สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 15 พ่อลูกและการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
แน่นอนว่า เมื่อกี้นี้แอนดริวไม่ได้กลัวว่าจะมีคนมาสร้างความวุ่นวายที่บ่อนพนันของตัวเองเลยจริงๆ เพราะอีกฝ่ายมีแค่สองคนเท่านั้น!
ถ้าคุณเคกล้าทำแบบนี้จริงๆ ล่ะก็ ถึงแม้จะเป็นคนใหญ่คนโตค้ำฟ้า แอนดริวก็ไม่คิดจะให้เขาเดินเข้าประตูบ่อนพนันแห่งนี้ได้ง่ายดายแบบนี้หรอก
แต่เขาค่อนข้างหวาดกลัวไปบ้างเท่านั้นเอง
ทั้งกลัวคุณเคที่ลึกลับคนนี้ ทั้งกลัวเรื่องที่เขามีตั๋วเข้าสนามการแข่ง ‘โกลด์รัช’ ถ้าบอกว่าสองคนนั้นเดินเข้ามาด้วยท่าทางโอ้อวดโดยที่ไม่มีทักษะพิเศษก็คงไม่มีใครเชื่อ
“คุณแอนดริวครับ นี่คือนักมวยที่ดีที่สุดในสังเวียนมวยคุณแล้วเหรอครับ?”
ลั่วชิวมองดูนักมวยคนหนึ่งที่มีกล้ามเนื้อกำยำล่ำสันอยู่หลังกระจกบานใหญ่ที่กั้นแบ่งเป็นห้อง เขาส่ายหน้าอย่างไม่คิดปิดบังเลย แม้ว่านักมวยที่อยู่ด้านในจะกำลังแสดงความเก่งกาจของเขาอย่างสุดความสามารถก็ตาม
“ทำไมครับ หรือว่าคุณเคไม่พอใจเหรอครับ?” แอนดริวยิ้มแล้วพูดว่า “เขาเคยรับราชการในกองทัพมาก่อน ในนักมวยที่ฝึกฝนด้วยเงื่อนไขระดับเดียวกัน ประสบการณ์การต่อสู้ของเขาจะต้องเหนือชั้นกว่าคนอื่นแน่นอน”
ลั่วชิวพูดอย่างเฉยเมยว่า “ถ้านี่คือนักมวยดีที่สุดที่คุณแอนดริวหาได้แล้วล่ะก็ ผมว่าพวกเราก็ไม่ต้องคุยกันแล้วครับ”
เจ้าของสมาคมหันตัวกลับมาพยักหน้าเล็กน้อยอย่างสุภาพให้แอนดริว “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“กรุณารอสักครู่ครับ” แอนดริวกางแขนห้ามไว้ทันที แล้วให้คนข้างๆ เขาถอยออกไป
ภายในห้องที่ใช้คัดเลือกนักมวยนี้ เหลือแค่เขาและพวกลั่วชิวเท่านั้น ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพื่อแสดงความจริงใจของตัวเอง และหวังว่าจะได้รู้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น
“ไม่ทราบว่าคุณเคจะพิสูจน์ว่าตัวเองมีบัตรเข้าสนาม ‘โกลด์รัช’ ได้อย่างไรครับ?”
“ไม่ต้องพิสูจน์หรอกครับ” ลั่วชิวพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่ตอนนี้ ทางคุณแอนดริวไม่มีนักมวยที่ผมต้องการ นี่ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
แอนดริวเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ความจริงแล้วเขาไม่ชอบสุงสิงกับคนที่มีที่มาไม่ชัดเจน และไม่เชื่อคนแปลกหน้าง่ายๆ แบบนี้
แต่เขากลับคิดว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่หาได้ยากครั้งหนึ่ง ยิ่งเข้าใกล้เรื่องของคุณเคเท่าไร หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ แอนดริวถึงขนาดแยกแยะไม่ออกว่านี่คือความกังวลหรือความตื่นเต้นกันแน่ แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่าการคบค้าสมาคมกับคุณเคคนนี้เป็นเรื่องที่อันตราย
ยิ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ผลตอบแทนที่ได้รับก็ยิ่งมากขึ้นด้วย แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีตั๋วเข้าสนามแข่งเลย แต่ถ้าคิดอยากจะได้นักมวยในมือของเขาโดยไม่จ่ายอะไรเลย ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน
หลังจากไตร่ตรองไปแล้ว แอนดริวก็พูดช้าๆ ว่า “คุณเค ในมือผมมีนักมวยชั้นดีคนหนึ่ง และมีคนที่มากประสบการณ์เหนือชั้นอีกคนหนึ่ง แต่ว่าอายุออกจะมากไปหน่อย อีกทั้งสองคนนี้ยังไม่เชื่อง ไม่ทราบว่าคุณเคสนใจหรือเปล่าครับ?”
“แน่นอนครับ” เจ้าของร้านลั่วสวมบทเป็นคุณเค พูดพลางยิ้มน้อยๆ ว่า “ยิ่งเป็นสัตว์ดุร้ายยากจะทำให้เชื่องเท่าไร ก็แสดงว่าพวกมันทรงพลังมาก ผมจะตั้งหน้าตั้งตาคอยนะครับ”
“เอาตัวสองคนนั้นมา”แอนดริวเปิดประตูแล้วพูดสั่งลูกน้อง
ผ่านไปไม่นานนัก อันทอนและโอเล็กก็ถูกคนพามากลางห้องที่มีกระจกด้านเดียวกั้นเอาไว้ สีหน้าทั้งสองคนไม่สู้ดีนัก แต่แววตาของโอเล็กยังมีความดุดันอยู่ แต่อันทอนกลับดูไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด
แอนดริวมองดูแววตาพิจารณาของพวกคุณเค เขายิ้มแล้วพูดว่า “คุณเคครับ เจ้าของนักมวยที่ดีย่อมมองคุณค่าของนักมวยออก ผมคิดว่าคุณเคคงมองเห็นจุดที่ไม่ธรรมดาของทั้งสองคนนี้ได้นะครับ”
ลั่วชิวกลับพูดอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนว่า “ต่อให้สัตว์จะดุร้ายแค่ไหน หากถูกถอนเขี้ยวเล็บออกแล้ว ก็แค่ดุร้ายน่ากลัวกว่าละมั่งนิดหน่อย ไม่ได้ถือว่าแข็งแกร่งอะไร”
แอนดริวพูดเสียงเรียบเฉยว่า “เจ้าสองคนนี่แค่ถูกผมฉีดยาชาไปเท่านั้น ผมเคยบอกไว้แล้วว่าผมยังไม่ได้ทำให้พวกเขาเชื่องอย่างเต็มที่ ผมก็ไม่ได้อยากใช้วิธีทุบตีแบบนี้มาทำให้พวกเขาเชื่อฟัง นักมวยที่โดดเด่นไม่ควรได้รับบาดเจ็บแม้เพียงน้อยนิด นอกเสียจากอยู่ในสังเวียนมวย”
ลั่วชิวพูดขึ้นทันที “เจ้าสองคนนี้ คนไหนร้ายกาจกว่ากัน?”
แอนดริวชะงักไป นี่ก็เป็นเรื่องที่เขาเคยคิดเหมือนกัน
ลำพังจากพลังที่สังเกตเห็นได้โดยตรงล่ะก็ อันทอนเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่ทำแบบขอไปทีอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งเขายังหนุ่มมากพอ แน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่งกว่าโอเล็กที่อายุเลยสามสิบปีไปแล้วอยู่มาก
แต่ทว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์ในห้องหนังสือไปแล้ว ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่าอันทอนเป็นเพียงคนมีพลังเยอะคนหนึ่งเท่านั้น แต่โอเล็กกลับเก่งเรื่องการสังเกต อีกทั้งยังสงบเยือกเย็นมากพอ
“สองคนนี้…” แอนดริวคิดสักพักแล้วพูดว่า “ผมว่าแต่ละคนก็มีข้อดีในตัวเอง ผมให้คำตอบที่ถูกต้องกับคุณไม่ได้หรอกครับ”
“งั้นก็น่าเสียดายจริงๆ นะครับ พวกเขาใช้ได้เลย” ลั่วชิวพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่ผมต้องการนักมวยแค่คนเดียวเท่านั้น แต่ถ้าคุณแอนดริวแนะนำให้ไม่ได้ งั้นก็น่าปวดหัวจริงๆ เลยครับ…”
ลั่วชิวเลิกคิ้วขึ้นทันที พร้อมแสดงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่คนร้ายในละครเท่านั้นถึงจะทำ “งั้นก็ให้ทั้งสองคนนี้แข่งสังเวียนชี้เป็นชี้ตายกันสักรอบ คนไหนชนะก็เอาคนนั้น…แน่นอนว่าคนที่แพ้ ผมก็จะชดเชยให้คุณแอนดริว ไม่ให้คุณเสียเปรียบแน่นอน”
“คุณจะให้พวกเขาสู้ชี้เป็นชี้ตายกันเหรอครับ?” แอนดริวขมวดคิ้วทันที
“แน่นอนครับ!” ลั่วชิวพูดพร้อมยิ้มเล็กน้อย “คุณแอนดริว ที่ผมจะเข้าร่วมคือการแข่ง ‘โกลด์รัช’มันคืออะไรคุณคงรู้ดี ถ้าไม่ลองปรับตัวให้เข้ากับการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย และไม่กล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับกฎที่มีแต่ต้องตายเท่านั้น แล้วผมจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้ล่ะครับ?”
เขาพูดไม่ผิดเลยจริงๆ แต่แอนดริวกลับไม่ได้ตอบรับอีกฝ่ายไปตรงๆ ทว่ากลับหรี่ตาลง
ลั่วชิวนั่งลง แล้วคุณสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็เดินไปข้างหน้าแอนดริวอย่างเย็นชา ระหว่างนิ้วหนีบเช็คเอาไว้ใบหนึ่ง “นี่ถือว่าเป็นเงินวางมัดจำ ถ้าทำให้บอสของพวกเราพอใจได้ล่ะก็ ราคาไม่ใช่ปัญหาเลย”
ถ้าเช็คใบนี้เป็นของจริงล่ะก็ แอนดริวก็ต้องยอมรับเลยว่า ตัวเลขด้านบนทำให้เขาใจเต้นมากจริงๆ
แล้วยัง…เป็นแค่เงินวางมัดจำเท่านั้น!
พูดตามความจริง ถึงแม้ว่าอันทอนและโอเล็กเป็นสินค้าที่ดีมากจริงๆ แต่พวกเขาไม่ใช่คนที่แอนดริวทุ่มเทฝึกฝนปั้นออกมา!
พูดตรงๆ สักหน่อย สองคนนี้แทบไม่ต่างกับการเก็บกลับมา เพียงแค่เงินวางมัดจำอย่างเดียว ก็ทำให้เขากอบโกยได้เยอะแล้ว
“คุณเคเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ด้วยนะครับ”
แอนดริวกลับส่งเช็คคืน พูดอย่างใสซื่อว่า “ผมไม่เอาเงินมัดจำก็ได้ครับ คุณไม่ต้องจ่ายเงินค่านักมวยหรอกครับ ผมต้องการแค่…พอจบการเปิดการแข่ง ‘โกลด์รัช’ ปีนี้ คุณเคช่วยแนะนำผมเป็นผู้มีคุณสมบัติเข้าร่วมก่อนการแข่งขันครั้งต่อไปก็พอครับ”
ลั่วชิวพูดอย่างไม่ยินดียินร้ายว่า “คุณแอนดริวคิดว่าผมจะให้ตัวเองมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกคนในอนาคตเหรอครับ?”
แอนดริวพูดอย่างสุขุมเยือกเย็นราวกับคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว “หรือว่าคุณเคไม่อยากมีพันธมิตรหลังการแข่งขัน ‘โกลด์รัช’ ครั้งนี้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน?แม้ว่าสุดท้ายจะมีผู้ชนะเพียงแค่คนเดียว แต่อุปสรรคระหว่างทางยังคงมีอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบนะครับ”
ลั่วชิวถือโอกาสลุกขึ้นมา แล้วมองอันทอนกับโอเล็กทั้งสองคนหลังกระจกบานนั้นแวบหนึ่ง “พวกเขาจะฟื้นตัวได้ไวสุดเมื่อไหร่ครับ? ผมอยากจะเห็นการดวลชี้เป็นชี้ตายนี้ด้วยตาตัวเอง”
“ขอแค่ยาชาหมดก็ใช้ได้แล้วครับ” แอนดริวพูดอย่างเฉยเมยว่า “ด้วยร่างกายของเขา แค่เสริมสารอาหารบางอย่างเข้าไป ผมว่าพอถึงเที่ยงคืนวันนี้ คุณเคก็ชมการประลองสนุกๆ เร้าใจได้รอบหนึ่งแล้ว ผมจะเตรียมที่นั่งวีไอพีในสังเวียนมวยของผมให้คุณเคเลยครับ”
“งั้นรบกวนคุณด้วยแล้วกันนะครับ คุณแอนดริว” ลั่วชิวพยักหน้าเล็กน้อย “หวังว่านี่จะเป็นการร่วมมือที่ดีนะครับ”
แอนดริวก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมก็หวังว่านี่จะเป็นการร่วมมือที่ดีเช่นกันครับ”
…
…
แอนดริวชอบขังคนไม่เชื่อฟังไว้ในกรงเหล็กที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนล่าสัตว์ป่ามาได้
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ เขากำลังมองอันทอนกับโอเล็กถูกขังในกรงเหล็กด้วยความพึงพอใจ
เขานั่งอยู่ที่นี่เป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และกำลังมองดูสีหน้าของทั้งสองคนอยู่ตลอด แม้กระทั่งแววตาของพวกเขา นี่ถึงจะเป็นอาหารจานหลักที่แอนดริวคิดว่าคุ้มค่าให้นึกถึงที่สุด
“คืนวันนี้ รอให้พวกแกหายชาก่อน ฉันจะให้พวกแกชกกันสักยก” แอนดริวใช้ฟันกัดซิการ์จนปริออก ก่อนจุดไฟ สูบควันและพ่นควันออกมา เย็นชาเหมือนกำลังควบคุมชะตาชีวิตของทั้งสองเอาไว้ “แต่ระหว่างพวกแก จะมีคนรอดชีวิตได้แค่คนเดียว”
อันทอนกับโอเล็กเงยหน้ามองแอนดริวพร้อมกัน
โอเล็กจำต้องแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “คุณครับ สมองของคุณอุดตันเพราะสารเสพติดในบุหรี่มากเกินไปหรือไง?”
แอนดริวพูดอย่างเฉยเมยว่า “พวกแกจะเลือกไม่ชกก็ได้ แต่ทางที่ดีพวกแกอย่าลืมว่ายังมีนิคิตะอยู่ในกำมือของฉันอีกคนหนึ่ง รู้ไหม? ในคฤหาสน์ชานเมืองของฉัน เลี้ยงหมีไซบีเรียสายพันธุ์แท้ไว้หลายตัว ฉันคิดว่าพวกมันจะต้องดีใจมากๆ ที่ได้มาร่วมวงกันสักมื้อ”
“แก!”
แอนดริวมองดูดวงตาเบิกโพลงของโอเล็ก แล้วพูดปนหัวเราะเบาๆ ว่า “โอเล็ก ฉันจะเช็กเบื้องหลังใครสักคนในมอสโกเป็นเรื่องง่ายมาก…แกชื่อโอเล็ก แกมีลูกชายสิบขวบคนหนึ่ง เหมือนว่าหลายวันมานี้จะหนีออกจากบ้านไปแล้วนี่?ไม่รู้ว่าแกจะออกไปจากที่นี่ได้ไหม? เพราะถ้าแกเลือกไม่ชกล่ะก็ ฉันก็จำเป็นต้องกำจัดแกทิ้ง”
โอเล็กจับกรงเหล็กขนาดใหญ่เอาไว้ เพียงแต่ความชาในตัวยังไม่หายไป จึงโยกซี่กรงเหล็กที่ใหญ่โตแข็งแรงพวกนี้ไม่ได้
เขาต้องนั่งอย่างหมดกำลังใจบนพื้น เผลอมองไปทางอันทอนที่อยู่ข้างๆ
เขามองเห็นความกลัวในดวงตาของเด็กหนุ่มคนนี้ได้อย่างชัดเจน ราวกับกำลังวิงวอนเขา ว่าอย่าตอบรับคำขอของแอนดริวอย่างไรอย่างนั้น
ไม่รู้ว่าแอนดริวออกไปจากที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่
กรงเหล็กที่นี่มีอยู่มาก แต่ที่ขังเอาไว้กลับมีแค่อันทอนและโอเล็กสองคน
หลังจากเงียบมาเป็นเวลานานมากแล้ว โอเล็กก็ค่อยๆ หลับตาลง แล้วหันไปพูดเสียงเบาว่า “ขอโทษนะ ฉันปล่อยให้นิคิตะตายไม่ได้ แล้วฉันก็อยากรอดออกไปจากที่แห่งนี้ ฉันต้องไปตามหาลูกของฉัน…เพราะฉะนั้น ขอโทษนะ”
คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ ที่ฉันก็พูดอะไรแบบนี้ได้เหมือนกัน
พ่อ…ผม ก็อยู่ตรงนี้ไง