่ของลูกที่บน ‘สวรรค์’ ”
“พบกัน…”
สิ่งที่ ‘คุณซุน’ ที่อยู่ปลายสายไม่รู้ก็คือ มือถือที่เจสสิก้ากำลังถืออยู่ในมือตอนนี้ถูกใครหยิบไปแล้ว
พอรู้สึกว่าคำตอบของเจสสิก้าไม่สมบูรณ์ เสียงของ ‘คุณซุน’ ก็ดังขึ้นต่อเนื่อง “เจสสิก้า เด็กดีบอกตำแหน่งของลูกมาเถอะ”
“อืม…คุณก็คือคุณซุนคนนั้น? โอ้ หนึ่งในคุณซุนใช่ไหม?”
นี่ไม่ใช่เสียงของเจสสิก้า แต่เป็นของอีกคน เสียงที่ ‘คุณซุน’ ไม่เคยได้ยินเลย! เขาที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วขึ้นมา แต่ไม่ได้ลุกลี้ลุกลน ทว่ากลับพูดอย่างเฉยเมยว่า “คุณเป็นใคร?”
…
คุณเป็นใคร
ตลอดเวลาสองเดือนที่ผ่านมา เจ้าของสมาคมได้ยินคำถามแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
ตอนนี้เจ้าของของสมาคมกำลังมองเจสสิก้าที่นั่งอยู่บนพื้น ซึ่งในสายตาของเธอเหมือนกำลังต่อสู้กับบางสิ่ง ก่อนเขาจะใช้น้ำเสียงอ่อนโยนตอบกลับปลายสายว่า “ผมน่ะเหรอ? ผมเป็นเพียงแค่คนทำธุรกิจคนหนึ่งเท่านั้น แล้วตอนนี้คุณเจสสิก้าคนนี้ก็คือลูกค้าของผม”
“โอ้? งั้นเหรอ” ‘คุณซุน’ เงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนพูดอย่างเฉยเมยว่า “น่าสนใจจริงๆ ในเมื่อพวกเราก็เป็นคนทำธุรกิจด้วยกันทั้งนั้น ผมว่าพวกเราน่าจะคุยกันดีๆ ได้นะครับ”
ลั่วชิวพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ “คุณลูกค้าต้องการอะไรครับ?”
‘คุณซุน’ พูดเสียงเรียบเฉย “ง่ายมาก ไม่ว่าเจสสิก้าให้พวกคุณเท่าไหร่ พวกเราจะให้คุณสองเท่าหรือมากกว่านั้นก็ย่อมได้ ขอแค่คุณเอาตัวเจสสิก้ารวมถึงของในมือเธอ ส่งมอบให้พวกเราพร้อมกันก็ใช้ได้แล้ว”
“กำลังซื้อของคุณลูกค้าดูจะค่อนข้างเยอะนะครับ” ลั่วชิวหรี่ตาลง
‘คุณซุน’ พูดเสียงเฉยเมย “พูดพล่ามให้น้อยๆ หน่อย ผมไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องจากเจสสิก้ามาแค่ไหนแล้ว…แต่ถ้าคุณรู้จักผม คุณจะต้องเสียใจที่มาเจรจากับผมแน่ๆ แต่ไม่เป็นไร ผมชอบการเจรจาที่มีสีสัน สิบล้านเป็นไง”
“สิบล้านเหรอครับ?”
“ยูโร” ‘คุณซุน’ พูดเสียงเรียบเฉย
ลั่วชิวก็พูดเสียงเรียบเฉยเช่นกัน “งั้นก็มากจริงๆ นะครับ แต่ว่าน่าเสียดายนะครับ สิ่งที่พวกเรารับไม่ใช่เงินทอง”
“อะไรนะ?”
“อิตาลี เมืองโตริโน ถนนอาร์ปีโน่ หมายเลขสามสิบแปด…อืม ห้องเลขที่สี่ ห้องหนังสือ…” เจ้าของร้านลั่วหรี่ตาลง “คุณลูกค้า ไวน์มาร์โกขวดนั้นที่วางอยู่ข้างหน้าคุณอร่อยไหมครับ?”
“คุณเป็นใคร!!!!”
เสียงตกใจหวาดกลัวปนกันสับสนอลหม่าน
ในอพาร์ตเมนต์ที่ตั้งตำแหน่งนั้น แก้วไวน์แดงในมือของผู้ชายก็ตกลงพื้นทันที เขายืนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง รีบมองห้องหนังสือที่นอกจากตัวเขาเองแล้วก็ไม่มีใคร
เขาถึงขนาดเดินไปตรงหน้าต่าง เลิกมุมหนึ่งของผ้าม่านออก แล้วมองทุกสิ่งทุกอย่างบนถนนนอกหน้าต่างอย่างระมัดระวัง…