สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 26 มายากลของโยวเย่
เธอใส่ชุดสูทสีน้ำเงินเข้ากันดีกับเสื้อเชิ้ตคอกลม ตัวสูงแต่กลับซีดขาวเล็กน้อย และยังมีผมสั้นที่ดูคล่องแคล่ว…สายตาของลั่วชิวหยุดอยู่ที่ใบหน้าของอีกฝ่ายพักหนึ่ง
ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อยว่านี่เป็นใบหน้าที่งามประณีตมากๆ และก็ไม่ต้องสงสัยว่า…นี่คือคุณผู้หญิงที่แต่งตัวไม่ชาย ไม่หญิงออกกลางๆ มากคนหนึ่ง อายุน่าจะประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี
ค่อนข้างเท่มาก
“นักมายากลริมถนน?” ลั่วชิวถามอย่างประหลาดใจ ขณะที่กำลังมองดูสาวมาดเท่ ที่ปรากฏตัวกะทันหันผู้นี้ แล้วจึงมองรอบด้านตัวเองเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ
เขาไม่อยากกลายเป็นคนที่ติดอยู่ในภาพวิดีโอของคนอื่น แล้วตกเป็นเป้าบนเว็บ VK หรือแม้กระทั่งบน YouTube ให้พวกผู้ชมที่เอาแต่ดูไม่แสดงความคิดเห็นและไม่รู้เรื่องราวความเป็นจริงพูดแขวะ
“วางใจเถอะ ไม่มีคนถ่ายวิดีโอหรอกค่ะ” หญิงสาวสุดเท่ยิ้มเล็กน้อย
เท่มากจริงๆ นะ…ลั่วชิวพยักหน้าในใจไม่หยุด เพียงแต่ว่าหญิงสาวมาดเท่คนนี้กลับไม่ได้ละสายตาไปจากโยวเย่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเลย
กล่าวได้ว่าในแววตาที่งดงามนั้นแฝงการค้นหาและความใฝ่หาที่งดงามเอาไว้…คาดว่ายังมีความเร่าร้อนอีกส่วนหนึ่งด้วยล่ะมั้ง
“ทั้งสองคนเป็นคู่รักกันเหรอคะ?” เธอถามทันที
ลั่วชิวพูดอย่างเฉยเมยว่า “พวกเราเป็นคนที่จะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป”
“ว้าว…”
สาวเท่มีตาเป็นประกาย ราวกับชื่นชมอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นเธอก็แบมือทั้งสองของตัวเองออกต่อหน้าลั่วชิวและโยวเย่ นั่นเป็นมือเปล่า เธอถึงขนาดพลิกแขนเสื้อของตัวเอง แสดงให้เห็นว่าตรงนี้ก็ไม่ได้ซ่อนของใดๆ เอาไว้
ลั่วชิวกำลังชื่นชมดวงตาสีเขียวมรกตราวหยกเขียวของอีกฝ่าย ในฐานะนักมายากล ควรจะมีดวงตาดึงดูดผู้คนได้มากแบบนี้
สาวเท่หยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาจากโต๊ะของทั้งสองคน มือซ้ายของเธอกำเป็นกำปั้น แล้วใช้มือขวายัดผ้าเช็ดหน้าเข้าไปในกำปั้นซ้ายช้าๆ
เธอเริ่มหรี่ตาสีเขียวมรกตอันน่าหลงใหลของตัวเองลง แล้วยื่นกำปั้นซ้ายไปตรงหน้าโยวเย่ ก่อนยิ้มน้อยๆ พร้อมพูดว่า “เป่าให้ฉันทีหนึ่งได้ไหมคะ?”
พอได้รับอนุญาตของลั่วชิวแล้ว โยวเย่จึงเป่าลมเบาๆ ไปหนึ่งครั้ง
นักมายากลสาวเท่คนนี้เก็บกำปั้นของตัวเองกลับมา อีกทั้งยังจูบบนกำปั้นเบาๆ แล้วยื่นออกมาอีกครั้ง ตรงข้างหน้าลั่วชิวและโยวเย่ ก่อนคลายนิ้วออกช้าๆ
ดอกไม้สีฟ้าผลิบานอยู่ในฝ่ามือของเธอพอดี
นี่เป็นดอกไม้มีกลีบซ้อนทับกัน อีกทั้งยังมีสีสันสวยสดงดงามราวกับขนนกที่แตกกระจาย
“คอร์นฟลาวเวอร์เหรอคะ” คุณสาวใช้ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดชื่อดอกไม้ออกมา
นักมายากลสาวเท่คนนี้ยิ้มแบบผู้ดี “มีเพียงสีฟ้าของมันถึงขับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของคุณให้โดดเด่นได้ มอบให้คุณค่ะ คุณผู้หญิงของฉัน”
โยวเย่ยื่นมือออกไปหยิบคอร์นฟลาวเวอร์ดอกนี้จากในมือของเธอ ตอนที่เพิ่งจะหยิบกลีบดอกของมันไว้ จู่ๆ ก็มองลั่วชิวแล้วพูดว่า “ฉันแสดงมายากลสักอย่างด้วยแล้วกันค่ะ”
“เธอทำได้เหรอ?” ลั่วชิวค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย
โยวเย่วางคอร์นฟลาวเวอร์ดอกนี้บนมือ และเลียนแบบที่นักมายากลข้างทางคนนี้ทำตอนแรก มือน้อยๆ กำเป็นกำปั้น ส่วนมืออีกข้างก็กำเป็นกำปั้นยื่นออกไป มือทั้งสองทำท่าทางตัดสลับกันครั้งหนึ่ง
จากนั้นก็หยุดอยู่กลางอากาศ
ตอนนี้คุณสาวใช้กำลังมองนักมายากลสาวเท่คนนี้แล้วพูดว่า “คุณเดาสิคะว่ามันอยู่มือไหน?”
นักมายากลสาวคนนี้อึ้งไป ถึงแม้ว่าเธอจะแสดงท่าทีสบายๆ แต่ในฐานะที่เป็นนักมายากล แววตาของเธอดูมุ่งมั่นเป็นพิเศษ พลังการสังเกตที่มองได้อย่างครบถ้วนก็เหมือนกับสัญชาตญาณติดตัว มันได้แทรกซึมเข้าไปในทุกๆ การมองเห็นในชีวิตประจำวัน
แต่ตอนนี้เอง เธอกลับไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าคอร์นฟลาวเวอร์ดอกนี้ไปอยู่ในกำปั้นไหนกันแน่
เธอมองไม่เห็นท่าทางสลับสับเปลี่ยนใดๆ ของเด็กสาวที่หน้าตาสวยมากๆ ตามหลักการ ท่าทางสับเปลี่ยนทั้งหมดควรอยู่ในสายตาของเธอตลอด แต่ถ้าหากอยู่ในกำปั้นเดิม แล้วจะเป็นมายากลได้ยังไง
บางทีนี่อาจเป็นเพียงเกมจิตวิทยาธรรมดาๆ ก็ได้นี่?
“ไม่ทายเหรอคะ?” โยวเย่ถามเสียงเบาๆ
ริมฝีปากนักมายากลสาวเท่คนนี้ขมุบขมิบเล็กน้อย แล้วก็แสดงรอยยิ้มมั่นใจออกมา ยื่นนิ้วมือออกไปชี้กำปั้นเล็กๆ ของโยวเย่ที่จับคอร์นฟลาวเวอร์เอาไว้ก่อนหน้านี้
“แน่ใจนะคะ?”
“ถ้าทายผิด มื้อนี้ฉันเลี้ยงทั้งสองก็แล้วกัน” เธอพูดอย่างสุขุมนุ่มลึก
ตอนที่คุณสาวใช้แบมือข้างที่เธอชี้ออกทีละนิ้วราวกับดอกไม้ผลิบาน สาวเท่ก็อดเผยอริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อยไม่ได้…จนสุดท้ายฝ่ามือที่ว่างเปล่าก็ได้แบออกจนหมด
เธอผิวปากหนึ่งครั้งทันที ไม่เห็นความเจ็บใจเลยแม้แต่น้อย และมองดูกำปั้นอีกข้างของโยวเย่ ซึ่งกำลังแบออกเช่นกัน
ไม่มีอะไรเหมือนกัน
“เอาเถอะ ฉันคิดว่าฉันพบยอดฝีมือเข้าแล้ว” สาวเท่คนนี้ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองอย่างสง่าผ่าเผย “ตามสัญญา ฉันจะเลี้ยงเอง…อย่างนั้นไม่รบกวนคุณทั้งสองแล้ว”
เจ้าของร้านลั่วมองด้านหลังของสาวเท่คนนี้ที่เดินไปเช็กบิลทางเคาน์เตอร์ ก่อนพูดอย่างขบขันว่า “ใช้เปลวไฟสีดำเผาคอร์นฟลาวเวอร์ดอกนี้ ไม่คิดว่าน่าเสียดายเหรอ?”
คุณสาวใช้พิจารณาเจ้าของร้านลั่วอีกครั้ง…แล้วตอบคำถามที่ชวนให้คนฟังรู้สึกดีเสมอ
“นอกจากของขวัญของนายท่าน ยังต้องรักษาของอย่างอื่นอีกเหรอคะ?”เธอเอียงหัวเล็กน้อยทำให้ต่างหูเพชรที่ห้อยลงมาคู่นั้นขยับเบาๆ
เธอใส่มันมาตลอดตั้งแต่วันนั้น
ลั่วชิวเคาะนิ้วเบาๆ บนโต๊ะ แล้วเลียนแบบท่าทางนักมายากลของเธอ นิ้วมือหดงอเป็นกำปั้น จากนั้นก็แบออก แล้วคอร์นฟลาวเวอร์ที่สดสวยอีกดอกก็ปรากฏขึ้น
“ไปที่ไหนต่อดีล่ะ?”
…
…
ตอนที่เวร่าเช็กบิลเดินออกมา ก็มองไม่เห็นชายหญิงโต๊ะนั้นแล้ว เธอเดินมาที่หน้าโต๊ะนี้ จู่ๆ ก็ย่อตัวลงมองดูใต้โต๊ะก็ไม่เจออะไร
เธออดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ จากนั้นก็นั่งลงย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างละเอียด…หลอกตาเธอไปได้ยังไงกันแน่?
“หือ? คุณเวร่าที่รัก ขอโทษนะ นี่คุณกำลังขำอะไรครับ?”
ในตอนนี้เอง ชายอายุราวๆ สามสิบสองสามสิบสามปีคนหนึ่งที่อุ้มของใช้และอาหารในถุงกระดาษถุงหนึ่งก็มาปรากฏในสายตาเธอ
“ถ้าฉันบอกนายว่าฉันเจอคนที่หลอกตาทั้งสองข้างของฉันได้ นายจะเชื่อไหม?” เวร่าเอียงหัว แล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับเอ่ยขึ้น
ผู้ชายอ้าปากค้างอย่างตกใจ จากนั้นก็ส่ายหน้าแบบงุนงง “ไม่เชื่อ”
“ฮ่าๆ!” เวร่าส่ายหน้า “ฉันก็ไม่เชื่อ”
“เอาล่ะ ไม่พูดล้อเล่นแล้ว”ผู้ชายนั่งลงมาทันที พูดสีหน้าจริงจังว่า “คุณดู VK แล้วหรือยัง?”
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” เวร่าพูดถามไปตามน้ำ
“อืม F&C เพิ่งจะอัปโหลดวิดีโอตอนหนึ่งไปบน VKยอมรับว่าตัวเองขโมยภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ภาพนั้นไป!”
เวร่าล้วงช็อกโกแลตคิสห่อหนึ่งออกมาจากชุดที่สวมอยู่ แล้วกัดเข้าไปคำหนึ่ง “วิคก้า เมื่อคืนนี้ฉันได้ไปพิพิธภัณฑ์แกลเลอรีมาไหม?”
วิคก้าพูดว่า “คุณเดินละเมอเหรอครับ?”
เวร่ายิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องสนุกแล้ว…”