สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 28 เงินมากมาย
“คุณไม่กินเหรอ?”
เห็นเจ้านี่สั่งแค่น้ำเปล่ามาดื่มแก้วเดียว ยูริเลยหยุดใช้มีดและส้อมในมือ ก่อนเงยหน้าถาม
ยูริมีหนวดเคราขึ้นดกหนา แถมเอาแต่กินอย่างตะกละตลอด ดังนั้นภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูแย่มากอยู่แล้วยิ่งดูมันเยิ้มสกปรกมากขึ้นอีก
ลั่วชิวส่ายหน้า แล้วเขาก็ยื่นมือชี้ไปที่คางของตัวเอง ยูรินิ่งอึ้งไป แล้วจึงยื่นมือไปแตะหนวดเคราที่เหมือนผมลอนนั่น ก่อนหยิบเส้นบะหมี่ออกมาเส้นหนึ่ง
แต่เขาไม่ได้รังเกียจแถมเอาเส้นบะหมี่ใส่เข้าปากไปเฉย หลังจากนั้นก็กินอย่างมูมมามต่อ
หลังจากผ่านไปนาน ยูริถึงได้เรออิ่มอย่างพอใจ และไม่ได้สนใจว่าสถานที่ที่เขาอยู่ตอนนี้คือห้องอาหารที่เงียบเชียบแห่งหนึ่ง “ทำไมถึงช่วยผม? แถมยังเลี้ยงข้าวผมอีก? เพียงเพราะเราเคยพบหน้ากันครั้งหนึ่ง และผมก็จำอะไรไม่ได้เลยน่ะเหรอ?”
หลังจากลั่วชิวดื่มน้ำไปอึกหนึ่งก็พูดว่า “วันนั้น คุณยูริบอกว่า เขารักผู้หญิงคนนี้ เอ่อ…หมายถึงผู้หญิงในภาพวาดที่ทั่วโลกยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอน ผมแปลกใจว่าทำไมคุณยูริถึงได้ดูมั่นใจขนาดนั้นน่ะครับ”
ยูริอึ้งไป
ในระหว่างที่กำลังกินอย่างตะกละตะกลาม เขาก็คิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียว
ยูริใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดไปที่ปากของตนเองแบบลวกๆ หลังจากนั้นถึงได้ดื่มเหล้าวอดก้าก่อนอาหารไปอึกหนึ่ง แล้วเอนตัวไปข้างหน้าชิดขอบโต๊ะ เพื่อลดระยะห่างระหว่างเขากับลั่วชิว
ยูริยื่นนิ้วทั้งสองออกมา ชี้ไปที่ดวงตาทั้งสองข้างของตนเอง แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ถ้าผมบอกว่าแค่แวบเดียวดวงตาคู่นี้ของผมมองออก คุณจะเชื่อไหมล่ะ?”
เขาเลิกตากว้าง บริเวณรอบๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดจำนวนมาก
“ทำไมจะไม่เชื่อล่ะครับ?” ลั่วชิวพูดไปส่งๆ “ถ้าผมเชื่อ นั่นก็หมายความว่าคุณยูริเป็นปรมาจารย์ด้านการวิจารณ์งานศิลปะคนหนึ่งเลยไม่ใช่เหรอครับ? ได้รู้จักปรมาจารย์ด้านการวิจารณ์งานศิลปะสักคนก็เป็นเรื่องน่ายินดีนี่ครับ ส่วนที่ว่า…”
ลั่วชิวส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “…ถึงแม้จะถูกหลอก สำหรับผมแล้วไม่มีอะไรเสียหายหรอกครับ”
ยูริอ้าปากเล็กน้อย แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา หัวเราะคิกคักราวกับรู้สึกสนุก คาดไม่ถึงอะไรแบบนั้น
“ปรมาจารย์ๆ” พูดซ้ำๆ ราวกับจะล้อเลียน “ใช่ ไม่ผิดหรอก ผมเป็นปรมาจารย์ แต่ไม่ใช่ปรมาจารย์ด้านการวิจารณ์งานศิลปะ แต่เป็น ปรมาจารย์ด้านการวาดภาพคนหนึ่ง ฮ่าๆ!”
ลั่วชิวจิบน้ำดื่มไปอีกรอบ “คุณยูริเคยมีผลงานไหมครับ?”
ยูริรินเหล้าดื่มเองแก้วแล้วแก้วเล่า ไม่รู้ว่าสายตาเขาเริ่มทอดมองต่ำราวกับเมาหัวราน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ “ผลงาน? แน่นอน เยอะเลยแหละ…ที่เต็มท้องถนนทั้งหมดนั่นก็ใช่…ที่ใช้เช็ดก้นในห้องน้ำทั้งหมดนั่นก็ใช่…”
“คุณยูริเคยได้ยินที่พูดว่าลองทำเพียงผิวเผินก็เลิกไหมครับ?” ลั่วชิวพูดไปแล้วก็หันไปขอน้ำอุ่นกับบริกรแก้วหนึ่ง ก่อนเลื่อนไปวางตรงหน้ายูริ
แต่เห็นได้ชัดว่ายูริสนใจวอดก้าใกล้หมดขวดนี้มากกว่า จึงรู้สึกเฉยๆ กับน้ำอุ่นแก้วนี้ “ตอนที่ดื่มเหล้าได้ทำไมไม่ดื่มล่ะ? พอเดินออกจากห้องอาหารนี้แล้ว ยังไงพวกเราก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว คุณแค่อยากรู้ว่าผมเป็นคนยังไงก็เท่านั้น เพราะงั้นถึงได้อยู่ที่นี่กับผม เลี้ยงข้าวผม…คงจะอยากรู้เรื่องราวของผม ไม่ใช่เหรอ?”
ลั่วชิวตอบว่า “ก็คิดแบบนั้นจริงๆ แหละครับ…อืม ช่วงนี้เหมือนจะสนใจแต่เรื่องแบบนี้”
ยูริหัวเราะเหยียดหยาม มองพิจารณาอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงมองสาวสวยที่อยู่ข้างๆ คนนั้นแวบหนึ่ง แล้วพูดพึมพำเบาๆ ว่า “คนมีเงินอย่างคุณเนี่ย สิ่งที่ชื่นชอบมากที่สุดคือการนั่งอยู่ในที่อุ่นๆ ฟังเรื่องราวหดหู่จับใจ ได้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บชวนทอดถอนใจในหน้าหนาวอยู่หน้าเตาผิง ให้จิตใจที่เปี่ยมด้วยความสงสารได้รู้สึกอิ่มเอมหรอกเหรอ…”
ลั่วชิวไม่ได้คิดจะอธิบายอะไรจึงพูดขึ้นทันทีว่า “คุณยูริ อยากพักผ่อนไหมครับ? ชั้นบนของที่นี่น่าจะให้พักได้”
ตอนนี้ยูริก็เหมือนหนุ่มขี้เมาคนหนึ่งไปแล้ว มือของเขากุมศีรษะตนเองไว้ มองบริกรที่อยู่แถวข้างๆ ห่างออกไปไม่ไกล แล้วเขาก็กวักมือเรียกทันที
บริกรคนนั้นอึ้งไป จากนั้นก็เดินมาพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนพูดอย่างสุภาพว่า “คุณผู้ชายมีอะไรให้รับใช้ครับ?”
ยูริพูดขึ้นทันที “คุณเต้นเป็นไหม? ถอดเสื้อผ้าให้หมดแล้วไปเต้นตรงนั้น”
บริกรหนุ่มคนนี้ชะงักไป แต่ยังคงพูดอย่างสุภาพว่า “คุณผู้ชายครับ ผมคิดว่าคุณคงจะเมาแล้ว… คุณมีอะไรให้ช่วยไหมครับ?”
ตอนนี้ยูริกลับหัวเราะพลางส่ายหัว แล้วเขาก็เอียงหัวหันไปมองทางลั่วชิว เขาดีดนิ้วอยู่หลายครั้ง แล้วพูดขึ้นทันทีว่า “คุณมีธนบัตรติดตัวอยู่เท่าไร?”
อันที่จริงลั่วชิวอยากรู้เหลือเกินว่าชายที่ดูราวกับคนเร่ร่อนคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ เขาจึงส่งซิกสายตาไปทางคุณสาวใช้
คุณสาวใช้จึงหยิบธนบัตรรูเบิลมูลค่าสูงใหม่เอี่ยมปึกหนึ่งจากกระเป๋าถือขนาดเล็ก แล้วไปวางตรงหน้ายูริ โดยไม่ปริปากสักคำ
ยูริผิวปากแล้วชูธนบัตรเป็นฟ่อนราวกับก้อนอิฐนี้ขึ้นมา พลางกรีดนิ้วไปที่ธนบัตร จากนั้นเขาถึงได้ยันโต๊ะลุกขึ้นยืนแล้วจ้องมองบริกรคนนี้ “ถอดเสื้อผ้าออกแล้วมาเต้นตรงนี้ เงินพวกนี้ก็จะเป็นของนายทั้งหมด”
บริกรมองธนบัตรปึกหนึ่งที่ยัดมาในมือเขา ก่อนมีสีหน้านิ่งอึ้งไปทันที
…
“ฮ่าๆๆๆๆ!!! ฮ่าๆๆๆๆ!!! ฮ่าๆๆ…แค่กๆ…ฮ่าๆ…พอแล้วๆ นายออกไปเถอะ!”
ยูริหัวเราะลั่น มือข้างหนึ่งถือขวดเหล้า มือข้างหนึ่งจับแก้วไว้ มองบริกรที่กำลังก้มหน้ารีบเก็บเสื้อผ้าบนพื้นคนนี้
หลังจากบริกรถอดชุดทั้งหมดออกในร้านอาหาร เหลือเพียงถุงเท้าคู่หนึ่ง กางเกงในตัวหนึ่ง และหูกระต่ายไปแล้ว เขาก็รีบคว้าเสื้อผ้าวิ่งออกไปทันที
แล้วยูริก็นั่งลงไปใหม่อีกครั้ง “เห็นแล้วหรือยัง? มีเงินเป็นเรื่องที่ดีมากเลยจริงๆ ก็เหมือนตอนที่คุณบอกให้ผมเข้าไปพักในโรงแรมนี้เมื่อกี้นั่นแหละ เห็นได้ชัดว่า ก่อนหน้านี้บริกรคนนี้ดูถูกผม…แต่ว่า เมื่อกี้นี้คุณเห็นไหมว่าเขาทำอะไรลงไป? ขอเพียงแค่มีเงิน ไม่สนว่าเป็นของผมหรือของคุณ เขาก็ถอดเสื้อผ้าเต้นได้เลย”
แล้วเขาก็เรอกลิ่นเหล้าออกมา “สำหรับคนทั่วไปแล้ว หาเงินหนึ่งปียังไม่ได้เท่าธนบัตรปึกนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่คุณกลับหยิบออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด ผมยัดเงินใส่มือบริกรนั่นคุณก็ไม่สะทกสะท้าน เพียงเพราะคุณอยากลองดูว่าต่อไปจะเกิดเรื่องสนุกๆ อะไรก็เท่านั้นเอง ของที่คนยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อแลกมันมา แต่สำหรับคุณแล้วคงเป็นเพียงเครื่องมือใช้ทำเรื่องสนุกๆ เท่านั้น”
เจ้าของร้านลั่วดื่มน้ำเป็นครั้งที่สามอย่างไม่ใส่ใจ “คุณยูริอยากจะบอกอะไรเหรอครับ?”
“ในเมื่อคุณชอบดูเรื่องสนุกๆ แบบนี้ แล้วทำไมไม่เอาเงินให้ผมเยอะๆ ล่ะ?”
“อย่างที่คุณยูริบอก สำหรับผมแล้ว เงินไม่ได้มีความหมายเลยจริงๆ” ลั่วชิวพยักหน้าพูดว่า “ดังนั้นที่คุณบอกว่าผมใช้มันเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งก็ถือว่าไม่ผิด…แต่เมื่อกี้ผมอยากรู้มากถึงได้ให้เงินคุณไป แล้วคุณก็ให้ผมได้ดูเรื่องสนุกอยู่บ้าง แต่แบบเมื่อกี้มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น…”
ลั่วชิวมองยูริ แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “คุณยูริคิดว่า ถ้าผมให้เงินก้อนใหญ่กับคุณ แล้วคุณจะให้ผมดูอะไรอีกบ้างล่ะครับ?”
ยูริหัวเราะลั่วแล้วพูดว่า “นั่นสินะ จะให้ดูอะไรบ้าง?”
ดูเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก เขาเลยส่ายหัวไปมาอีกครั้ง “เอ่อ…อื้ม! อืม…ผมขอคิดดูก่อน…ใช่แล้ว คุณน่าจะได้เห็นผมใช้ชีวิตเสพสุข ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยหาเลี้ยงชีพอีกต่อไป ดูที่พักหรูหราระดับแนวหน้าที่ผมเวียนเข้าออกประจำ ดูสาวงามที่อยู่ข้างกายผม ดูผมใช้ชีวิตอย่างที่คนทั่วไปใฝ่ฝันถึง…”
ยูริเมาเรอเอิ๊กอ๊าก ดูแทบจะใกล้หลับไปแล้ว “แบบนี้พอไหม…”
“แต่ผมไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยครับ” ลั่วชิวส่ายหน้า
“อ๋อ…งั้นเหรอ…” ยูริแหงนคอขึ้น แล้วกางขาทั้งสองข้างออก นั่งด้วยท่าทางไม่สุภาพอย่างที่สุด
“แต่ว่าคุณซื้อความร่ำรวยมหาศาลจากพวกเราได้ครับ”
“ซื้อเหรอ?”
“ฟังไม่ผิดหรอกครับ บางคนจนตรอกยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อเงิน ทำงานที่มีความเสี่ยงสูง จนถึงกับติดโรคเพราะสาเหตุนี้ ทำให้สุขภาพทรุดโทรมเร็วและอายุสั้น…และมีบางคนยอมละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อเงินได้ บางคนก็แตกคอกับญาติพี่น้องได้เพื่อเงิน คุณยูริไม่คิดเหรอครับว่าขณะที่คนพวกนี้ได้รับเงินทองมากมายมหาศาล พวกเขาก็ได้สูญเสียสิ่งสำคัญของพวกเขาไปด้วยเหมือนกัน? หรือบางทีอาจแลกมาด้วยอายุขัยของตัวเอง”
ยูริชี้นิ้วไปที่ลั่วชิว เขายิ้มแล้วพูดว่า “คุณจะบอกว่า ผมเอาของพรรค์นี้ไปแลกกับคุณได้งั้นเหรอ? งั้นก็เยี่ยมจริงๆ …เยี่ยม…”
ปึง!
แต่ยูริยังไม่ทันพูดจบ ก็หลับปุ๋ยหัวกระแทกไปบนโต๊ะอาหารทันที
คำพูดทั้งหมดของเขาเมื่อครู่ เป็นแค่คำพูดเหลวไหลเพราะเมาเหล้าเท่านั้นเอง บางทีหลังจากที่เขาสร่างเมาแล้วก็จะลืมไปเองล่ะมั้ง
ฟี้!