สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 23 สีสะท้อนความสุข
“โอเล็กๆ ๆ ”
ใคร…ใครกำลังตะโกนเรียกผม
ช่วงเย็นของฤดูหนาวอันเย็นยะเยือก หรือว่าเป็นตอนรุ่งสางเหรอ?
โอเล็กกำลังมองเงาต้นไม้ที่ขยับอยู่ภายใต้แสงสว่าง คล้ายสีของทะเลสาบในความมืดมิดที่คุ้นเคยและแปลกตา ใช่แล้ว บนกิ่งไม้และใบไม้ยังมีหิมะหนาๆ ปกคลุมกดทับทุกสิ่งเอาไว้ข้างล่าง แต่ว่าเห็นเป็นชั้นๆ ได้ชัดเจน
เขาได้ยินเสียงร้องเรียก ร่างกายก็เดินไปทางต้นกำเนิดเสียงอย่างควบคุมไม่ได้
โอเล็ก…โอเล็ก…โอเล็ก…
จำได้แล้ว นั่นคือเสียงของคามาลา
“คามาลา” โอเล็กเดินเร็วขึ้นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว…เขาเริ่มวิ่งด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี พร้อมทั้งใช้มือปัดกิ่งไม้ที่หักลงมาด้วยรับน้ำหนักหิมะไม่ไหว
เขามองเห็นบ้านเกิดตัวเอง มองเห็นทะเลสาบด้านหน้าหมู่บ้าน เขามองเห็นภาพอดีตรางๆ สถานที่ที่เขาเคยเล่น…เขามองเห็นเบื้องหลังเงาร่างที่คุ้นเคย ผมยาวสีแดงเกาลัดสยายเป็นแพ สวมใส่ชุดเดรสสีขาวบางเบา
เธอเหมือนเทพธิดาแห่งทะเลสาบ
ระหว่างที่หัวใจเต้นเร็ว โอเล็กก็เริ่มหวาดผวา ขาทั้งสองของเขาเหยียบอยู่บนหิมะ แป๊บเดียวหิมะที่กองสะสมกันก็กลบน่องเขาจนมิด เขาที่แต่เดิมแข็งแรง ทว่าอยู่ที่นี่กลับทำตัวงุ่มง่าม
“คามาลา!”
ท้ายที่สุดเขาก็มาอยู่ที่ด้านหลังของเรือนร่างนี้ ใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดอีกฝ่ายจากด้านหลังอย่างแรง แล้วกระชับอ้อมกอดแน่น
โอเล็กก้มหน้า ฝังจมูกของตัวเองลงไปบนผมยาวๆ ของหญิงสาว สูดลมหายใจเข้าอย่างแรง แต่ละครั้งล้วนแต่แสดงอาการละโมบโลภมาก
“คามาลา!”
ทุกคำพูด ก็แสดงถึงความอบอุ่น
หญิงสาวก้มหน้า แล้วแนบหัวไปกับหลังมือใหญ่แข็งแรงของผู้ชายคนนี้ สัมผัสกับความเย็นบนหลังมือนั้น ทว่าเพียงไม่นาน ความหนาวเย็นก็แปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น
“โอเล็ก ตอนนี้ฉันมีความสุขมากๆ ”
“ฉันก็เหมือนกัน”
…
…
“คามา…”
โอเล็กสัปหงก จากนั้นก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองยังคงอยู่ในสวนสาธารณะ และนั่งอยู่บนชิงช้าตัวเดิม
ฝันไปเหรอ
ทว่าภาพฝันนี้ ก็ช่วยชะล้างความเจ็บปวดอันแสนยาวนานของเขาไป
โอเล็กมองดูมือของตัวเอง เหมือนสัมผัสนั้นยังคงวนเวียนอยู่บนหลังมือของเขา เขาก้มหน้าลงจุมพิตมือของตัวเองเล็กน้อย ยิ้มแล้วพูดว่า “ลาก่อนคามาลา”
เมื่อเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง แล้วเรียกสติกลับมาอีกครั้ง ก็เงยหน้าขึ้นมา ตอนนี้พลันรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไหลเข้าสู่ร่างกาย
ร่างกายอันเหน็ดเหนื่อยอยู่สองวันหนึ่งคืน กลับมีกำลังวังชาที่เพิ่งไหลทะลักเข้ามาทันที เขาลุกขึ้นยืนจากชิงช้า ร่างกายยังคงสูงตระหง่านเหมือนป้อมปราการเหล็กดังเดิม
สูงตระหง่านพอจะบดบังการมองเห็นทั้งหมดของอันโตนิโอ สูงตระหง่านเสียจนแบกท้องฟ้าของมอสโกนี้เอาไว้ได้
โอเล็กเดินไปตรงหน้าอันโตนิโอ แล้วก็ยกฝ่ามือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของอันโตนิโออย่างรุนแรง
ร่างกายเล็กๆ ของอันโตนิโอตั้งรับไม่ทัน ก็ล้มลงไปกองบนพื้นทันที
“ลุกขึ้นมา” โอเล็กพูดด้วยเสียงนิ่ง
อันโตนิโอปิดหน้าเอาไว้ รีบยันตัวขึ้นมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ต่อยพ่อสิ” โอเล็กพูดขึ้นทันที
อันโตนิโอตะลึงและลังเลอยู่สักพักหนึ่ง ถึงกัดฟันและกำหมัดขึ้นมา ต่อยเข้าไปที่ท้องของโอเล็กสุดกำลัง
“แรงหน่อย ใช้แรงหน่อย! ไม่ได้กินข้าวมาหลายวันหรือไง?” โอเล็กพูดอย่างเย็นชา
แต่อันโตนิโอกลับถอยหลังไปสิบกว่าก้าว จากนั้นก็ส่งเสียงร้องปลุกพลัง พุ่งเข้าใส่อย่างแรง…ทำให้ โอเล็กถอยหลังไปครึ่งก้าวเล็กๆ
แต่อันโตนิโอกลับกระเด็นล้มไปบนพื้นอีกครั้ง
เขาเงยหน้ามองโอเล็ก มองดูพ่อที่ยังคงสูงตระหง่านอยู่อย่างนั้น ได้ยินแค่โอเล็กพูดช้าๆ ว่า “ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง มีตรงไหนไม่พอใจก็พูดออกมาตรงๆ หรือต่อยพ่อสักยกก็ได้ แต่เลือกหนีออกจากบ้านไม่ใช่การกระทำของลูกผู้ชาย! เข้าใจหรือยัง?”
อันโตนิโอพยักหน้าเล็กน้อย
โอเล็กพูดว่า “พ่อตบลูกหนึ่งที ลูกก็ต่อยพ่อไปแล้ว ถือว่าพวกเราหายกัน”
“นี่ไม่ยุติธรรม! ผมชกพ่อไม่เจ็บเลยสักนิด! ” อันโตนิโอพูดพึมพำแบบไม่พอใจ
โอเล็กถึงได้มีรอยยิ้มเล็กน้อย “งั้นก็รีบโตไวๆ สิ รอวันนั้นที่ลูกต่อยให้พ่อเจ็บได้”
อันโตนิโอทำหน้าทะเล้น
แล้วโอเล็กก็ลูบหัวของอันโตนิโอ ส่ายหน้าพูดว่า “หนีออกจากบ้านเป็นยังไงล่ะ?”
“ดีมากเลย!!”
อันโตนิโอถูจมูกเล็กน้อย วิ่งไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้นดีใจ พร้อมกับพูดว่า “พ่อ! พวกเราแข่งกันเถอะ ใครวิ่งกลับบ้านช้า ต้องทำงานบ้าน!”
เขาวิ่งออกจากสวนสาธารณะแล้ว บนถนนคนเดินข้างๆ สวนสาธารณะ อันโตนิโอมองเห็นเบื้องหลังที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป จึงหยุดฝีเท้าลง
“พ่อแซงลูกแล้ว อันโตนิโอ!”
นั่นเป็นเสียงที่ดังมาหลังจากโอเล็กแซงหน้าไป…อันโตนิโอกลับวิ่งไปสองก้าวแล้วหยุด ก่อนหันตัวไปอย่างเร่งรีบ
…
“เพราะอะไรครั้งนี้…”
“อืม ถือว่าเป็นรางวัลที่เธอซื่อสัตย์แล้วกัน…แต่เธอขายความรักให้ฉันแล้ว ไม่มีทางเอาคืนได้อีกตลอดกาล…แต่ว่ามีคนมอบโอกาสการพบกันโดยบังเอิญให้กับเธอ ในชีวิตต่อจากนี้ของเธอ เธอจะได้เจอหญิงสาวที่รักจากใจจริงคนหนึ่ง แต่เธอจะกลายเป็นภรรยาของคุณหรือไม่นั้น ทำได้แค่พึ่งพาความพยายามของตัวคุณเอง บางทีอาจจะล้มเหลว บางทีอาจจะสมหวัง จำไว้ว่าโอกาสของเธอมีแค่ครั้งเดียว”
“ใครมอบให้ผม? พี่ชายๆ พี่…”
…
…
บ่อน้ำพุหน้าโรงละครบอลชอย
มีผู้หญิงผมยาวสีแดงเกาลัด สวมใส่ชุดเดรสสีขาวกำลังก้มหน้าสวดภาวนาอยู่ข้างบ่อน้ำพุ
“ขอโทษนะ สุดท้ายยังต้องให้เธอรอนานขนาดนี้” ผู้หญิงพูดขอโทษพลางมองลั่วชิวที่กำลังนั่งรอตรงขอบบ่อน้ำพุอยู่นาน
ลั่วชิวกำลังมองโลกที่เต็มไปด้วยสีสันอยู่ตรงหน้า แล้วจึงส่ายหน้าพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมก็อยากจะขอบคุณคุณที่ให้ผมได้เห็นสีสันมากมายขนาดนี้”
“สีสัน?” คามาลาทำหน้าไม่เข้าใจ
หลังจากลั่วชิวคิดอยู่สักพัก กลับส่ายหน้าพูดว่า “ไม่มีอะไรครับ แค่ความสนใจบางอย่างของผมเท่านั้น”
คามาลาอึ้งไป แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองตัวเบาหวิว ถึงแม้เธอจะไม่มีตัวตน แต่ความรู้สึกนี้มันเหมือนจริงมากๆ
ร่างวิญญาณของเธอค่อยๆ ลอยขึ้นมา
ฉับพลันนั้น
ผู้ชายจูงมือของลูกน้อย ก็มาถึงอีกข้างของบ่อน้ำพุ
“ไม่ได้อยากวิ่งกลับบ้านเหรอ? พาผมมาทำอะไรที่นี่ครับ?”
“อันโตนิโอ ถ้าวันหนึ่งลูกเจอผู้หญิงที่ลูกรัก จะต้องพาเธอมาที่นี่ให้ได้ ยังไงก็ห้ามพลาดเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“ก็ได้ครับ…ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบดูบัลเลต์เลยก็ตาม”
“สวดขอพรสิ บางทีแม่ของลูกอาจจะได้ยิน”
“ก็ได้ครับ” อันโตนิโอหลับตา ประกบมือทั้งสองเข้าหากัน…ทันใดนั้นอันโตนิโอก็ลืมตาขึ้นมองโอเล็กแล้วพูดว่า “พ่อ เหมือนว่าผมจะได้ยินแม่พูดแล้วครับ!”
โอเล็กยิ้มเล็กน้อย คิดว่าถ้าได้ผลแบบนี้ ตอนที่เขามาทุกครั้งก็ต้องสวดขอพรให้ดีๆ สักหน่อยล่ะสิใช่ไหม?
แม้ว่าไม่ค่อยเท่าไร แต่โอเล็กก็ยังย่อตัวลงมาถามว่า “งั้นลูกได้ยินว่าอะไร?”
อันโตนิโอตอบว่า “ขอบคุณ”
โอเล็กอึ้งไป แล้วมองรอบด้านอย่างงุนงง “ขอบคุณเหรอ…”
…
“ขอบคุณ ขอบคุณเธอ ในท้ายที่สุดครั้งสุดท้ายก็ให้ฉันได้เห็น…”
เงาของร่างคามาลาลอยขึ้นไปกลางท้องฟ้าอย่างช้าๆ เสียงของเธอดังสะท้อนกลับไปในโลกที่ไม่ใช่ของมนุษย์ พร้อมทั้งน้ำตารินไหล
เบื้องหลังของเธอ ปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกทันที กระจายแสงสว่างลายตาออกมา มันขจัดความมืดหม่นทั้งหมดออกไป และทำให้ทุกอย่างมีสีสันดังเดิม
ข้างหน้าและข้างหลังของโรงละครทั้งหลัง ถนนแถวๆ นั้น ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยสีสันต่างๆ นานา ทำให้ลั่วชิวรู้สึกเหมือนกับอยู่ในงานเลี้ยงที่มีสีสันงานหนึ่ง
ลั่วชิวยันตัวขึ้นมาทันที มองโลกหลากสีสันที่แสงระยิบระยับนั้นนำพามาอย่างหลงใหล เขายกมือทั้งสองขึ้น เหมือนกำลังโอบกอดอยู่
“สวยมากๆ เลย…จริงๆ นะ สวยมากๆ ”
เงาของร่างคามาลากลายเป็นลูกไฟกลมสว่างๆ อย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ ตกลงมา สุดท้ายก็ตกมาอยู่ที่ระหว่างมือทั้งสองของลั่วชิว
“คิดไม่ถึงเลย คาดไม่ถึงว่าธาตุแท้ของวิญญาณคุณคามาลาจะเป็นนางฟ้า มิน่ามูลค่าถึงได้สูงขนาดนี้…” คุณสาวใช้ยืนอยู่ที่ข้างหลังเจ้าของสมาคม เธอมีสีหน้าชื่นชมปนประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน
“นางฟ้า?”
ลั่วชิวส่ายหน้า หันมาราวกับจะรวบลูกไฟกลมๆ ที่อยู่ระหว่างมือทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยตัดใจทิ้งไม่ลง “ไม่ว่าจะเป็นอะไร ให้ฉันได้มองเห็นสีสันแบบนี้ก็พอแล้ว”
…
สีสะท้อนความสุข