สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 3 ตอนที่ 19 จับตัว
หลี่ว์อีอวิ๋นเผลอลูบหน้าตัวเอง เผยให้เห็นสีหน้างุนงงไม่แน่ใจบางอย่าง “ฉันไม่ได้ยิ้มนี่?”
“งั้นเหรอ” ลั่วชิวพยักหน้าพูด “บางทีผมคงดูผิดไป ออกไปกันเถอะ”
หลี่ว์อีอวิ๋นเดินตามเขาไปเงียบๆ …แล้วพวกเขาก็เดินออกไป
…
…
เสียงเคาะข้างนอกนี้ดังมากเกินไปจริงๆ หลัวอ้ายอวี้เถ้าแก่เนี้ยอยู่ในห้องด้านหน้าบ้านพักพลันก็ตกใจตื่นทันที
เธอใส่เสื้อคลุมด้วยสีหน้าไม่พอใจ ดูเหมือนอยากด่าคนเต็มทน พอเดินออกมาจากห้องก็บังเอิญเห็นหลี่ว์อีอวิ๋นและลั่วชิวที่เดินออกมาจากห้องครัว
เธอไม่มีเวลามาสนใจว่าทำไมสองคนนี้ถึงออกมาจากห้องครัว หลัวอ้ายอวี้กำลังยุ่งกับการเปิดกลอนประตู ทันใดนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความเกรงใจเลย “มาแล้วๆ! ใครน่ะ ฟ้ายังไม่ทันสว่างเลย จะรีบไปเกิดใหม่หรือยังไง!”
แต่ตอนที่หลัวอ้ายอวี้เปิดประตู เธอกลับต้องตกใจ
เธอเห็นคนมากมายกรูกันอยู่ด้านนอกประตู ส่วนใหญ่เป็นคนแก่ในหมู่บ้าน ไม่ใช่แค่นั้น ข้างหลังพวกเขายังมีคนตามมาอีกยี่สิบสามสิบคน ในมือคนพวกนี้ถือกระบอกไฟฉาย ทั้งยังถือเครื่องมือบางอย่างด้วย บอกว่าเป็นเครื่องมือ แต่ที่จริงก็เป็นเครื่องมือเกษตรชนิดต่างๆ
จอบ เคียว ไม้คานเป็นต้น
หลัวอ้ายอวี้ตกใจจนหน้าถอดสี กลืนน้ำลายไปอึกหนึ่งถามขึ้นว่า “อาเป่ากง พวกลุงนี่ นี่คิดจะทำอะไรน่ะ?”
พออาเป่ากงเห็นว่าคนที่เปิดประตูก็คือหลัวอ้ายอวี้ ก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วโบกไม้โบกมือ พูดไปตรงๆ ว่า “เธอนี่แหละ! จับตัวไว้!”
ชาวบ้านอายุห้าสิบกว่าหลายคนข้างหลังอาเป่ากงลังเลพักหนึ่ง ก็กัดฟันเดินออกมาพร้อมกัน แล้วจับแขนทั้งสองข้างของหลัวอ้ายอวี้ พร้อมออกแรงดึงตัวออกมา ถือได้ว่าป่าเถื่อนเลยทีเดียว
ทันใดนั้นหลัวอ้ายอวี้ก็เซล้มลงไปกับพื้น แต่ไม่นานก็มีคนเอาเชือกมัดตัวเธออย่างฉับไว!
หลัวอ้ายอวี้ต่อสู้ดิ้นรนด้วยความหวาดกลัว และร้องเสียงแหลม “พวกแกคิดจะทำอะไรน่ะ! ปล่อยฉัน! ปล่อยฉัน!”
“อุดปากเธอไว้!” อาเป่ากงพูดด้วยเสียงเปี่ยมอำนาจ
แล้วก็มีคนเอาผ้าขาดอุดปากหลัวอ้ายอวี้ไว้
หลี่ว์อีอวิ๋นรีบพุ่งออกมาอย่างตื่นกลัว และโกรธเคืองว่า “พวกคุณคิดจะทำอะไรแม่ฉันน่ะ!! ปล่อยเธอนะ!! ปล่อยเธอ!”
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านสามสี่คนก็ขวางหลี่ว์อีอวิ๋นไว้ เธอจึงไม่อาจเข้าไปใกล้ได้เลย
เสียงเอะอะโวยวายทำให้คนในบ้านพักตกใจตื่นขึ้นมา
เริ่นจื่อหลิงและหลี่จือเดินออกมาก่อนสองคน แล้วคนที่ตามมาด้านหลังคือโยวเย่ เริ่นจื่อหลิงมองเห็นเหตุการณ์ตรงประตูทางเข้าก็ขมวดคิ้วทันที แล้วคิดจะเดินออกไปข้างนอกทันที ทว่ากลับถูกลั่วชิวขวางไว้
ลั่วชิวจับแขนเริ่นจื่อหลิงแล้วดึงตัวกลับมาเบาๆ
“ลั่วชิว เธอ…นี่เธอจะทำอะไร ปล่อยฉันก่อน” เริ่นจื่อหลิงน้ำเสียงหนักแน่นขึ้นทันที แต่ก็ลดเสียงต่ำลงด้วยเช่นกัน
เธอเชื่อว่าลั่วชิวจะไม่ห้ามเธอโดยไม่มีเหตุผล
ลั่วชิวส่ายหน้าบอก “นี่ไม่ใช่ถิ่นของคุณ”
เริ่นจื่อหลิงพลันขมวดคิ้วมุ่น ตระหนักได้ชัดถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ แต่ด้วยเป็นคนรักความยุติธรรมโดยกำเนิด กลับทำให้เธอไม่อาจปล่อยผ่านไปได้
เริ่นจื่อหลิงเห็นคนพวกนั้นจะพาตัวหลัวอ้ายอวี้ไป ก็ตะโกนถามเสียงดัง “พวกคุณคิดจะทำอะไรกัน! จะจับตัวคนไปที่ไหน?!”
อาเป่ากงมองดูพวกลั่วชิวแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ “พวกเธอเป็นใครกัน? ฉันไม่เคยเห็นพวกเธอในหมู่บ้านหลี่ว์เลย”
“พวกเราเป็นลูกค้าที่มาเที่ยว!”
อาเป่ากงกลับตอบว่า “ในเมื่อเป็นนักท่องเที่ยว ก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเธอ คนนอกอย่ามายุ่งเรื่องในหมู่บ้านหลี่ว์ของพวกเราดีกว่า อยู่เที่ยวเล่นที่นี่ให้สนุกไปเถอะ!”
“เอ๊ะ…ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ?!”
อาเป่ากงกลับไม่สนใจ โบกไม้โบกมือ พูดเสียงดัง “พวกเราไป!”
“เดี๋ยวก่อน พวกคุณจะจับแม่ของเธอไปโดยไม่ถามความเห็นเธอสักหน่อยเหรอ?” เริ่นจื่อหลิงพูดอย่างโกรธเคือง “พวกเราเป็นคนนอก หรือว่าเด็กคนนี้ก็เป็นคนนอกด้วย?”
อาเป่ากงมองหลี่ว์อีอวิ๋นที่ล้มลงกับพื้นอย่างไม่ใส่ใจแวบหนึ่ง พลางพูดอย่างเย็นชาว่า “ยังไงผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่แม่บังเกิดเกล้าของเด็กคนนี้อยู่แล้ว! หล่อนตายไปตั้งแต่คลอดเธอออกมาแล้ว! ผู้หญิงคนนี้คือเมียใหม่ที่หลี่ว์ไห่แต่งเข้ามาทีหลัง!”
“อะไรนะ?!”
หลี่ว์อีอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่อยากเชื่อ
เริ่นจื่อหลิงและหลีจื่อก็สีหน้าตื่นตะลึงเช่นกัน
…
“อ๊า!!! พวกแก!!!”
ในชั่วพริบตานั้นเอง เสียงของหลี่ว์ปู้ไห่ที่เป็นอัลไซเมอร์ก็ดังมาจากในบ้าน!
หลี่ว์ปู้ไห่มีสีหน้าดุร้าย สองมือถือไม้คานอันหนึ่งพุ่งออกมา โบกกวัดแกว่งไปมาสุ่มสี่สุ่มห้า ตะโกนพูดเสียงดังด้วยความโมโห “ปล่อยเธอ!! ปล่อยเธอ!! ปล่อยลูกสะใภ้ของฉัน!! ปล่อยสุ่ยเอ๋อร์!! ปล่อยเธอนะ!!”
“คุณปู่!!”
แต่คนแก่อย่างหลี่ว์ปู้ไห่ก็ถูกชาวบ้านสามสี่คนกดตัวลงบนพื้นได้อย่างง่ายดาย
หลี่ว์ปู้ไห่กลับยังดิ้นพล่านพูดว่า “ปล่อยฉัน! ปล่อยฉัน!! พวกเดรัจฉาน! พวกแกมันเดรัจฉาน!! ปล่อยลูกสะใภ้ฉัน!! ปล่อยเธอ!!”
“หลี่ว์ปู้ไห่!! แกแก่เลอะเลือนแล้ว! ลูกสะใภ้แกตายไปตั้งนานแล้ว! คนนี้ไม่ใช่!” อาเป่ากงทำเสียงปลงในลำคอ โบกมือพูดว่า “พวกเราไป! ไปผาฟังเสียงคลื่น!”
หลี่ว์ปู้ไห่ที่ถูกชาวบ้านกดลงกับพื้นก็ลุกขึ้นไม่ได้ เขามองชาวบ้านจากไปด้วยท่าทางเซ่อๆ ซ่าๆ แล้วก็นั่งลงบนพื้นร้องไห้ราวกับเด็ก “อย่าไปนะ! อย่าไปนะ! เอาลูกสะใภ้ฉันคืนมานะ! เอาคืนมา…”
ในเวลานี้สาวน้อยวิ่งมาข้างๆ หลี่ว์ปู้ไห่ กอดปู่ของตนเองด้วยน้ำตาคลอเบ้า ใบหน้างุนงงไม่รู้จะทำยังไงดี
“นี่ ที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ฉับพลันนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
อู๋ชิวสุ่ย เสี่ยวตู้ และชาวบ้านรุ่นใหม่อีกสองคนตามมาถึงนี่ด้วยความรีบร้อน พวกเขาเห็นหลี่ว์อีอวิ๋นกับหลี่ว์ปู้ไห่นั่งกอดกันร้องไห้สะอึกสะอื้นบนพื้นแวบหนึ่งก็ขมวดคิ้ว
“เมื่อกี้นี้ คนกลุ่มหนึ่งเข้ามาจับตัวแม่ของเธอไป บอกว่าจะไปผาฟังเสียงคลื่น” เริ่นจื่อหลิงมองเห็นอู๋ชิวสุ่ยมาแล้ว ก็รีบบอกทันที
อู๋ชิวสุ่ยกระทืบเท้าข้างหนึ่ง พูดอย่างเกลียดชัง “ช้าไปหรือนี่! บ้าเอ๊ย! เจ้าคนพวกนี้! บังอาจจริง!! ไป พวกเรารีบไปผาฟังเสียงคลื่น!”
“เดี๋ยวก่อน เลขาอู๋ คุณรู้หรือเปล่า ชาวบ้านพวกนั้นคิดจะทำอะไร?” เริ่นจื่อหลิงขมวดคิ้วถาม
อู่ชิวสุ่ยริมฝีปากกระตุก พูดว่า “พวกคุณเป็นแค่นักท่องเที่ยว เรื่องของหมู่บ้านหลี่ว์เป็นความรับผิดชอบของผม พวกคุณไม่ต้องมายุ่ง!”
เขารีบกำชับเสี่ยวตู้ว่า “คุณไปหาคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อยหน่อยมาเพิ่มสักสามสี่คน! พวกเรารีบไปผาฟังเสียงคลื่นกัน!”
เริ่นจื่อหลิงมองอู๋ชิวสุ่ยรีบร้อนจากไปด้วยสีหน้าโกรธเคือง ก็พูดพึมพำกับตัวเอง “พวกคนแก่สารเลวพวกนี้นี่ คงไม่ได้คิดจะทำเหมือนตอนนั้นหรอกนะ ใช้คนเป็นๆ เซ่นไหว้เทพเจ้าทะเลอะไรนะ…”
จู่ๆ เธอก็รู้สึกเย็นยะเยือกตัวสั่นเทาทันที ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว
เริ่นจื่อหลิงมองดูสองปู่หลานคู่นี้ คนหนึ่งสติเลอะเลือน อีกคนสับสนมึนงง กอดกันกลมราวกับไม่มีที่พึ่ง ฉับพลันเริ่นจื่อหลิงก็พูดอะไรไม่ออก
เธอเดินไปข้างๆ หลี่ว์อีอวิ๋น ย่อตัวลงพูดปลอบใจ “เลขาอู๋คนนี้ดูพึ่งพาได้อยู่ แม่ของเธอจะต้องปลอดภัยแน่นอน”
สาวน้อยได้แต่พยักหน้าอย่างสับสน
เริ่นจื่อหลิงก็ถามอีกว่า “จริงสิ เมื่อกี้ตาแก่คนนั้นบอกว่า เถ้าแก่เนี้ยไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเธอ มันเรื่องอะไรกันแน่?”
หลี่ว์อีอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมา เธอสบตากับลั่วชิวที่อยู่ข้างหลังเริ่นจื่อหลิงซึ่งมองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แล้วก็เผลอก้มหน้าลง “ฉัน ฉันไม่รู้ค่ะ…”