สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 24 หงส์ดำ
บาลาไลก้า
คุณสาวใช้ใช้เหล้าวอดก้าหนึ่งออนซ์ ค็อกเทลคารูโซขาวศูนย์ดีกรีห้าสิบออนซ์ รวมทั้งน้ำเลม่อนในปริมาณเท่าๆ กันมาผสมค็อกเทลชนิดนี้อยู่
ในห้องชุดชั้นบนสุดของอะพาร์ตเมนต์ เป็นสไตล์โรงแรมซึ่งมองเห็นวิวยามค่ำคืนในมอสโก โยวเย่จึงคิดว่า ควรจะฉลองให้เต็มที่สักหน่อย
ในมือลั่วชิวมีดวงไฟวิญญาณที่เพิ่งทำข้อตกลงสำเร็จและเก็บค่าธรรมเนียมไปแล้วกำลังลอยอยู่
วิวยามค่ำคืนทั่วเมืองมอสโกด้านนอกหน้าต่างบานยาวจรดพื้นนั้นล้วนเป็นแสงไฟหลากสีสัน แม้แต่ดวงไฟดวงนี้ก็มีสีสันมากมายเช่นกัน
แต่มันไม่ใช่คามาลาอีกแล้ว
มันอยู่ในสภาวะดั้งเดิมของมันเท่านั้น เมื่อตอนที่ทำข้อตกลงสำเร็จแล้ว ร่างของคามาลาก็สลายหายไป
“ก็เหมือนกับส้ม หลังจากปลอกเปลือกออกแล้ว ก็จะได้เนื้อผลไม้สดรสหวานชุ่มช่ำ…คามาลาก็เป็นเปลือกนอกนี่เอง”
เจ้าของร้านลั่วหวนคิดถึงคำอธิบายเรื่องนี้จากคุณสาวใช้ ว่าตอนที่เจ้าของร้านคนก่อนดูแลสมาคม ก็เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นสองครั้ง
แต่ดวงวิญญาณสองครั้งก่อน ก็ยังบริสุทธิ์สู้ดวงวิญญาณนางฟ้าของคามาลาไม่ได้เลย
คุณสาวใช้นำบาลาไลก้าที่ปรับสูตรเรียบร้อยแล้วไปวางบนโต๊ะน้ำชากลมๆ เล็กๆ ด้านข้างที่ลั่วชิวนั่ง อยู่ “อาจเพราะเป็นดวงวิญญาณของนางฟ้า”
โยวเย่ก็มองดวงวิญญาณในมือเจ้าของร้านด้วยความหลงใหลเช่นกัน “ครั้งนี้ ยืนยันแนวคิดสมัยก่อนของนายท่านได้เป็นอย่างดีเลยนะคะ”
“แนวคิด?” ลั่วชิวไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับในทันที
โยวเย่กลับพูดลอยๆ ราวกับย้อนความทรงจำว่า “ถ้ากาลเวลาสามารถหมักเหล้าให้หอมหวนได้ แล้วจะยอมรอไหม?”
ลั่วชิวยกแก้วเหล้าสไตล์โบราณที่อยู่ข้างตัวขึ้นมา ตามหลักแล้วเขาไม่คุ้นเคยกับการดื่มเหล้าวอดก้า แต่กลับรู้สึกว่าเครื่องดื่มแก้วนี้ดื่มง่ายอย่างน่าประหลาด
บางทีอาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์ไม่มีผลต่อร่างกายเขาแล้ว
ข้างๆ ยังมีมะนาวฝานแผ่นเล็กๆ ลั่วชิวรับมาบีบใส่ปากตนเอง รสชาติเปรี้ยวทำให้เขาขมวดคิ้วทันที “อืม ทำไมดวงวิญญาณของนางฟ้าถึงได้มาอยู่ในร่างคนธรรมดาล่ะ”
โยวเย่ตอบว่า “นายท่านคนก่อนเคยเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟังค่ะ แต่ที่รู้ก็ไม่มากนัก ดูเหมือนว่านางฟ้าที่ทำผิดจะถูกลงโทษให้ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ เมื่อนางฟ้าผ่านความลำบากบนโลกมนุษย์ และชำระล้างบาปในใจได้ เธอก็จะได้กลับสวรรค์”
“ลงมาจุติเผชิญวิบากกรรมสินะ…” ลั่วชิวพูดอย่างเผลอไผล
คุณสาวใช้เอียงหัว
ลั่วชิวยิ้มแล้วพูดว่า “ประเทศของเราก็มีตำนานคล้ายๆ กัน ถ้าเซียนบนสวรรค์ทำผิดกฎสวรรค์ก็จะต้องถูกผลักลงมาบนโลกมนุษย์ หลังจากที่เจอความยากลำบากมามากพอแล้ว ถึงจะกลับไปเป็นเซียนได้ใหม่…อืม ในหนังสือตำนานกล่าวไว้ว่าอย่างนี้น่ะ”
คุณสาวใช้พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “ประเทศของนายท่านมีตำนานเทพเจ้าอยู่ไม่น้อยเลยนะคะ”
ลั่วชิวมองโยวเย่แวบหนึ่ง
เธอเปิดอ่านสมุดบัญชีในชั้นใต้ดินตามอำเภอใจไม่ได้ แต่ตอนแรกที่ได้รับค่าธรรมเนียม โยวเย่ก็เป็นคนเอาสมุดบัญชีออกมาเองกับมือ
นี่เป็นเรื่องสมัยที่เจ้าของร้านคนก่อนยังดูแลสมาคม อันที่จริงเจ้าของร้านคนก่อนเป็นหนุ่มติดบ้าน ไม่ก้าวพ้นประตูเกินสามก้าว…อืม เป็นหนุ่มติดบ้านและยังหล่อมากด้วย
อีกทั้งต้องคอยดูแลลูกค้าที่มาหาถึงหน้าประตู และบางครั้งยังต้องปรากฏตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาจึงเริ่มมาอยู่ในสมาคมระยะยาว งานการเก็บค่าธรรมเนียมเลยมอบให้โยวเย่ไปจัดการให้เรียบร้อย
รายชื่อที่บันทึกอยู่ในสมุดบัญชี พอใกล้ถึงเวลาแล้วก็จะเตือนคุณสาวใช้คนนี้โดยอัตโนมัติ แต่สิ่งที่เธอสามารถมองเห็นก็มีเพียงแค่เนื้อหาข้อตกลงแลกเปลี่ยนในรายการนี้เท่านั้น
ดังนั้นเรื่องเกี่ยวกับสวรรค์ เธอคงยังรู้ไม่มากนัก…หรืออาจไม่รู้อะไรเลย
สำหรับเทพทางฝั่งโลกตะวันออกนั้น ก็น่าจะเป็นอะไรที่คล้ายๆ กัน
สวรรค์…เทวโลก
…
“นายท่านคะ หน้าฉันมีอะไรเหรอคะ?”
โยวเย่มองสายตาลั่วชิวที่กำลังมองตนเอง แล้วเธอก็กะพริบตาถาม
ลั่วชิวส่ายหน้า พูดเสียงเบาๆ ว่า “สบายใจได้ ฉันจ้องเธอ ไม่ใช่เพราะมีอะไรติดหน้าเธอ แต่เธอชอบแต่งตัว ฉันก็แค่ชอบมองเท่านั้นเอง”
แววตาโยวเย่เป็นประกายทันที ลุกขึ้นยืนพูดเสียงเบาๆ ว่า “นายท่านรอสักครู่นะคะ”
ลั่วชิวที่อยากรู้ว่าโยวเย่คิดจะทำอะไรก็เปลี่ยนท่านั่ง เห็นแค่โยวเย่เดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่งเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน แสงโคมในห้องก็ถูกหรี่จนมืดสลัว เหลือเพียงแสงไฟตามขอบทางเดินเท่านั้น และยังเป็นแสงสีเหลืองนวลอีกด้วย
ระบบเครื่องเสียงที่ติดตั้งข้างๆ จอโทรทัศน์ดังขึ้นมา เสียงดนตรีดึงดูดความสนใจลั่วชิวไปทันที เขามุ่งหน้าไปคว้ากล่องซีดีที่วางอยู่บนเครื่องเสียงนั่นอย่างเผลอตัว
เขามองดูปกซีดีแวบหนึ่ง
‘The Pavilion of Armide*’
นี่เป็นเสียงดนตรีในละครบัลเลต์ชุด ‘The Pavilion of Armide’
ลั่วชิวรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เขามองไปตรงระเบียงทางเดินด้วยความคาดหวัง ในขณะที่เสียงเพลงยังคงบรรเลงเสนาะหู คุณสาวใช้ก็ปรากฏตัวกลางห้องรับแขกในห้องชุดแห่งนี้
ด้วยมีเวลาไม่มาก โยวเย่จึงหาชุดบัลเลต์และรองเท้าบัลเลต์ไม่เจอ แต่เรื่องนี้กลับไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณสาวใช้เลย
เธอสวมชุดนอนแพรไหมสีดำตัวบาง ซึ่งสามารถเห็นเรือนร่างขาวสะอาดนั่นได้รางๆ นี่เป็นชุดที่เธอพอจะหาได้
ด้วยบนพื้นมีบนพรมอ่อนนุ่มสีขาว จึงไม่จำเป็นต้องใช้รองเท้าบัลเลต์เหมือนกัน
ขาซ้ายของโยวเย่เขย่งขึ้น ปลายเท้าทรงตัวได้อย่างสมบูรณ์ ขาขวาของเธอยื่นไปด้านหลังจนแทบจะขนานกับพื้น และสองมือกางออกข้างตัว
เธอค่อยๆ ขยับแขนช้าๆ จนเหมือนกับปีก
ส่วนตัวของเธอโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย เกี่ยวกับชุดนอนหรือเปล่า?
ภาพที่งดงามย่อมปรากฏขึ้นต่อหน้าลั่วชิวเป็นธรรมดา
เธอกำลังหมุนตัวไปรอบๆ กระโดดขึ้นต่ำๆ ย่ำไปตามจังหวะ ก็เหมือนกับหงส์ดำตัวหนึ่งที่กำลังผ่านทะเลสาบสีสดใสไปอย่างรวดเร็ว
เธออยู่ตรงหน้านายท่าน เต้นรำแบบที่ไม่เคยเต้นให้ใครดู
…
…
ชี่ๆ
น่าจะเป็นเสียงทอดไข่ดาว…ด้วยสภาพร่างกายของเจ้าของสมาคม เขาจึงไม่ต้องการใส่ใจปริมาณการดูดซึมไขมัน ดังนั้น คุณสาวใช้จึงใช้เนยทอดไข่ดาวเพราะมันอร่อยกว่า
พอลั่วชิวได้กลิ่นอาหารมื้อเช้าแล้ว ก็เปิดผ้าม่านห้องรับแขกในห้องชุดออกเพื่อดูวิวยามเช้าของเมืองแห่งนี้สักหน่อย ถือว่าอารมณ์ดีเลยทีเดียว
“นายท่านคะ มื้อเช้าใกล้จะเรียบร้อยแล้ว ของที่ใช้ล้างหน้าแปรงฟันก็เตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ” เสียงคุณสาวใช้ดังมาจากในครัว
ลั่วชิวยืนเท้าสะเอว แล้วถือโอกาสเปิดทีวี จึงเห็นรายงานข่าวข่าวหนึ่งว่า
“…เวลาประมาณเที่ยงคืนของเมื่อวาน ภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ที่เก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์เทียทยาคอฟแกลเลอรี่ได้ถูกขโมยไปแล้ว…”
*The Pavilion of Armide ชื่อชุดการแสดงบัลเลต์