สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 3 ตอนที่ 7 ตำนาน (1)
มั่วมั่วสงสัยประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าของกิจการนี้อย่างแรง…ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ แล้ว คาดไม่ถึงว่ายังหาคนมาไม่ได้
ตัวคนสร้างคุณงามความดีเดินโลดแล่นอยู่ในเมือง แหล่งที่มาของเงินสำหรับเขาแล้วไม่ได้ลำบากเลย ผู้สืบทอดคนปัจจุบันแห่งเขาพยัคฆ์มังกรผู้ซึ่งมีความฝันอยากเป็นนักเลง บางครั้งถึงขั้นปล้นคนรวยช่วยคนจนโดยไม่เผยนามอีกด้วย
แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าเวลาเป็นเงินเป็นทอง เขาจึงหมดความอดทนที่จะรอต่อไปแล้ว
ในตอนที่เขาคิดจะจากไป เถ้าแก่นักธุรกิจวัยกลางคนคนนั้นก็ปั้นหน้ายิ้มน่าเกลียดเดินเข้ามา
“คุณผู้ชายๆ ผมหาคนที่คุณต้องการมาให้แล้วครับ!” เถ้าแก่นวดหน้าผากแรงๆ ครู่หนึ่ง “คุณไม่รู้หรอกว่าผมพาป้าคนนี้มายากแค่ไหน ครั้งนี้ผมเกือบจะต้องคุกเข่าอยู่กับพื้นแล้ว ถึงได้เชิญป้าเขามาได้! แต่ว่าคุณวางใจได้ ป้าคนนี้เนี่ย เมื่อก่อนมีชื่อเสียง…เหอๆ จะบอกความจริงกับคุณไว้เลยนะ ตอนที่ผมยังเป็นหนุ่มน้อย ก็เคยได้ลิ้มลองแล้วล่ะ!”
เจ้าหมอนี่พูดอะไรอีกเนี่ย? มั่วมั่วมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง แต่เขาก็แค่อยากหาคนแก่คนหนึ่ง ในเมื่อนำตัวเธอมาได้แล้ว ก็ไม่ต้องไปใส่ใจกับคำพูดของเจ้าหมอนี่ “พอแล้ว เรียกเข้ามาเถอะ!”
เถ้าแก่นักธุรกิจหัวเราะฮาๆ แล้วพูด “วางใจได้ คุณต้องพอใจแน่นอน! ป้าแกไม่ได้เจอใครมานานแล้ว แต่งตัวช้าไปบ้างก็ปกติ มาๆ ๆ ป้าจินฮวา!”
มั่วมั่วกำลังดูเถ้าแก่นักธุรกิจคนนั้นจูงมือป้าคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาเกือบสะดุ้งโหยงตั้งแต่เห็นแวบแรก
ใบหน้าราวกับเปลือกต้นไม้ใหญ่ ปัดบรัชออนสีแดงวงกว้างสองข้างซ้ายขวา และบนริมฝีปากเหี่ยวแห้งก็ทาลิปสติกสีแดงสด ผมสีขาวดอกเลารวบขึ้นมา ประดับด้วยดอกไม้เล็กๆ สีเหลือง…น่าจะเป็นดอกที่เพิ่งเด็ดมา
ป้าสวมชุดกี่เพ้าแบบโบราณทั้งชุด แต่กลับปกปิดเรือนร่างอ้วนฉุไว้ไม่ได้…ป้าคนนี้ถือผ้าเช็ดหน้า เดินนวยนาดเข้ามา
เถ้าแก่นักธุรกิจหัวเราะฮาๆ เอามือปิดประตู “ขอให้มีความสุขนะครับ…สบายใจได้! จะไม่มีคนมารบกวนพวกคุณแน่นอนครับ”
มั่วมั่วขยับริมฝีปาก
ที่จริงทักษะการได้ยินของเขานั้นดีมากๆ แม้ว่านักธุรกิจวัยกลางคนคนนั้นปิดประตูจากไปแล้ว เขายังคงพอจะได้ยินเสียงพูดพึมพำของเจ้าหมอนี่แว่วๆ
“ไม่เข้าใจคนในเมืองพวกนี้เอาซะเลย…กินรสชาติฝืดคอแบบนั้นลงไปได้ คงเพราะกินของชั้นดีมาเยอะแล้ว บางครั้งก็อยากเคี้ยวหนังหมูบ้าง??”
…
ป้าคนนี้เป็นฝ่ายรุกเข้ามาแตะเนื้อแตะตัวของเขา แถมยังโปรยสายตาทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ทั้งยังใช้เรือนร่างทำท่าทางจะเบียดชนตัวเขาเบาๆ มั่วมั่วซึ่งมีความฝันอยากเป็นนักเลงเต็มอกกำลังขัดเกลาตนเองให้มีสัจจะจิตใจห้าวหาญ พยายามฝืนทำนิ่งเย็นชา
เขารู้แล้วว่าเถ้าแก่นักธุรกิจคนนั้นเข้าใจผิดเรื่องอะไรกันแน่
ตอนนี้ดวงตาทั้งคู่ของป้าส่องประกายจับไปที่มือของมั่วมั่ว พูดหัวเราะคิกๆ “หนุ่มน้อย อายุเท่าไรแล้วล่ะ?”
“ปีศาจร้ายจากที่ไหน!! ฉันจะจัดการแก!!”
มั่วมั่วผู้สืบทอดปรมาจารย์แห่งเขาพยัคฆ์มังกรคนปัจจุบัน พละกำลังวิ่งพลุกพล่านอยู่ในตัว เคร่งขรึมเปี่ยมอำนาจน่าเกรงขาม!
ราวกับเสียงพายุฟ้าฟาดดังมาแว่วๆ กลางอากาศ
แต่ป้าคนนี้ได้ถูกกาลเวลากัดกร่อนมาตั้งนานแล้ว ด้วยเป็นไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปทุกทีทำให้หูสองข้างของเธอไม่ได้ดีเหมือนตอนสาวๆ ไม่รู้ว่าตัวเธอเองกำลังตกอยู่ในคลื่นพายุอันตราย
ป้าลุกขึ้นยืนยิ้มตาหยี ปากเล็กๆ ที่เหลือแค่เหงือกเปิดอ้าออก “หนุ่มน้อย เสียเวลามานานแล้ว พวกเรารีบมาสนุกกันเถอะ! ตอนที่ได้ฉัน ต้องเบาๆ หน่อยนะ”
มั่วมั่วสูดลมหายใจลึกๆ ใกล้จะถึงจุดที่สติจะแตกแล้ว เขายื่นมือจิ้มลงไปบนหน้าผากของป้าคนนี้อย่างแรง ปากพึมพำคาถาหนึ่งขึ้นมา
ป้าคนนี้ถึงได้สงบลง
มั่วมั่วทำสมาธิจดจ่อ ไม่ว่อกแว่ก ฉับพลันนั้นทั้งตัวเขาก็มีรัศมีอันน่าเกรงขามราวรูปปั้นหินบูชาในวัดเก่าแก่ก็แผ่ออกมา ดวงตาทั้งคู่ทอประกายสายฟ้าสีทอง ส่องสว่างลงไปทั้งตัว
ป้าคนนั้นตัวสั่นเทิ้ม ตกใจหวาดผวา ตอนนี้ถึงได้มองมั่วมั่วด้วยความเคารพยำเกรง
“ฟังนะ! ฉันคือผู้สืบทอดปรมาจารย์แห่งเขาพยัคฆ์มังกรคนปัจจุบัน ครั้งนี้เดินทางมายังที่แห่งนี้แค่ต้องการกำจัดปีศาจร้ายที่มาระรานมนุษย์ที่นี่เท่านั้น! ผมมาหาป้า แค่อยากสืบข่าวเรื่องปีศาจในทะเล ป้าช่วยให้ความเคารพผมหน่อย!”
ฉับพลันนั้นป้าก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มองสีหน้าเคร่งขรึมของมั่วมั่วอีกครั้งแล้วคุกเข่าลงทันที ตลอดชีวิตนี้ไม่รู้จักว่าอะไรคืออารยชนผู้สูงส่ง ด้วยพบเจอเรื่องลี้ลับมามากมายตั้งแต่เด็กๆ เธอซึ่งไม่ได้เกิดวันที่สิบห้าเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติ*ย่อมเคารพศรัทธาเทพอยู่แล้ว ก็คิดว่าตนเองได้พบเจอกับเซียนตัวเป็นๆ
“อา ท่านเซียน ท่านเซียน ป้าไม่รู้ว่าเป็นท่านเซียน มีความผิดใหญ่หลวง มีความผิดใหญ่หลวง!”
มั่วมั่วนั่งลงมือจับกระบี่ราวกับนั่งลงบนหลังม้าถือทวน ชี้พลางพูดขึ้น “ผมมาถามป้า ป้ารู้หรือไม่ว่า หลายสิบปีก่อนมีเรื่องปีศาจทะเลอยู่แถวๆ นี้?”
ป้ารีบพยักหน้าพูด “รู้ๆ เรื่องในตอนนั้น ชีวิตนี้ป้าไม่มีทางลืมได้เลย!”
“ป้าเล่ามาให้ผมฟังอย่างละเอียดด้วย!” มั่วมั่วพูดเสียงเข้มขึ้นมาอีก ใช้วิชาลี้ลับมหัศจรรย์ของลัทธิเต๋าข่มขวัญจิตใจของอีกฝ่าย “อย่าได้ปิดบังสิ่งใด มิเช่นนั้นคงได้เสียเลือดเสียเนื้อ”
“เข้าใจแล้ว! เข้าใจแล้ว!” ป้าตัวสั่นเทา ไม่สนใจลุกขึ้นมา ก้มหน้าพลางตอบ “นั่น นั่นเป็นเรื่องเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อนแล้ว”
เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ในหมู่บ้านหลี่ว์เคยเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้นเรื่องหนึ่ง
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั่วทั้งหมู่บ้านหลี่ว์ก็เดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว ผู้คนต่างหวาดกลัวตื่นตระหนก เอาแต่หลบซ่อนอยู่แต่ในบ้านตัวเอง
ป้าถอนหายใจพลางพูด “ป้ายังจำได้ว่าวันนั้นก็เหมือนกับคืนนี้ พายุฝนตกลงมากะทันหัน เรือเล็กริมฝั่งพลิกคว่ำ ท้องฟ้าพลันมีเสียงฟ้าผ่าคำรามดังลั่น ดีนะที่ผ่าลงบนก้อนหินใหญ่ตรงผาฟังเสียงคลื่นพอดี แล้วมันก็กลิ้งตกทะเลไป…”
…
…
“ที่นี่ก็คือผาฟังเสียงคลื่น”
หลี่ว์อีอวิ๋นกำลังชี้ไปที่หน้าผาตรงหน้า ตรงนั้นมีเสียงคล้ายนกขมิ้น แต่งแต้มด้วยความสดใสที่มีเฉพาะสาวแรกรุ่นล่องลอยมาตามสายลม “เมื่อสิบปีก่อนเพิ่งมีการสร้างเส้นทางบนภูเขาเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวค่ะ สมัยฉันยังเป็นเด็ก จะปีนขึ้นเขาทีก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ ครึ่งวันเลยค่ะ”
รถขับขึ้นไปตามทางสายเล็กๆ ที่สร้างทอดตัวยาวตามภูเขา ลั่วชิวกำลังมองดูความงดงามของสองข้างทาง พลางถามขึ้นด้วยสนใจ “ทำไมผาแห่งนี้เหมือนขาดแหว่งไปมุมหนึ่ง?”
หลี่ว์อีอวิ๋นตอบ “ได้ยินว่า เมื่อนานมาแล้วที่นี่มีฟ้าผ่าใส่ค่ะ”
“ฟ้าผ่า?” เริ่นจื่อหลิงนิ่งอึ้ง
หลี่ว์อีอวิ๋นพยักหน้า
แล้วหลีจื่อก็ร้องตกใจทันที “พวกคุณดูนั่นสิคะ บนยอดผานั่นมีใครยืนอยู่หรือเปล่า?”
ทุกคนมองไปพร้อมกัน หลี่ว์อีอวิ๋นรีบร้องตกใจทันที “คุณพ่อ!!”
*เกิดวันที่สิบห้าเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติ เป็นความเชื่อคนในชนบท ลูกชายที่เกิดเดือนอ้ายขัดขวางความเจริญพ่อแม่และลูกสาวที่เกิดวันที่สิบห้าเดือนอ้าย (ตรงกับเทศกาลหยวนเซียว) จะชอบเที่ยวเล่นสนุกไปทั่ว ไม่เป็นมงคล