สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 3 ตอนที่ 28-2 ที่อบอุ่นที่สุดก็คือใจคน
ลมทะเลยังคงพัดรุนแรง มั่วมั่วค่อยๆ ลืมตาขึ้น …บางทีเธอคงตายไปแล้ว…หรือเปล่า
ทว่าสายฟ้านั่นไม่สามารถทำอันตรายหลี่ว์อีอวิ๋นได้แม้เพียงเศษเสี้ยวเดียว
มั่วมั่วตาถลึงโต เพราะรุ่นพี่ลึกลับคนนั้นยืนอยู่ข้างหลังสาวน้อยคนนี้ และช่วยหยุดฟ่าผ่าให้
“รุ่นพี่…” มั่วมั่วเค้นเสียงพูดจากลำคอ
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาสายฟ้าที่สุด แต่กลับถูกขวางได้อย่างง่ายดายเกินไปแล้ว เขามองไม่เห็นว่าถูกขวางไว้ได้อย่างไรกันแน่ ทว่ารุ่นพี่คนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแม้แต่ปลายผม คิดดูแล้วคงไม่ได้ลำบากไปกว่าการตบยุงเลยสินะ?
“ลำบากคุณแล้ว” ลั่วชิวมองมั่วมั่ว พูดพลางพยักหน้า
มั่วมั่วขมวดคิ้ว พูดอย่างงงงัน “หมายความว่ายังไงกัน?”
ลั่วชิวส่ายหน้า ไม่ได้คิดจะอธิบายอะไร สรุปคือทำดีจริงๆ ทั้งบีบบังคับให้หลี่ว์อีอวิ๋นหนีไป และยังบีบบังคับให้ปีศาจในตัวเธอระเบิดออกมาอีก ช่วยไว้ได้มากเลยจริงๆ นะ คงยังฝีมืออีกไม่น้อยเลยสินะ?
ลั่วชิวยื่นมือไปใกล้เสือร้ายแสงสีทองพวกนั้น
รุ่นพี่น่ากลัวคนนี้ลูบหัวเสือร้ายที่ล้อมตัวพวกเขาอยู่ ราวกับลูบหัวแมวเชื่องๆ
“ลำบากพวกแกแล้วเหมือนกัน กลับไปเถอะ”
พวกมันแต่ละตัวค่อยๆ กลับร่างเป็นยันต์สีเหลืองหลายๆ ใบ ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ แล้วลอยหลับไปหามั่วมั่ว
นี่ทำให้ปรมาจารย์หนุ่มผู้นี้ตื่นตะลึงทันที…ในด้านทฤษฎียันต์คาถานี้ มีเพียงวิชาลับของเขาเท่านั้นถึงจะควบคุมได้
แต่นี่…
และตอนนี้เอง หลี่ว์อีอวิ๋นซึ่งรอคอยการถูกปล่อยตัวก็กรีดร้องเสียงแหลมทันที แขนยื่นออกไปข้างหนึ่ง เล็บมือพลันเปลี่ยนเป็นกรงเล็บ แล้วพุ่งไปจะตะปบลั่วชิวโดยไม่พูดพร่ำสักคำ
แต่วินาทีที่เธอยังไม่ได้เข้าถึงตัวนั้น ทั้งตัวเธอก็พลิกกลับมาในทันที แล้วทั้งตัวก็สัมผัสกับพื้นดินเข้าอย่างจังครั้งหนึ่ง
ตึง!
ตัวของสาวน้อยกระแทกบนพื้นจนเป็นหลุมตื้นๆ
ตอนที่เธอปรับสายตาได้แล้ว ฉับพลันนั้นก็มองเห็นสาวงามสุดๆ คนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า…เธอถูกผู้หญิงคนนี้เล่นงานแล้ว
แต่นี่ยังไม่จบ ฝ่ามือทรงพลังของคุณสาวใช้ซัดลงบนท้องของสาวน้อยทันที
ราวกับว่าอวัยวะภายในทั้งหมดของหลี่ว์อีอวิ๋นถูกกระแทกจนฉีกขาด ฉับพลันเธอก็กระอักเลือดสดสีเขียวเข้มออกมา
ในขณะที่หลี่ว์อีอวิ๋นคิดว่าโดนซัดอีกหน่อยคงเอาชีวิตไม่รอด คุณสาวใช้กลับไปยืนอยู่ข้างหลังลั่วชิว
หลี่ว์อีอวิ๋นกระอักเลือด สองขาสั่นเทา พยุงตัวลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองชายหนุ่มคนนี้ด้วยความหวาดกลัวและโกรธแค้นเช่นเดียวกัน กัดฟันพูดว่า “ทำไมไม่ฆ่าฉันไปเลยล่ะ?”
“ผมเคยบอกแล้ว ผมมาช่วยคุณ” ลั่วชิวตอบ “สัญชาตญาณปีศาจในตัวคุณสะสมมาจนถึงระดับที่หยุดไม่ได้อีกแล้ว แถมกลืนกินสติสัมปชัญญะของคุณไปอย่างร้ายแรง แน่นอนว่า จะกำจัดแบบขุดรากถอนโคนไปเลยก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากอะไร เพียงแต่…”
เจ้าของร้านลั่วแววตาเปลี่ยนไปและไม่ได้พูดรายละเอียดต่อ แค่ส่ายหน้า
“ฉันสบายดี! ฉันไม่ต้องให้คุณมาช่วยฉัน!” หลี่ว์อีอวิ๋นยื่นมือไปชี้หน้ามั่วมั่วด้วยความโกรธ แต่กลับจ้องลั่วชิว “คุณก็เหมือนกับเจ้าหมอนี่นั่นแหละ!”
ทันใดนั้น
มีเสียงดังขึ้นมา
นั่นเป็นเสียงของหลี่ว์ไห่ เสียงที่หนักแน่น เศร้าขมขื่น “อีอวิ๋น วางมือเถอะ”
หลี่ว์อีอวิ๋นมองตามเสียงไป เห็นเพียงหลี่ว์ไห่ประคองหลี่ว์ปู้ไห่เดินมาอย่างช้าๆ หลี่ว์ปู้ไห่ยังคงเลื่อนลอยไร้สติอยู่ คนพยุงเขาไป เขาก็เดินไปแบบนี้ช้าๆ
“พ่อ…คุณปู่…” หลี่ว์อีอวิ๋นก้าวถอยหลัง ส่ายหน้า พูดด้วยความเจ็บปวดว่า “พ่อ…ทำไมพ่อต้องมาด้วย…อย่าเข้ามานะ อย่ามองหนู! อย่ามองหนู!!”
“ทำไมพ่อจะมองลูกไม่ได้ล่ะ? ไม่ว่าลูกจะเปลี่ยนไปยังไง ลูกก็ยังเป็นลูกสาวของพ่อเสมอ” หลี่ว์ไห่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดว่า “ลูกเป็นลูกสาวของพ่อ พ่อก็ต้องกล้ามองสิ…ดังนั้น อีอวิ๋นวางมือเถอะ ความเกลียดแค้นชิงชังไม่เหมาะกับลูกเลยนะ”
หลี่ว์อีอวิ๋นกุมหัวไว้ ก้าวถอยหลังไปทีละก้าวทีละก้าว แววตาของเธอสั่นไหว เธอมองหลี่ว์ไห่ เสียงของเธอแหลมสูง “เพราะอะไร! เพราะอะไรพ่อถึงให้อภัยคนพวกนั้นได้!! เพราะอะไรกัน! หลายปีมานี้! ทำไมพ่อถึงไม่พูดอะไรเลย! เพราะอะไร…เพราะอะไรกัน!!!”
หลี่ว์ไห่สูดลมหายใจแรงๆ เข้าไปลึกๆ พูดว่า “เพราะว่า คนที่สร้างไวรัสของโรคนี้ขึ้นมา ไม่ใช่ใคร…แต่บังเอิญว่าเป็นย่าแท้ๆ ของลูกเองนะสิ!”
สาวน้อยหยุดชะงักทันที แววตาขยายใหญ่ขึ้น ริมฝีปากเธอสั่นระริก แล้วส่ายหัวน้อยๆ อย่างช้าๆ “ไม่…ไม่…พ่อหลอกหนู พ่อหลอกหนู…พ่อหลอกหนู!!!!!”
หลี่ว์ไห่พูดเสียงขมขื่นว่า “พ่อไม่ได้หลอกลูก…นี่เป็นเรื่องจริงแท้ที่สุด เป็นเรื่องที่คุณปู่ของลูกบอกพ่อกับปากท่านเอง ตอนนั้น คุณย่าของลูกก็เป็นหนึ่งในคนที่วางแผนนั่น และยังเป็นคนในกลุ่มวิจัยและพัฒนา ต่อมาห้องทดลองถูกโจมตี คุณย่าของลูกก็หนีออกมาเหมือนกัน เพียงแต่เธอไม่ระวังตกลงไปในทะเลสูญเสียความทรงจำ สุดท้ายก็ถูกพัดมาที่หมู่บ้านนี้ คุณปู่ของลูกแต่งงานกับเธอ แล้วให้กำเนิดพ่อมา แต่ว่า…”
หลี่ว์ไห่พูดอย่างจนใจ “แต่ว่า ตอนนั้นคนที่หนีออกมาไม่ได้มีแต่คุณย่าของลูกเท่านั้น ยังมีซะไก ทัตสึโอะ นายคนนี้เก็บรักษาไวรัสในห้องทดลองไว้อยู่ เรื่องราวต่อจากนั้น ลูกก็น่าจะรู้แล้ว จนกระทั่งหมู่บ้านปรากฏคนที่ติดโรค คุณย่าของลูกสะเทือนใจจากเรื่องนี้ ความทรงจำทั้งหมดจึงฟื้นกลับมาทันที เธอนึกว่าไวรัสของโรคนี้อาจจะติดมากับตัวเธอตอนตกทะเลแล้วแพร่กระจายมาที่นี่ แล้วมีคนเปิดยาในหลอดทดลองออกโดยไม่ทันระวัง ก็เลยเอาแต่โทษตัวเองอยู่ตลอด…แต่เธอก็ไม่รู้ว่า ซะไก ทัตสึโอะที่มาจากห้องทดลองเดียวกันก็แอบออกมาถึงที่นี่เหมือนกัน และซ่อนตัวอยู่ในบ้านหวงเหล่าเซียนกู”
หลี่ว์ไห่ส่ายหัว “เขาได้รับบาดเจ็บ ไม่เคยออกไปจากบ้านของหวงเหล่าเซียนกูเลย แต่หลังจากคุณย่าของลูกแต่งงานกับคุณปู่แล้วก็ย้ายไปท้ายหมู่บ้าน ไม่ได้เจอกัน และก็ไม่รู้การมีอยู่ของทั้งสองฝ่าย จนกระทั่งชาวบ้านมุ่งมาในบ้านของพวกเรา จับตัวคุณย่าของลูกไว้…”
หลี่ว์ไห่มองดูหลี่ว์อีอวิ๋น “คุณย่าของลูกคิดว่าตนเองมีความผิดสมควรได้รับโทษ เธอจึงไม่เคยโกรธแค้นใครเลยสักคนจนวาระสุดท้าย…แล้วทำไมพวกเราถึงต้องไปโกรธแค้นล่ะ? หลายปีมานี้ คนที่เจ็บปวดที่สุด คือคุณปู่ของลูกต่างหากล่ะ!”
“ไม่จริง…ไม่จริง…”
หลี่ว์ไห่พูดอย่างเจ็บปวดว่า “ถ้าตอนนั้นคนที่ฆ่าคุณย่าของลูกเป็นฆาตกรทั้งหมด อย่างนั้นพวกเรา…พวกเราก็เป็นลูกหลานของผู้ทำความผิด ลูกวางมือซะเถอะ…คนที่ผิดคือพ่อเอง พ่อคิดว่าไม่บอกเรื่องพวกนี้กับลูกจะเป็นผลดีต่อลูก แต่พ่อไม่รู้ว่าเบื้องหลังลูกจะต้องทุกข์ทรมานมากมายขนาดนี้ ตอนที่พ่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาที่คลินิกเล็กๆ ได้ยินหลี่ว์ไห่กับลูกคุยโทรศัพท์กัน พอพ่อบีบบังคับถามความจริงจากเขา พ่อถึงได้รู้ว่า…ทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อเอง”
หลี่ว์อีอวิ๋นก้มหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้นในลำคอ น้ำตาหยดใสๆ ไหลพรั่งพรูออกมาจากนัยน์ตาสีฟ้าเข้ม “หนู…หนูทำไปเพื่ออะไรกันแน่…หนูทำไปเพื่ออะไรกันแน่!!!”
“อีอวิ๋น!” หลี่ว์ไห่ตะโกนเรียกไปครั้งหนึ่ง
หลี่ว์อีอวิ๋นเงยหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มเศร้าแต่งดงาม เธอพูดเสียงแผ่วเบาว่า “พ่อคะ…หนูไม่โทษพ่อหรอก เพียงแต่ เพียงแต่ เพียงแต่…หนู หนูถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว ขอโทษนะคะ…อ๊า!!!!!!”
หลี่ว์อีอวิ๋นกุมหัวด้วยความเจ็บปวด เปล่งเสียงร้องสูงแหลมที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา
ดวงตาทั้งสองของเธอมีน้ำตารินไหลเป็นสีเลือดต่างจากพวกมนุษย์ หันตัวพุ่งไปทางหน้าผาแหว่งนั่นทันที…กำลังจะกระโดดลงไป
ลั่วชิวหยีตา และตบแผ่นหลังของหลี่ว์ปู้ไห่เบาๆ ในชั่วพริบตานั้นเอง ดวงตาที่ขุ่นมัวของหลี่ว์ปู้ไห่ก็เริ่มกลับมามีประกาย
ร่างกายของเขาก็เหมือนถูกผลักด้วยพลังมหาศาล กระเด็นลอยออกมาในทันที
หลี่ว์ปู้ไห่คว้าแขนของหลี่ว์อีอวิ๋นไว้ได้สำเร็จ เวลานี้หลี่ว์ไห่ก็รู้สึกตัวสะดุ้งเหมือนกัน กระโจนพุ่งตามไป คว้าเอวของหลี่ว์ปู้ไห่ไว้ได้
หลี่ว์อีอวิ๋นคิดจะขัดขืน แต่พอเห็นแววตาของคุณปู่ตัวเองกลับมาสดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งแล้ว ก็หยุดนิ่งไปทันที
“คุณปู่…”
“ความจำปู่ไม่ดีเอง”
หลี่ว์ปู้ไห่พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ปู่เคยเห็นหลานแอบร้องไห้ แต่ก็ลืมไปอย่างรวดเร็ว ปู่เห็นหลานเช็ดแอลกอฮอล์อยู่เงียบๆ แต่ก็ลืมไปอย่างรวดเร็วอีก และปู่ก็เห็นบาดแผลของหลานเหมือนกัน แต่ปู่ก็ยังลืมได้…ปู่ ปู่ลืมไปได้ยังไงกัน?”
“หลานเป็น หลานเป็นหลานสาวของปู่นี่!”
“คุณปู่ ช่วยหนูด้วย ฮือ…”
หลี่ว์อีอวิ๋นห้อยอยู่ริมหน้าผา ร้องไห้โฮเสียงดังพร้อมกับสายลมที่พัดมา
นัยน์ตาสีฟ้าค่อยๆ เลือนหายไป ฟันแหลมคมพวกนั้นก็ค่อยๆ กลับสู่สภาพเดิม ตอนที่หลี่ว์ไห่และหลี่ว์ปู้ไห่ดึงตัวเธอขึ้นมาทีละนิดๆ นั้น ลักษณะเฉพาะของปีศาจบนตัวสาวน้อยก็ค่อยๆ เลือนหายไปทีละเล็กละน้อย
แต่เธอยังคงซบอยู่ในอ้อมอกของหลี่ว์ปู้ไห่ เสียงร่ำไห้ดังกังวานใสราวกับเด็กทารก
มั่วมั่วมองหมอกควันสีดำที่โผล่ออกมาเป็นสายจากตัวหลี่ว์อีอวิ๋นอย่างคาดไม่ถึง พูดอย่างไม่อยากเชื่อว่า “เธอเกือบจะกลายเป็นปีศาจเต็มตัวแล้ว…คิดไม่ถึงว่า คิดไม่ถึงว่ายังกลับตัวได้อีก?”
“ในตัวเธอยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ไม่ใช่เหรอ? ดวงวิญญาณของมนุษย์เป็นสิ่งที่วิเศษมาก ขอเพียงมีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอขับไล่ความมืดมิดที่มีในใจทั้งหมดไปได้”
เสียงของลั่วชิวดังอยู่ข้างๆ หูมั่วมั่ว เขาเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่คนนี้ อ้าปากค้าง สุดท้ายก็ยังไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
แต่ที่หน้าผาแหว่งของหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้ ปรมาจารย์หนุ่มแห่งเขาพยัคฆ์มังกรคนนี้กลับเคยคิดจะกำจัดเธอทิ้ง เพราะคิดว่าเธอไม่อาจกลับตัวได้
มั่วมั่วก้มหน้า เขาถอนหายใจโล่งอกทันที นั่งขัดสมาธิลงไปบนพื้นอย่างสบายใจ แล้วหลับตาสองข้างลง ใต้ผิวหนังทั่วทั้งตัวมีแสงสีทองไหลเวียนอยู่บางๆ
ลั่วชิวมองมั่วมั่วอย่างแปลกใจเล็กน้อย พูดด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่า “นี่ก็คือการตรัสรู้ของลัทธิที่มิใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ที่ไท่อินจื่อเคยพูดถึง?”
คุณสาวใช้กลับพูดด้วยความเบิกบานใจว่า “อย่างนี้ก็ยิ่งรอคอยการมาเยือนของมั่วมั่วเลยล่ะค่ะ”
“…”
เจ้าของสมาคมรู้ว่ารูปแบบความคิดของสาวใช้ไม่เหมือนกับตัวเอง แต่ก็วางตัวที่จะไม่โต้แย้งอะไร