สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 16 ตกที่นั่งลำบาก
“กินข้าวสิ เดี๋ยวก็ไม่มีแรงชกพอดี บอสจะไม่พอใจเอานะ”
ผู้ช่วยพาคนมาวางอาหารที่หลากหลายด้านหน้ากรงเหล็ก แถมยิ้มเยาะพลางพูดว่า “แน่นอนว่าพวกคุณไม่กินก็ได้ ยังไงก็แค่พลาดอาหารมื้อสุดท้ายในชีวิตไปเท่านั้นเอง…หนึ่งในพวกคุณน่ะนะ”
ผู้ช่วยมองดูท่าทางโกรธแค้นของอันทอนและแววตาไร้ความรู้สึกของโอเล็ก แล้วก็มองดูเวลา ก่อนพูดว่า “ยังมีเวลาอีกสี่ชั่วโมง ดื่มด่ำกับความเงียบสงบช่วงสุดท้ายให้เต็มที่หน่อยแล้วกัน”
ผู้ช่วยกำลังเดินนำคนออกไปแล้ว
โอเล็กยื่นมือออกไปนอกกรงขังทันที คว้าอาหารในจานใส่ปากตนเอง แล้วก็เริ่มกินเงียบๆ
“…คุณโอเล็ก คุณคิดจะต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายกับผมจริงๆ เหรอ?” อันทอนก้มหน้า ถามขึ้นเบาๆ
แต่ทว่าโอเล็กก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่ฉีกเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วก็เคี้ยวช้าๆ
“พวกเราฉวยโอกาสนี้พังกรงขังก็ได้นี่!” อันทอนเงยหน้าขึ้นมา “ขอเพียงพวกเราช่วยนิคิตะออกไปได้ พวกเราก็ไม่ต้องถูกพวกมันข่มขู่อีกต่อไป!”
“หลังจากนั้นล่ะ?” โอเล็กมองอันทอนแวบหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ “คุณฆ่าแอนดริวได้เหรอ? คุณหนีออกไปจากที่นี่ได้เหรอ? พอพวกเขาถือปืน แล้วหมัดของคุณจะไปทำอะไรได้ล่ะ”
“ต่อให้ทำอะไรไม่ได้! แต่จะยอมถูกรังแกงั้นเหรอ?!” อันทอนถามเสียงดัง “หรือว่าคุณไม่โกรธ หรือไม่พอใจบ้างเหรอ?”
โอเล็กพูดขึ้นทันที “คุณอาจมีครอบครัวที่ดีมาก อาจนึกว่าขอเพียงต่อต้านก็จะแก้ปัญหาได้ จนถึงกับเคยแก้ปัญหาได้ด้วยการต่อต้าน…แต่คุณอาจจะไม่รู้ว่า มีบางเรื่องที่คุณต่อต้านแล้ว จะมีแต่นำภัยอันตรายมาสู่ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายคุณจะหัวเราะเยาะให้กับความไร้เดียงสาของตัวเอง คนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัวมาก ผมเองก็เห็นแก่ตัวมากเหมือนกัน ผมฆ่าคุณได้ ถ้าคุณไม่อยากถูกฆ่าตายไปเปล่าๆ ถ้าคิดจะต่อต้านก็กินให้อิ่มซะ จะได้มีแรงบ้าง”
“เพราะงั้นคุณก็เลยยอมถูกรังแกมาโดยตลอด เลิกคิดต่อต้านแล้ว เลือกเป็นคนขี้ขลาดเมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายงั้นเหรอครับ!? แล้วถ้าเหตุการณ์มันเลวร้ายลง และเกิดอันตรายกับตัวคุณเอง พัวพันไปถึงคนในครอบครัวของคุณ คนรักของคุณด้วยก็จะไม่เป็นไรเหมือนกันใช่ไหม!!?”
“ถึงแม้คุณฆ่าผมแล้ว หนีออกไปจากสังเวียนมวยได้สำเร็จ คุณคิดว่าแอนดริวก็จะปล่อยคุณไปงั้นเหรอ?! เขาข่มขู่คุณได้ครั้งหนึ่งแล้ว ก็ย่อมมีครั้งที่สอง! คุณประนีประนอมแล้ว คุณก็ได้แต่ถูกแอนดริวข่มขู่ไปตลอดชีวิต! ทุกสิ่งที่ผมทำทั้งหมด ทั้งหมดก็แค่เพื่อครอบครัวของผมเท่านั้น! ไม่ต้องมาพูดอุดมการณ์สวยหรูอะไรหรอก! หัดมองความจริงให้ชัดๆ ซะบ้าง! ความจริงก็คือตอนนี้คุณและผมทำให้มันเป็นแบบนี้! เป็นเหมือนหมาจนตรอก!”
“คุณไม่อยากถูกข่มขู่ คุณก็ต้องต่อต้านสิ! ไม่มีใครช่วยตัวคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง! นิคิตะเคยบอกว่า โอเล็กในตอนนั้นถึงจะเป็นโอเล็กที่ควรค่าแก่การเคารพที่สุด ดังนั้น ผมจำเป็นต้องหนีไปจากที่นี่!ผมไม่สนว่าผมจะมีชีวิตต่อไปด้วยรูปแบบไหน!ผมแค่ต้องการมีชีวิตต่อไป!”
“ลองดูคุณในตอนนี้สิ เหมือนอะไรกันแน่! คุณเคยคิดบ้างไหม ถ้าลูกคุณเห็นความขี้ขลาดแบบนี้ของคุณ เขาจะมองคุณยังไง!!คุณเคยคิดไหมว่าตอนที่ลูกของคุณเห็นคุณคุกเข่าต่อหน้าอันธพาล เขาจะมีความรู้สึกยังไง!”
“ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ผมเสียลูกชายของผมไปไม่ได้อีก! คุณไม่ใช่พ่อคนจะไปรู้อะไรล่ะ! แล้วคนที่ไม่รู้จักใช้หัวคิดเอาแต่มุทะลุ แม้แต่สภาพสังคมแท้จริงเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วจะไปรู้อะไรได้ล่ะ!!คุณคิดว่าคุณตัวโตสูงใหญ่แข็งแกร่งกว่าคนอื่น คุณก็ถือว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วงั้นเหรอ! เพ้อเจ้อ!”
“****! คุณพูดบ้าอะไร?!”
เสียงคำรามหยุดลงในชั่วพริบตา ในระหว่างการตะคอกต่อปากต่อคำโดยไม่มีหยุดพักนี้ ทั้งคู่ก็ไม่ได้หลบตาอีกฝ่ายเลย
มันดูราวกับว่าไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป บางทีรอจนสองคนต่างเหน็ดเหนื่อยหมดแรงแล้วถึงได้หยุดไปเอง แต่กลับเป็นเพราะการกล่าวหาของอันทอน จู่ๆ บรรยากาศก็เข้าสู่ความเงียบ
“ผมว่าอันโตนิโอคงจะไม่อยากเห็นสภาพคุณในตอนนี้” อันทอนมองโอเล็ก เขาไม่เคยสบตาโอเล็กอย่างเสมอภาคแบบนี้มาก่อน ถึงขนาดพูดความคิดในใจออกมา
โอเล็กสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง “คุณไม่ใช่เขา คุณไม่รู้หรอก”
เขาหันหลังให้อันทอนแล้วนั่งลง พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ทานมื้อสุดท้ายของคุณเถอะ”
“ผมไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!”
อันทอนก็นั่งหันหลังให้โอเล็ก ยื่นมือออกไปหยิบอาหารมาแล้วยัดลงท้องไปคำโตๆ
สองคนซึ่งถูกกรงขังแยกไว้ หันหลังให้กัน มองไม่เห็นกัน และไม่แตะต้องกัน แยกออกเป็นโลกสองใบ
…
“ได้เวลาแล้ว”
ตอนที่เปิดประตู หลังจากนั้นไม่นานกรงขังก็เปิดออก และในชั่วพริบตานี้เอง อันทอนก็เริ่มต่อต้านทันที ฤทธิ์ยาชาหมดไปแล้ว ขณะนี้เขาเป็นดั่งเสือร้ายที่ออกมาจากกรง จู่โจมชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ว่าตอนที่เขาคิดจะต่อต้าน กลับได้ยินเสียงปรบมือดังมาจากผู้ช่วย “คุณอันทอน ตอนเห็นคุณอาละวาดได้แบบนี้ ผมก็สบายใจแล้ว แต่ว่า…หากคุณยังโชว์ออฟต่อไปล่ะก็ ผมไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างนะ”
เขาก้าวหลบไปหนึ่งก้าว
ด้านหลังของเขา นิคิตะผู้ที่ถูกมัดอยู่เดินออกมา สีหน้านิคิตะซีดขาว เหงื่อออกท่วมหัว สองขาถึงกับสั่นเทา
เขาจำต้องเป็นเช่นนี้
เพราะเขาในตอนนี้ บนตัวพาดเข็มขัดเส้นหนาใหญ่มากเอาไว้เส้นหนึ่ง ในตอนนี้เองผู้ช่วยก็ยิ้มเยาะพลางพูดว่า “รู้ไหมนี่คืออะไร? เข็มขัดนี้ยิงเข็มเงินอาบยาพิษได้ในชั่วพริบตา แค่ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้าวินาที คุณนิคิตะคนนี้ก็จะหัวใจหยุดเต้น บางทีอาจจะขึ้นสวรรค์ หรืออาจจะลงนรก ใครจะรู้ล่ะ? รีโมทควบคุมก็อยู่ในมือบอส ถ้าคุณอันทอนหนีออกไปจากที่นี่ ของเล่นเล็กๆ นี้บนตัวคุณนิคิตะก็จะทำงาน”
“พวกแก…ต่ำช้า!!”
“ยังคิดจะต่อต้านอยู่อีกไหม?”
…
…
“คุณเค คุณคิดว่าสังเวียนมวยแห่งนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”
ด้วยไม่มีการพนันมวยที่จัดขึ้นทุกสัปดาห์ ดังนั้นรอบๆ สังเวียนที่ใหญ่โตก็ดูกว้างขวางขึ้นถนัดตา แอนดริวกำลังโชว์ผลงานของตนเองอย่างภาคภูมิใจ
“นี่เป็นสังเวียนมวยที่พิเศษที่สุด ตอนแรกผมวางแผนจะเปิดตัวปีหน้า แต่ตอนนี้จะให้คุณเคได้เห็นก่อนเพื่อความสบายใจ!” แอนดริวชี้ไปรอบๆ ตรงสังเวียนมวยใหญ่โตด้านล่าง
บริเวณรอบๆ มันถูกเชื่อมด้วยเส้นเหล็ก และยังปิดตายอีกต่างหาก
“หลังจากเริ่มแข่ง เหล็กพวกนี้จะมีกระแสไฟฟ้าปริมาณมากไหลผ่าน” แอนดริวหรี่ตาพูด “มีเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะตามเงื่อนไขแล้ว สังเวียนมวยถึงจะเปิดออก ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครออกมาได้เลยล่ะครับ”
“คุณแอนดริวช่างใส่ใจจังนะครับ” ลั่วชิวยิ้ม…สายตาของเขามองลงไปจากห้องวีไอพีแห่งนี้ทันที มองด้านข้างประตูที่เป็นทางเข้าสังเวียนมวย “ดูท่าตัวละครหลักคืนนี้จะมาถึงแล้วนะครับ”
…
วินาที่ประตูเหล็กบนสังเวียนมวยปิดลง เสียงโลหะกระแทกกันดังสนั่น ด้านล่างสังเวียนก็มีชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งถือกระบองเหล็กแท่งหนึ่ง โยนเข้าไปในกรงขัง
นี่มันบ้ามาก!
ชั่วพริบตา แสงไฟก็ส่องมาจากทั่วทุกสารทิศ สองคนบนสังเวียนมองหน้ากันไม่พูดจา
ทันใดนั้นโอเล็กก็ออกหมัดชกไปที่ศีรษะของอันทอนอย่างแรงหนึ่งหมัด หมัดช่างดุดันอะไรเช่นนี้ ขนาดร่างกายที่แข็งแกร่งของอันทอนก็ยังต้องถลาถอยหลังไปหลายก้าว
ผลจากการรับหมัดไปหนึ่งหมัดทำให้มุมปากเขามีเลือดสดไหลออกมา อันทอนกลับเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองตรงไปที่โอเล็ก พูดอย่างช้าๆ ว่า “ผมจะไม่ตอบโต้”
“แต่ผมจะไม่หยุดมือ!”
โอเล็กพูดคำรามอย่างดุร้าย สองมือคว้าตัวอันทอน แล้วลากไปยังตะแกรงไฟฟ้าริมขอบสังเวียน…