สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 27 ภาพที่หายไปเอง
เขาที่จิตใจว้าวุ่นกำลังวิ่งหนีอย่างแตกตื่นในซอยเล็กๆ ตรงมุมถนน เพราะมีชายชุดสูทรองเท้าหนังสองคนไล่ตามเขาอยู่ด้านหลัง
เขามีสีหน้ากระวนกระวาย ตรงกันข้ามกับความเร็วของเขา เขาต้องพยุงขาขวาของตนเองเพื่อเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง
แต่บนต้นขาขวาของเขา กลับพันด้วยผ้าสีขาวผืนหนึ่ง แน่นอนว่ากำลังเลือดออกด้วย
เลือดสีแดงสดกับแดงเข้มเหมือนหมึกสีแดงละลายน้ำที่ค่อยๆ ไหลซึมออกมา ทำให้เกิดริ้วลายบนผ้าพันแผล
เขาเดินช้า จึงต้องอาศัยถนนในเมืองอันวุ่นวายมาช่วยสลัดการไล่ล่าของอีกฝ่าย เขาเริ่มค่อยๆ รู้สึกกลัวว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็จะหลงทางเสียแล้ว
“ขอโทษครับ”
ดูเหมือนว่าจะชนกับใครเข้า เขาไม่ทันมองให้ละเอียด หลังจากมองไปแวบหนึ่ง ก็รีบร้อนเดินเข้าไปในซอยอีกซอยหนึ่งทันที
เขากลับไม่รู้ว่า หลังจากเขาชนกับคนนั้นเข้า ของบางอย่างก็ร่วงลงมาจากในเสื้อของเขาแล้ว มันเป็นสีหลอดหนึ่ง
…
ลั่วชิวไม่ต้องลงมือเก็บเอง เพียงแค่เขาทอดสายตามองลงไปบนของสิ่งนี้ คุณสาวใช้ก็เก็บขึ้นมาให้เขาแล้ว
ตอนที่ลั่วชิวยังไม่ทันได้ดูให้ละเอียด ก็มีชายชุดสูทสองคนวิ่งโผล่ออกมาจากในซอยเมื่อครู่
อืม ชุดสูทรัดรูป มองแวบเดียว ลักษณะคล้ายคนมีฝีมือ
ชายพวกนั้นมีกันสองคน หนึ่งในนั้นมองหลอดสีที่อยู่ในมือของเจ้าของร้านลั่ว แล้วถามด้วยภาษาอังกฤษทันทีว่า “ทั้งสองท่าน เห็นชายคนหนึ่งวิ่งผ่านไปหรือเปล่าครับ ขาของเขาได้รับบาดเจ็บ น่าจะจำได้ง่ายมาก”
ใบหน้าคล้ายชาวตะวันออก…ชายหนุ่มสลับใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่าย
เจ้าของร้านลั่วก็ยื่นนิ้วชี้ออกไปยังทิศทางตรงกันข้าม…ตรงกันข้ามกับซอยที่ชายผู้นั้นหนีไปอย่างลนลาน
ชายที่ถามมองไปแวบหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย แล้วรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปในซอยนั้นอย่างรวดเร็ว
แต่เพื่อนที่มาด้วยกันกลับล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากด้านในเสื้อสูท ยัดธนบัตรสองใบใส่ไปในมือของลั่วชิว หลังจากพูดคำว่าขอบคุณอย่างรวดเร็วแล้ว ก็รีบตามไป
“…นี่ฉันหาเงินได้เหรอ?” ลั่วชิวมองสาวใช้ของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อ
โยวเย่พยักหน้า ยิ้มน้อยๆ พลางพูดว่า “ใช่ค่ะ นายท่านหาเงินได้แล้ว”
ลั่วชิวยิ้มน้อยๆ พลางส่ายหน้า แต่กลับมองหลอดสีในมือด้วยความสนใจยิ่งกว่า…มีคนเคยใช้มันแล้ว ตรงปลายหลอดม้วนขึ้นมาจนถึงตรงกลางหลอดแล้ว
สีเหลืองเลม่อน
…
…
เวร่ากำลังเคี้ยวหมากฝรั่ง เธอเดินวนรอบพิพิธภัณฑ์ที่รูปวาดถูกขโมยไปแห่งนี้รอบหนึ่งแล้ว วันนี้พิพิธภัณฑ์ปิดทำการชั่วคราว และบริเวณรอบๆ ก็ล้อมไปด้วยเทปสีเหลือง
“ทางเข้ามีตำรวจเฝ้ายามอยู่…วิคก้า นายเห็นสถานการณ์ในพิพิธภัณฑ์ไหม?” เวร่ากดไปที่หูของตนเอง สิ่งเล็กๆ ที่ยัดอยู่ในหูนี้ก็คือสิ่งที่เธอใช้ติดต่อกับวิคก้าที่ปฏิบัติการอยู่ในรถตู้อาร์วีคันหนึ่ง
ขณะเดียวกันนั้น ในรถตู้อาร์วีที่จอดอยู่อีกด้านของพิพิธภัณฑ์ วิคก้าก็กำลังจ้องมองหน้าจอทั้งสอง พลางกัดขนมปังปิ้ง สองมือกำลังพิมพ์รัวไปบนแป้นพิมพ์ พูดราวกับยุ่งมือพัลวันว่า “ราชินี เวร่าที่เคารพ คุณคิดว่าตอนนี้ผมแค่ถอดรหัสคอมพิวเตอร์ของนักเรียน ม.ปลายที่ดูหน้าเว็บ******คร่าวๆ เหรอครับ?”
“งั้นฉันเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน” เวร่าผิวปากไปทีหนึ่ง
วิคก้าตกใจจนขนมปังปิ้งร่วงจากปาก รีบพูดแย้งทันที “ยังไม่รู้สถานการณ์ด้านในแน่ชัด ตำรวจพวกนั้นน่าจะยังเดินเพ่นพ่านอยู่ คุณทำแบบนี้จะถูกมองว่า…เอาเถอะ คุณเป็นราชินีที่หัวดื้อที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมาเลย!”
ปิดการติดต่อไปชั่วคราว วิคก้าได้แต่ถอนหายใจ เขาจำต้องทุ่มเททำภารกิจในมืออย่างสุดความสามารถกว่าเดิม
สำหรับเวร่านั้น เธอมีหลายวิธีที่จะปะปนเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอเลือกใช้วิธีผ่านเข้าออกได้ราบรื่นที่สุด
ในฐานะนักมายากลคนหนึ่ง เธอจะเอาการ์ดพนักงานจากพนักงานที่แอบวิ่งออกมาสูบบุหรี่ ก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร
แน่นอนว่า ก่อนหน้านั้น คุณนักมายากลสาวเท่ได้เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งสวมแว่นตากรอบดำดูงุ่มง่าม และทรงผมด้วย
ก็แบบนี้แหละ นักมายากลสุดเท่รูดการ์ดผ่านเข้าไปอย่างสง่างามต่อหน้าตำรวจที่เฝ้าหน้าประตู
เห็นได้ชัดว่าจุดที่ของหายยังมีตำรวจนายหนึ่งคอยเฝ้าดูอยู่ เพียงแต่มองไม่เห็นหัวหน้าตำรวจหรืออะไรแบบนั้น ตรงนี้น่าจะเป็นพวกที่ซักถามคำให้การพวกนั้น
เวร่าเดินผ่านเข้ามาอย่างง่ายดาย เพียงไม่นาน ดวงตาเหยี่ยวก็จดจำจุดที่ถูกขโมยภาพ แม้กระทั่งการวางหมากคนเฝ้าแต่ละจุดของที่นี่ไว้ในสมองหมดแล้ว
เธอเริ่มวาดภาพโครงสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ในหัวเธอ
ทันใดนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเธอ…และตะโกนเรียกเธอ “คุณ เดี๋ยวก่อนครับ”
ตอนที่วิ่งก็เผยให้เห็นซองปืนแนบอยู่ใต้เสื้อคลุมรางๆ เวร่าอึ้งไป เท้าที่ก้าวอยู่ด้านหลังลากถอยหลังไปนิดหนึ่ง แต่กลับดึงดูดสายตาของชายคนนี้ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
ชายหนุ่มกลับถามว่า “ห้องน้ำอยู่ทางไหนครับ…อ๋อ เหมือนผมจะปวดท้องหน่อยๆ ครับ”
“ทางนั้นค่ะ” เวร่าชี้ไปส่งๆ
“ขอบคุณครับ!” ชายหนุ่มรีบพยักหน้าเล็กน้อย “ผมชื่อเยียร์เกอร์ครับ…จริงสิ คุณไม่สวมแว่นจะดูสวยขึ้นนะครับ”
เวร่าหรี่ตามองเยียร์เกอร์ที่รีบร้อนไปหาห้องน้ำที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงนั้นจริงหรือเปล่า ตอนที่กำลังคิดว่าจะหลบไปแบบนี้ เธอกลับได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
เธอหลบอยู่ด้านหลังเสา เห็นชายวัยกลางคนพุงใหญ่คนหนึ่งวิ่งผ่านไปด้วยสีหน้าร้อนรน ทั้งยังหันกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า…ราวกับกลัวจะมีคนเห็นเขาเข้า
เวร่ามีแววตาเปลี่ยนไปทันที แล้วเดินตามไปเงียบๆ
“…อืม เมื่อกี้ผมเพิ่งให้ปากคำกับตำรวจเสร็จ…อืม ทุกอย่างโอเค… ผมจะดำเนินการให้เร็วที่สุด”
เธอได้ยินเพียงการพูดตอบฝ่ายเดียวแบบนี้ เธอผู้ไม่เชื่อหรือไว้ใจอะไรง่ายๆ ก็แอบใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพชายคนนี้เอาไว้
แล้วถึงได้ลอบออกมาจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เธอถอดเสื้อนอกและแว่นตาออกตรงริมถนน หลังจากโยนส่งๆ ลงถังขยะแล้ว ก็กลับไปในรถตู้อาร์วี
เวลานี้วิคก้าถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า “ผมคงไม่หวังว่าจะเห็นคุณกลับมาแบบสบายใจแบบนี้หรอกนะ เพราะผมพอใจจะให้คุณได้ลิ้มรสความลำบากเสียมากกว่า”
เวร่าหยิบเบียร์จากตู้เย็นมาขวดหนึ่งแล้วงัดเปิดออก เธอเดินมาข้างๆ วิคก้า ยื่นมือออกไปค้ำโต๊ะ แล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า “ภาพนี้…มันหายไปเอง”
“คุณจะบอกว่ามีนักมายากลเปลี่ยนเอาไปแล้วเหรอ?” วิคก้ากลอกตาถาม
เวร่าเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วบอกว่า “ช่วยฉันตรวจสอบหน่อย หมอนี่เป็นใคร มีสถานะอะไร…อีกอย่าง ครั้งหน้าตอนซื้ออุปกรณ์ปลอมตัวมา ช่วยซื้อแว่นอันที่มันดีๆ หน่อยได้ไหม?”
วิคก้า…วิคก้ากะพริบตา สีหน้าตะลึงไม่อยากเชื่อ
…
…
เขายื่นหัวออกมาสำรวจอย่างวิตกกังวล ก่อนหันกลับไปมองทางที่ตนเองเดินผ่านมาอย่างระมัดระวัง ตอนนี้เห็นเพียงคนเดินถนนสองสามคน
ดูเหมือนว่าไม่มีคนตามมาแล้ว
เขาถึงได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัวพิงกำแพงไถลนั่งลง ด้วยออกแรงอย่างหักโหมทำให้ริมฝีปากเขาซีดลงเล็กน้อย และแห้งผากด้วย อีกทั้งแผลที่ต้นขาก็ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ดื่มน้ำหน่อยไหม?”
ในตอนนี้เองก็มีขวดน้ำดื่มโผล่มาตรงหน้าเขา
ชายที่ซวยมากคนนี้เงยหน้าขึ้นมาอัตโนมัติ สิ่งที่เห็นก็คือชายหญิงคู่หนึ่ง…หนึ่งในนั้น ดูเหมือนจะเป็นคนหนุ่มคนนั้นที่เขาเพิ่งชนไปเมื่อครู่นี้
“คุณ พวกคุณเป็นใคร?” เขาทั้งสงสัยและตื่นตระหนก สองมือชายหนุ่มยึดผนังเอาไว้ พยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นมา
“นี่เป็นของที่คุณทำตกไว้เมื่อกี้ครับ” ลั่วชิวแบมือ ก็เห็นหลอดสีเหลืองเลม่อนหลอดนั้นในมือเขา
ชายคนนี้อึ้งไป เขาหยิบหลอดสีกลับมาจากมือลั่วชิวอย่างรวดเร็ว แล้วยัดเข้าไปในเสื้อตนเอง ดูเหมือนว่าเขาจะผ่อนคลายขึ้นมาหน่อยแล้ว เขามองดูน้ำดื่มขวดนั้น แล้วเผลอกลืนน้ำลายลงคอ
เขารีบเปิดขวดน้ำอย่างรีบร้อน หลังจากกรอกเข้าปากไปหลายอึกแล้ว ถึงได้เช็ดปากแบบลวกๆ เขาเผยให้เห็นท่าทางไม่เข้าใจ “มีคนไล่ตามผมมา…พวกเขาไม่ได้ถามทางพวกคุณเหรอ?”
เขาจำระยะห่างของตัวเองกับอีกฝ่ายระหว่างการไล่ตามได้ ดังนั้นหลังจากตัวเขาได้ชนกับใครคนหนึ่งเข้า ต่อมาอีกฝ่ายจะต้องได้เจอกับชายหญิงคู่นี้แน่นอน
“อืม ผมอาจจะเล่นพิเรนทร์เล็กๆ น้อยๆ ไปน่ะครับ”
ชายหนุ่มอึ้งไป เขาถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมคุณต้องช่วยผม?”
เจ้าของร้านลั่วพูดเบาๆ ว่า “คุณลืมไปแล้วเหรอครับ? เราเคยพบกันมาก่อน”
“เมื่อก่อน?” ชายหนุ่มมีสีหน้างุนงง
เจ้าของร้านลั่วบอกว่า “หลายวันก่อน ตอนที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ คุณบอกผมเองไม่ใช่เหรอครับ เรื่องราวเกี่ยวกับภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ”
นี่ก็คือคนบ้าคนนั้นที่เคยพบกันที่พิพิธภัณฑ์แกลเลอรี