สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 21 ถ้าไม่มีใครรู้ก็จะดีกับทุกฝ่าย จริงไหม?
โอเล็กดูรูปร่างภายนอกของปืนยาสลบ ของแบบนี้ยิงออกมาเร็วสุดขีด โอเล็กคิดว่าตนเองไม่ใช่ผู้มีวรยุทธ์แบบในภาพยนตร์ตะวันออก การจะหลบหลีกของแบบนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
แต่เขารับมือกับสถานการณ์ได้ว่องไวมาก
หลังจากทำลายกำแพงสูงในใจได้แล้ว ก็กลับไปเหมือนกับในตอนนั้น เขารู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าของร่างกาย แต่กลับมีความศรัทธาที่ไม่มีวันเสื่อมสลายค่อยๆ เบ่งบานเติบโตในจิตใจ
ตอนแรกเขากับอันทอนลากนิคิตะไปด้านหลังสังเวียนมวยพร้อมกัน เพื่อหลบให้พ้นสายตาของลูกน้องแอนดริว!
อันที่จริงสองคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!ดันออกมาจากกรงเหล็กมหึมาแบบนี้ได้ด้วยพละกำลังของตัวเองเสียด้วย! ถึงแม้ในมือของพวกลูกน้องแอนดริวจะถืออาวุธจำพวกปืนฉีดยาสลบและที่ช็อตไฟฟ้าที่ใช้ปราบอีกฝ่ายได้ ตอนนี้ก็ยังต้องเข้าใกล้อีกฝ่ายด้วยความระมัดระวังเช่นกัน
ใครก็ไม่อยากโดนหมัดหนักๆ ราวกับหมีสีน้ำตาลของสองคนนี้ เพราะความประมาทหรอก!
“รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”
โอเล็กอยู่ชิดด้านล่างสังเวียนมวย เขาพักหอบหายใจเพื่อให้มีแรงขึ้นมาอีก พลางมองอันทอนแล้วถาม
คำถามกะทันหันนี้แบบนี้ทำให้อันทอนตะลึงไปชั่วครู่ แต่เขาก็มีความสุขมาก จึงยิ้มแล้วตอบว่า “ที่จริงแล้วมันเยี่ยมสุดๆ เลยครับ!ถ้าจัดการพวกสวะทั้งหมดพวกนี้ได้สักยกหนึ่ง นั่นก็จะยิ่งดีเลยครับ!”
โอเล็กยิ้ม ก่อนตบบ่าอันทอนแล้วพูดว่า “เห็นสายไฟฟ้าเคเบิลที่เชื่อมต่อกับตะแกรงเหล็กเส้นนั้นไหม?”
อันทอนรีบพยักหน้าเล็กน้อย
โอเล็กพูดกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูอันทอน อันทอนมีสีหน้าฮึกเหิมและตื่นเต้นทันที พยักหน้าหงึกๆ เล็กน้อย
“ไปเลย! เจ้าหนุ่มใจกล้า!ผมจะเป็นพ่อให้คุณเอง จงภาคภูมิใจซะ!” โอเล็กพูดเสียงหนักแน่น!
“ขอบคุณครับ!” อันทอนเผยให้เห็นรอยยิ้ม วินาทีที่จดจำแววตาของโอเล็กไว้ในใจลึกๆ ได้แล้ว เขาก็พุ่งตัวออกไปจากด้านหลังสังเวียนมวยแห่งนี้ทันที
เขาส่งเสียงคำรามดังลั่นออกมา!
“อยู่นั่น!”
ชายร่างสูงใหญ่สามสี่คนที่มือถือปืนฉีดยาสลบไว้ก็เล็งเป้าหมาย แต่พละกำลังที่ระเบิดออกมาของอันทอนนี้ช่างน่าตกใจนัก ในวินาทีที่เจ้าคนที่เหมือนสัตว์ประหลาดพุ่งสุดตัวช่างเร็วเหลือเกิน ไม่มีใครคว้าตัวอันทอนไว้ได้เลยแม้แต่น้อย!
การยิงปืนยาสลบจึงต้องคว้าน้ำเหลว และตอนนี้เอง หลังจากอันทอนต่อยคนหนึ่งร่วง เขาก็ล็อกตัวคนนั้นไว้ข้างหน้าตนเอง เปลี่ยนให้เป็นมนุษย์โล่ป้องกันที่ดีที่สุด!
“อย่ามัวแต่สนใจเจ้าหมอนี่! ยังมีอีกคนหนึ่ง!” แอนดริวทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ
การตอบสนองของเขาไวสุดๆ รีบโบกมือชี้บอกความเคลื่อนไหวอีกฝั่งหนึ่ง แต่ก็สายไปเสียแล้ว!
“อันทอน อย่ามอง!”
โอเล็กซึ่งมีพลังต้นแขนมากมายมหาศาล ดึงสายไฟพร้อมตะแกรงเหล็กออกมาอย่างแรง พอเห็นสายไฟโผล่ออกมาจากสายเคเบิลขนาดต่างๆ โอเล็กก็อ้าปากกว้างพ่นลมออกมาเฮือกใหญ่ สงบสติอารมณ์ที่ตื่นเต้นลงสักหน่อยพร้อมกันนั้นก็หลับตาลง แล้วเอาสายไฟขั้วบวกและขั้วลบมาแตะกันอย่างรวดเร็ว
เปรี๊ยะ…ตูม!!
แค่ในชั่วพริบตา! ไฟฟ้าทั่วพื้นที่สังเวียนมวยก็ดับสนิท! ศึกชี้ชะตาที่กำหนดไว้ตอนเที่ยงคืนก็ต้องมืดมิดไป!
มีเพียงแค่แสงสว่างจากไฟริมทางด้านนอกที่สาดแสงอ่อนๆ ลอดผ่านช่องลมเข้ามา ที่นี่จึงมืดสลัวในพริบตา ยากที่จะมองเห็นสิ่งรอบตัวได้อย่างชัดเจน!
“อ๊า!”
และในวินาทีที่แสงไฟดับลง เสียงร้องโหยหวยก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของหนักกระแทกไปบนพื้น!ลูกน้องกลุ่มหนึ่งของแอนดริวเตรียมป้องกันรอบทิศทางอย่างตื่นตระหนก
“จุดไฟสิ! เจ้าโง่! ไฟแช็คของพวกแกล่ะ?” ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา ขณะเดียวกันก็มีแสงไฟจากไฟแช็คอันหนึ่งปรากฏขึ้นมาในความมืด
แต่ก็แค่ในชั่วพริบตาเท่านั้น คนที่จุดไฟนี่ก็ร้องโหยหวยตามไปด้วย หลังจากนั้นก็เงียบไป
อ๊า!
อ๊า!
แอนดริวฟังเสียงร้องโหยหวยที่ดังอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้เริ่มปรับตัวกับความมืดสลัวได้บ้างเล็กน้อยแล้ว เขามองเห็นเงาดำๆ ของคนสองคนที่เดินวนไปอย่างรวดเร็วทั่วพื้นที่
แอนดริวจำต้องหรี่ตา เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ความได้เปรียบที่เห็นได้ชัดนี้ ยังถูกพวกนั้นก่อกวนได้ถึงขนาดนี้เลย
สองคนนี้แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมากจริงๆ ต่างก็อยู่ในระดับนักมวยชั้นยอดกันทั้งนั้น!
“แอนดริว!”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งคำรามก้องพลันดังขึ้น แอนดริวหันไปมองทางต้นเสียงอย่างไม่ทันตั้งตัว และในตอนนั้นเอง!
“แอนดริว!”
มีเสียงตะคอกดังลั่นอีกเสียงหนึ่ง…แต่ดังอยู่อีกฟากหนึ่ง!
แอนดริวขบฟันแน่น ตัวเขาเองก็เป็นคนที่เหี้ยมโหดคนหนึ่ง แต่กลับต้องถอยหลังไปสองก้าวอย่างฉับพลันทันที ถอยหลังไปจนถึงด้านนอกประตู แล้วออกแรงผลักประตูเหล็กบานนี้ปิดเข้ามา!
เขารู้สึกเสียดายคนเก่ง เขาคิดจะใช้สองคนนี้หาผลประโยชน์มหาศาลให้กับตนเอง แต่ถ้าเจ้าสองคนนี้สร้างความยุ่งยากจนเป็นภัยคุกคามเขา เขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว
“ไง ฉันเอง! ให้คนรีบเอาอาวุธออกมาซัดกันเลยสิ…เอาของจริงเลยนะ!”
แอนดริวหัวเราะเยาะ แต่ทว่าในชั่วพริบตานี้เอง ประตูเหล็กบานนี้กลับถูกเปิดออกอย่างแรงด้วยเสียงดังลั่น!
ใช้แสงเพียงเล็กน้อยจากโทรศัพท์มือถือส่องไป คนที่แอนดริวมองเห็นก็คืออันทอนรวมทั้งพวกโอเล็กสองคนที่กลิ้งออกมาตรงประตูเหล็ก!
แอนดริวตกตะลึงพรึงเพริด! สองคนนี้กระแทกประตูเหล็กพังจริงๆ ด้วย…ยังใช่คนอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
แอนดริวถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที…หลังจากถอยไปหนึ่งก้าว เขาก็รีบหมุนตัวหันหลังกลับไปทันที มุ่งหน้าวิ่งตะบึงไปสุดทางเดินเพื่อหนีออกไป!
“อย่าหนีนะ!”
ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของอันทอนหรือเสียงของโอเล็กกันแน่ ฉับพลันตัวแอนดริวก็ถูกกระแทกล้มลงไปกับพื้น
แต่เขายังคงมีสัญชาตญาณนักมวยเก่า ในช่วงอันตรายมันจะกระตุ้นประสาททั่วร่างกายเขา เขาใช้เท้าเตะออกไปอย่างแรงในช่วงโกลาหลนั้น!
คาดไม่ถึงว่าในตอนนั้น เท้าของเขากลับถูกใครบางคนคว้าจับไว้ ตามมาด้วยความเจ็บปวดทะลุไปถึงหัวใจ จนแอนดริวรู้สึกหายใจลำบาก!
ขาของเขา…ดันถูกตีหักจนได้! ตำแหน่งตรงหัวเข่าถูกจู่โจมอย่างรุนแรงน่ากลัว ขาหักงอเกือบจะกลายเป็นมุมเก้าสิบองศา!
หลังจากนั้น****ของเขาก็โดนศอกใส่ แอนดริวจึงสลบไม่ได้สติทันที
พอแอนดริวสัมผัสถึงพื้นก็แน่นิ่ง โอเล็กและอันทอนเหนื่อยจนล้มลงไปบนพื้นพร้อมๆ กัน พิงหลังกันหอบหายใจแฮ่กๆ
โอเล็กหอบหายใจไปพร้อมกับเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างเบิกบานใจ พลางพูดว่า “ตอนนี้รู้สึกยังไงล่ะ!”
“เยี่ยม…เยี่ยมไปเลย! เยี่ยมสุดๆ เลยครับ!” อันทอนหอบหายใจ
ตอนนี้เองโอเล็กกลับลุกขึ้น แล้วพูดอย่างสุขุมว่า “แต่ว่าเรื่องยังไม่จบ…ถ้าไม่กำจัดแอนดริวและเขี้ยวเล็บของเขาให้สิ้นซาก พวกเราต้องลำบากไม่ต่างกันแน่!”
“งั้นควรทำยังไงดีครับ?”
จู่ๆ โอเล็กก็มองสุดปลายทางระเบียง ฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา และยังมีแสงที่ส่องลงมาอีก…นั่นน่าจะเป็นแสงจ้าที่ส่องมาจากกระบอกไฟฉาย แล้วพูดขู่ทันที “จับตัวแอนดริวลุกขึ้นมา ผมอยากให้พวกเรามาเจรจากับคนพวกนี้ให้เต็มที่สักหน่อย…”
พูดไป โอเล็กก็หันไปตรงสุดทางเดินแล้วพูดเสียงดังว่า “พวกแกฟังให้ดี!บอสของพวกแกอยู่ในกำมือฉันแล้ว!ตอนนี้รีบไปเตรียมรถให้ฉันคันหนึ่ง! ไม่อย่างนั้นพวกแกก็เตรียมภาวนาให้บอสของพวกแกตายไปแบบนี้ แล้วแบ่งกันฮุบสมบัติของเขา!!”
…
“อานิคิตะ…พี่ชาย มา ผมพยุงคุณเอง พวกเราต้องไปจากที่นี่กันแล้ว!” อันทอนพยุงแขนของนิคิตะ
“ “อ๋อ…งั้นเหรอ…ได้…” นิคิตะก้มหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “หวังว่าโรงพยาบาล… สาวน้อยที่โรงพยาบาล…จะยอมให้ผม…ดื่มวอดก้าสักอึก…”
“ไปกันเถอะ นิคิตะ” โอเล็กตบบ่านิคิตะเบาๆ
ตอนนี้นิคิตะพยายามฝืนเงยหน้าขึ้นมา เขาซึ่งใบหน้าขาวซีด ริมฝีปากก็ไร้สีก็พยายามฝืนฉีกยิ้ม “เฮ้…พี่ชาย พวกเราหาเวลาสักวัน กลับไปกันเถอะ…กลับไปหมู่บ้าน…จัดการ จัดการ สารเลว… สวะ…พวกนั้น…”
“ตกลง!”
“เฮ้…พี่ชาย…พี่จะไม่ยอมจำนนอีกแล้วใช้ไหม…”
“ไม่อีกแล้ว!”
“งั้น…งั้นขอโทษแล้วกัน…”
“นายพูดว่าอะไรนะ?”
“ไม่…ไม่มีอะไร ผม ผมอยากงีบสักครู่…ถึงแล้ว ถึงแล้ว…เรียกผมด้วยนะ…”
…
เป็นครั้งแรกที่อันทอนใช้ของแบบนี้ แต่กลับไม่หวาดกลัวเลยสักนิดเดียว ยังไงก็ไม่มีใครรู้จักเขา งั้นถือโอกาสยิงปืนยาสลบใส่คอแอนดริวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแล้วกัน…เคยเห็นในหนังน่ะ
“คุณโอเล็ก นี่เขาก็จะไม่ตื่นมาแล้วเหรอครับ?” อันทอนรีบถาม
โอเล็กขับรถเก๋งที่ชิงมาได้จากบ่อน แล้วหันมามองแอนดริวตรงเบาะข้างคนขับ ก่อนพยักหน้าเล็กน้อย
เขาหันหลังไปมองเบาะที่นั่งด้านหลังบ่อยๆ “นิคิตะ เป็นยังไงบ้าง? ยังไหวไหม? นิคิตะ? นิคิ…ตะ…”
“นิคิตะ…คุณอานิคิตะ เขา…เขา…”
ในรถมีเสียงสะอื้นของอันทอนดังขึ้นมา
เขาไม่ได้หัวเราะเยาะที่อันทอนโตขนาดนี้แล้ว แต่ยังร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กน้อยแบบนี้ เขาแค่หันหน้ากลับมาทำนิ่งซึม จ้องมองทางข้างหน้าที่มีกระจกกั้นอยู่
บนถนนได้แสงสว่างจากโคมไฟตลอดสองข้างทาง ทำให้มองเห็นถนนได้ตรงหน้าได้
โอเล็กขับรถคันนี้ไปแบบนี้…หนึ่งกิโลเมตร? หรือสองกิโลเมตร?
เขาไม่มองข้อมูลตัวเลขใดๆ บนแผงควบคุม แค่เหยียบคันเร่งให้คงที่สม่ำเสมอ แล้วปล่อยรถแล่นไปตลอดทาง
ในฉับพลันนั้นเอง โอเล็กก็เหยียบเบรกหยุดรถกะทันหัน…บนถนนกลางดึกไม่ค่อยมีรถ โอเล็กจึงเปิดประตูรถออก
เขาลงจากรถ เลียกัดริมฝีปากตนเอง สายตามองไปข้างหน้า มองซ้ายแล้วมองขวา ขณะเดียวกันสองมือก็เท้าสะเอวไว้ เงยหน้าแล้วก็เงยหน้า ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกว่างเปล่า แล้วตบไปที่หน้าผากของตนเองอย่างแรง
อีกครั้งแล้วก็อีกครั้ง เร็วขึ้น แรงขึ้น
ฉับพลันนั้นเขาก็หยุดมือลง
โอเล็กเปิดประตูรถตรงเบาะหลัง ลากตัวนิคิตะออกมาจากในรถ เขาคุกเข่าอยู่บนพื้น กอดร่างนิคิตะไว้นิ่งไม่ขยับ เขาเงยหน้าขึ้น เผยอริมฝีปากของตนเกร็งไว้เล็กน้อย
เขาประคองศีรษะของนิคิตะไว้ในอ้อมอกตนเอง พยายามเกร็งกล้ามเนื้อบนใบหน้าตนเอง แล้วหลับตาลง
ในวินาทีที่น้ำตารินไหลออกมา โอเล็กไม่ได้ส่งเสียงร้องสะอื้น
เขาแค่ส่งเสียงร้องคำรามดังสนั่น
“อ๊า อ๊า อ๊า!!!!อ๊า!!!!!”
อันทอนมองโอเล็กที่กอดนิคิตะ แล้วมองนิคิตะที่ถูกโอเล็กโอบกอดไว้อย่างงุนงง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ? เขาไม่เข้าใจเลย
เขาทรุดลง เข่ากระแทกกับพื้นแข็งๆ ของถนนลาดยาง ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด
…
…
“ทำ…ทำไมเธอไม่ช่วยเขา?”
บนถนนที่ทอดยาว คามาลาในสภาพวิญญาณมองพ่อค้าคนนี้ด้วยน้ำตานองหน้า
ลั่วชิวตอบว่า “มีคนตายกันทุกวัน ผมจะช่วยชีวิตใครได้ล่ะครับ คุณลูกค้าครับ ถึงแม้ผมจะรู้ว่าคุณอยากช่วยชีวิตเขา แต่น่าเสียดายที่…คุณไม่มีค่าธรรมเนียมมากพอครับ”
“จะว่าไปแล้ว…” ลั่วชิวส่ายหน้า “เขาก็ไม่มีความปรารถนาอันแรงกล้าในการมีชีวิตอยู่ต่อเช่นกัน เขาตายด้วยความพึงพอใจมากกว่านะครับ”
“พึงพอใจ?” คามาลามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง
ลั่วชิวพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่รู้สึกแปลกเหรอครับ? ตั้งแต่ออกมาจากหมู่บ้าน พวกคุณที่ปกปิดชื่อสกุลตนเอง แต่สุดท้ายก็ยังถูกหาตัวพบอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นคุณก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์”
“นิคิตะ…”
คามาลาริมฝีปากสั่นระริก ในที่สุดก็เลยเบือนหน้าหนีไป ไม่อาจทนดูเหตุการณ์ที่อยู่บนถนนตรงหน้าได้
ดูเหมือนว่าคืนนี้จะยังอีกยาวนาน