สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 3 ตอนที่ 8 ตำนาน (2)
สี่สิบกว่าปีก่อน ที่หมู่บ้านหลี่ว์เคยเกิดเรื่องน่ากลัวเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่เรื่องที่ผาฟังเสียงคลื่นถูกฟ้าผ่า ทว่าสำหรับคนหมู่บ้านหลี่ว์ นั่นอาจจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นหนึ่ง
หลังจากนั้นมา โรคประหลาดบางอย่างก็เริ่มลุกลามในหมู่บ้านประมงที่ตัดขาดจากโลกภายนอกนี้ เริ่มตั้งแต่คนแก่ที่ใช้ชีวิตลำพัง วัยรุ่นที่แข็งแรง ไปจนถึงเด็กเล็ก
“โรคประหลาด? โรคแบบไหนกัน?”
มั่วมั่วขมวดคิ้วมุ่น
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้ว แต่พอคุณป้าคนนี้นึกถึง บนใบหน้าก็ฉายแววความหวาดกลัว เธอพูดเสียงสั่นเครือว่า “นั่นไม่ใช่โรคประหลาด! นั่นคือคำสาปของผีปีศาจ! ใช่! เป็นคำสาป! ฉันเห็นกับตาตัวเองมาแล้ว! พี่ของฉัน! น่ากลัวมากเลย! น่ากลัวมากๆ!! พวกมัน…พวกมันไม่ใช่คน! พวกมันเป็นปีศาจ!”
“เงียบ!” มั่วมั่วตะคอกเสียงต่ำคำหนึ่ง บนปลายนิ้วมีแสงสีทองแวบผ่านไป แล้วกดที่ระหว่างคิ้วของคุณป้าอีกครั้ง
คุณป้าคนนั้นถึงได้สงบลงมาเล็กน้อย แต่บนใบหน้ายังมีท่าทางตกใจกลัวปรากฏให้เห็น เธอเบิกตาโตพลางพูดว่า “ตอนแรกเป็นมือสองข้าง จากนั้นก็เป็นขาสองข้าง! บางสิ่งที่มีรูเยอะๆ แข็งเหมือนเขากวางงอกออกมา จนสุดท้ายมือและขาทั้งสองข้างก็กลายเป็นบางสิ่งที่คล้ายกับปะการังก้นทะเล!”
พอป้าหันหน้ากลับมา ก็ยื่นนิ้วมือที่กำลังสั่นเทิ้มชี้ไปที่มุมหนึ่งของห้อง “วันนั้น ฉันเข้ามา ฉันก็มองเห็น! หลบอยู่ที่นี่! เธอหลบอยู่ที่ข้างหลังประตู งอตัวลงมา…เธอมองดูฉัน ทั้งน่าตกใจทั้งน่าหวาดกลัว ฉันตกใจแทบขาอ่อน…แล้วฉันก็วิ่งหนีออกไป”
มั่วมั่วไม่พูดไม่จา หลังจากป้าคนนั้นสงบลงแล้วถึงได้พูดต่อ “เป็นการลงโทษของเทพใต้ทะเล! หวงเหล่าเซียนกูกล่าวเอาไว้ เป็นพวกเราที่ไม่เคารพเทพทะเล ดังนั้นถึงได้ให้บทลงโทษแบบนี้กับพวกเรา!”
“หวงเหล่าเซียนกูนี่ใครกันอีกล่ะ?” มั่วมั่วถามทันที
คุณป้าตอบ “เป็นร่างทรงชรา เธอแม่นมาก สามารถเสี่ยงทายได้ สามารถเชิญคนตายขึ้นมาได้! เด็กเล็กๆ ในหมู่บ้านเพิ่งครบเดือน ถ้าถูกทำให้ตกใจกลัวแล้ว ก็จะขอให้หญิงชราอย่างเธอ ‘ร้องเรียกขวัญ’ ”
มั่วมั่วกลับแสยะยิ้มอยู่ในใจ หวงเหล่าเซียนกูเหรอ? หวงเหล่าเซียนกูลวงโลกน่ะสิ? หลายสิบปีก่อน
แผนชั่วที่แกล้งทำผีหลอกลวงในหมู่บ้านล้าหลังที่ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่ใช่สิ่งที่สืบทอดกันต่อมาจากลัทธิเต๋าแต่ละสำนัก บางอย่างเป็นความรู้ผิวเผินที่ไม่รู้ว่าเรียนมาจากที่ไหน บางอย่างก็เป็นการแสดงปาหี่ที่เอาไว้หลอกลวงผู้คน
“ต่อจากนั้นล่ะ?”
คุณป้ามองมั่วมั่วอยู่แวบหนึ่งด้วยสีหน้าสงสัยเต็มเปี่ยม แต่ว่าดวงตาทั้งสองที่เด็ดขาดยุติธรรมของเขา ทำให้เธอไม่กล้าปิดบัง จึงพูดด้วยเสียงต่ำๆ “หวงเหล่าเซียนกูบอกว่า อยากให้ความโกรธของเทพทะเลสงบลงมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมอบภรรยาที่เทพทะเลถูกใจ ไม่อย่างนั้นทั้งหมู่บ้านหลี่ว์ของพวกเราจะถูกคำสาปครอบงำ สุดท้ายก็จะกลายเป็นหินปะการังขยับเขยื้อนไม่ได้ทีละคนทีละคน!”
“ภรรยาของเทพทะเลนี่มันเรื่องอะไรกันอีก?” มั่วมั่วพูดอย่างไม่เข้าใจ
คุณป้าตอบ “ตั้งแต่โบราณมา คนหมู่บ้านหลี่ว์ของพวกเราจะไม่แต่งงานกับคนนอก…แต่หลายปีก่อนที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น คนตกปลาในหมู่บ้านคนหนึ่งแต่งผู้หญิงข้างนอกเข้ามา ที่มาที่ไปของผู้หญิงคนนั้นก็บอกได้ไม่แน่ชัด ได้ยินมาว่าคนตกปลาช่วยขึ้นมาจากริมทะเล”
คุณป้าหยุดไปพักหนึ่งแล้วพูดขึ้น “หวงเหล่าเซียนกูบอกว่า เดิมผู้หญิงคนนั้นจะแต่งงานไปสู่ก้นทะเล แต่ว่าเวลาผ่านเลยไปก็ไปไม่ถึงสักที ที่แท้ถูกคนพากลับบ้านไป แล้วยังแต่งเป็นภรรยาให้กำเนิดลูก เทพทะเลรู้เข้าถึงได้โมโหยกใหญ่! จึงคาดโทษหมู่บ้านหลี่ว์ของพวกเรา!”
“ต่อมาพวกคุณก็เซ่นไหว้ผู้หญิงคนนั้นให้เทพทะเลไปแล้วจริงๆเหรอ?” มั่วมั่วลูบคิ้ว
คุณป้าพยักหน้า พูดเสียงเบา “ก็ตรงผาฟังเสียงคลื่นส่วนที่เคยถูกฟ้าผ่านั่นแหละ…วันนั้นคนทั้งหมู่บ้านมากันหมดเลย พวกเรา พวกเรา…มัดผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ หลังจากทำพิธีไปแล้วรอบหนึ่ง ก็โยนคน…ลงไป”
“คนเลว! เหลวไหลไร้สาระ!!”
ฝ่ามือของมั่วมั่วตบลงบนโต๊ะอย่างแรง พูดสบถว่า “คนอย่างพวกคุณนี่เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา!”
เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง กำลังมองดูคุณป้าที่ไม่กล้าพูดต่อ ก่อนพูดเสียดสีว่า “แล้วยังไงต่อ? คนในหมู่บ้านก็อยู่กันดี?”
คุณป้าถึงได้พูดเห็นด้วยว่า “ต่อมาสาวกของหวงเหล่าเซียนกูก็เอาคนที่ถูกสาปพวกนั้นมารวมตัวกัน แล้วส่งลงไปในทะเลเพื่อเป็นสินเดิมของฝ่ายหญิง…แต่ว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมา คนในหมู่บ้านก็ไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้อีกเลย! ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว!”
มั่วมั่วหรี่ตา หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักถึงได้ถามว่า “แล้วต่อมาร่างทรงชราคนนั้นล่ะ?”
คุณป้าตอบ “ต่อมา มีทหารจำนวนหนึ่งมาในหมู่บ้าน แล้วจับเธอไป บอกว่าจะทำลายผนึก ความลุ่มหลง ความศรัทธา หรือทำลายพวกวัฒนธรรมเก่าๆ ทั้งสี่อะไรนี่แหละ…”
“โง่เขลา เบาปัญญา เลอะเลือน!” มั่วมั่วส่งเสียงสบถ
แล้วจึงยื่นมือไปตบหน้าผากของคุณป้าคนนั้นเล็กน้อย หลังจากป้าสลบไปถึงได้ถอนหายใจอย่างแรง ก่อนออกจากที่แห่งนี้ไป
…
…
หลายปีมานี้ เลขาหมู่บ้านคนใหม่ที่ส่งมาจากข้างนอกเริ่มพัฒนาหมู่บ้านหลี่ว์ให้เป็นสถานที่พักตากอากาศ ผาฟังเสียงคลื่นก็ถูกพัฒนาให้เป็นจุดชมวิวท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังสร้างรั้วป้องกันเอาไว้ที่นี่ แล้วตั้งป้ายหินสลักตำนานที่ผาฟังเสียงคลื่นเคยถูกฟ้าผ่าเอาไว้
หลี่ว์ไห่ที่หลีจื่อกำลังนั่งอยู่บนรั้วกั้นของริมหน้าผาด้วยตัวสั่นเทิ้ม อาจจะร่วงลงไปได้ตลอดเวลา
ตอนนี้หลี่ว์อีอวิ๋นย่อมมีสีหน้าตกใจเป็นธรรมดา
เริ่นจื่อหลิงก็ขับมาอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานนักมินิคลับแมนคันสีแดงก็มาถึงยอดหน้าผา หลี่ว์อีอวิ๋นวิ่งพุ่งลงไปจากรถทันที
ตรงที่หลี่ว์ไห่นั่งยังมีกระป๋องเบียร์กระจัดกระจายเต็มไปหมด
และมีรถจักรยานคันหนึ่งล้มอยู่ข้างๆ คิดดูแล้วคงถูกพายุพัดล้มลงมา
“พ่อ! พ่ออย่าทำเรื่องโง่ๆ นะ!”
หลี่ว์อีอวิ๋นตาแดงก่ำ เธอวิ่งไปอยู่ข้างๆ หลี่ว์ไห่แล้วจับข้อมือข้างหนึ่งของเขาเอาไว้
ยังดีที่หลี่ว์ไห่เหมือนไม่ได้คิดจะต่อต้าน ดวงตาของเขาสะลึมสะลือ ท่าทางกึ่งเมากึ่งมีสติ กำลังมองดูหลี่ว์อีอวิ๋น ผ่านไปสักพักถึงได้สติ “อีอวิ๋น ลูกมาแล้ว…ฮ่าๆ …มาๆ ดื่มเป็นเพื่อนพ่อสักหน่อยสิ ฮ่าๆ …”
“พ่อ พ่อ พ่อลงมาก่อน!”
“ลงมาทำอะไร…ตรงนี้ดีออก ลูกดูวิวนี้สิ สวยมากเลย! ลูกดูทะเลนี่สิ…ลูกลองดูนี่สิ ลมกำลังสบายเลย…”
เกรงว่าหลี่ว์ไห่คงอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งตัวจึงเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน จนตอนนี้ก็ยังไม่แห้งดี เกรงว่าเขาคงทนหนาวมาทั้งคืน ริมฝีปากจึงซีดเผือดไปหมด
ตอนนี้เริ่นจื่อหลิงส่งสายตาให้ลั่วชิวแวบหนึ่งเป็นนัย
ลั่วชิวก็พยักหน้าตอบ แล้วทั้งสองคนก็ย่องไปที่ด้านหลังของหลี่ว์ไห่ พร้อมกับออกแรงจับไหล่ของเขาเอาไว้ แล้วฉุดตัวคนลงมาจากบนรั้วกั้นทันที
หลี่ว์ไห่ที่ถูกกดลงบนพื้นยังมีท่าทางเลอะเลือน
คลานบนพื้นอยู่หลายตลบ ก่อนยื่นมือคิดจะคว้ากระป๋องเบียร์บนพื้นใบหนึ่งเอาไว้
ทันใดนั้น หลี่ว์ไห่ก็หันตัวมาราวกับเป็นบ้าไป เอาแต่ส่ายหัวไปมา พร้อมกับปัดป่ายมือไปทั่ว คำรามเสียงดังว่า “พวกคุณคิดจะทำอะไร! พวกคุณ! พวกคุณมันปีศาจ!! พวกคุณคิดจะทำอะไร!! พวกคุณโยนแม่ของผมลงไปยังไม่พอเหรอ? มาสิ!! โยนพวกเราลงไปด้วยสิ!! พวกคุณมันสัตว์เดรัจฉาน!! มาสิ!! มาเลย…”
เขาร้องไห้โฮยกใหญ่
“มาเลยสิ…”