สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 39 ความผิดพลาดที่แก้ไขได้
ในหัวนั้นมีภาพเหตุการณ์แย่ๆ ที่เธอต้องเจอแตกต่างกันไป ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับการปฏิบัติราวกับเจ้าหญิง…นอกจากการได้เป็นอิสระ
แอนนาแหวกช่องเล็กๆ ตรงผ้าม่านมองดูบริเวณรอบๆ และตรงด้านล่างของห้องนี้เอง ชายสองคนกำลังยืนเฝ้ายามอยู่ เช่นเดียวกับด้านนอกประตูก็มีคนจับลูกบิดประตูอยู่เช่นกัน
เสื้อผ้าบนตัวเธอก็ถูกเปลี่ยนออกหมดไปรอบหนึ่งแล้วด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวของสาวใช้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเธอยังเห็นทั่วทุกซอกทุกมุมบนตัวเธอแล้ว
แอนนาไม่สามารถติดต่อเยฟิมได้ และยิ่งไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ ดังนั้นสถานการณ์ของเธอในตอนนี้คือ ‘ถูกตัดขาด’
เธอไม่รู้ว่าเยฟิมเห็นหน้าตายูริชัดเจนผ่านกล้องเข็มกลัดที่เธอติดบนตัวหรือเปล่า ซึ่งตอนนี้มันถูกทำลายทิ้งไประหว่างทางมาคฤหาสน์แล้ว
ด้วยน้ำมือของตระกูลดีคาปี้ หรือจะบอกว่าด้วยน้ำมือของยูริ…แต่ว่า ด้วยฝีมือของยูริเหรอ?
เขาคงไม่ใช่แค่คนเร่ร่อนพเนจรข้างถนน จิตรกรผู้ระทมทุกข์ที่ไม่สมปรารถนา? ตัวตนที่แท้จริงของเขาน่าจะถูกตรวจสอบชัดเจนไปตั้งนานแล้วนี่
หรือว่าจะมีอะไรผิดพลาด?
ฉับพลันนั้นประตูก็เปิดออก แอนนาหันมาด้วยความระแวดระวัง เธอมองยูริที่เปิดประตูออก แล้วยืนจับกรอบประตูทั้งสองด้านอาไว้
เป็นยูริจริงๆ ด้วย
“พวกนายรออยู่ด้านนอก” ยูริหันกลับไปสั่ง
แอนนาเห็นว่าด้านนอกประตูยังมีบอดี้การ์ดอีกหลายคน พวกเขาพยักหน้าเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ตอนที่กวาดสายตามามองเธอนั้นดูไม่ค่อยเป็นมิตรนัก
ยูริปิดประตู
ตอนแรกเขายืนชิดประตูห้อง ไม่ได้เดินมา และไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เพียงแค่มองแอนนาอยู่เงียบๆ นี่ทำให้เธอเดาไม่ออกว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
“เมื่อคืนหลับสบายไหม?” ยูริยิ้มแล้วพูดว่า “นอกจากห้องของผมแล้ว ห้องนี้ก็น่าจะเป็นห้องที่ดีที่สุดห้องหนึ่งเลย”
แอนนาพยายามรักษาความสุขุมไว้เต็มที่ “ฉันคิดว่าคุณยูริเองก็คงไม่ค่อยคุ้นชินกับที่ใหม่เหมือนกันสินะคะ”
“คุณเรียกผมว่าคุณยูริ?” ยูริส่ายหน้า ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรได้ ในที่สุดเขาก็ก้าวเดินไปยังมุมหนึ่งของห้อง ซึ่งก็คือ ‘ห้องแต่งตัว’
เขาเปิดตู้เสื้อผ้าตู้หนึ่งแล้วเลือกเสื้อผ้าที่อยู่ด้านใน พลางพูดไปเรื่อยเปื่อยว่า “แต่ผมก็ไม่ได้เปลี่ยนที่อยู่ไม่ใช่เหรอ? เมื่อคืนผมก็นอนหลับสบายดี มีสาวใช้แสนสวยสองคนคอยรับใช้…อืม ผมคิดว่าเมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่ผมนอนหลับสบายที่สุดในช่วงนี้เลย”
“งั้นเหรอ? งั้นก็ยินดีกับคุณด้วยจริงๆ นะ” แอนนาเผชิญหน้าพูดกับยูริ
ทั้งสองคนอยู่ห่างกันแค่ระยะห่างจากขอบหน้าต่างถึงตู้เสื้อผ้าเท่านั้น แทบจะเป็นระยะห่างที่ไกลที่สุดที่พอจะหาได้ภายในห้องนี้ แอนนารวบมือทั้งสองไว้ด้านหลัง จากนั้นก็ดึงแปรงสีฟันอันหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อช้าๆ
ด้ามแปรงสีฟันหัก ส่วนหัวของด้ามแปรงที่หักนั้นฝนไว้จนแหลมคม นี่น่าจะเป็นสิ่งที่สนุกที่สุดที่แอนนาทำตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเลย และเป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้เล็กน้อย
ในที่สุดยูริก็เลือกเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากตู้เสื้อผ้า เขาชูเสื้อผ้าขึ้นตรงหน้า แล้วมองแอนนา ก่อนยิ้มพูดว่า “ชอบชุดนี้ไหม?”
แอนนาขมวดคิ้ว “ดูท่าคุณอยากจะให้ฉันใส่มันนะ”
“คุณยังฉลาดเหมือนเดิมเลยนะ” ยูริมองชมเชยอีกฝ่าย เขาวางชุดลงบนเตียง แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนเดินตรงไปที่ประตู “อีกเดี๋ยวจะมีคนพาคุณออกมา หวังว่าถึงตอนนั้นแล้วคุณจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย…จริงสิ แล้วอย่าทำเรื่องโง่ๆ ล่ะ พูดตามตรงผมไม่อยากเห็นคุณถืออาวุธเลยจริงๆ”
เขาพูดพลางชี้ไปที่มุมหนึ่งของห้อง แล้วก็ชี้มาที่ดวงตาตนเอง
นี่ทำให้แอนนาเผลอนึกถึงเยฟิม…นั่นก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบซ่อนตัวคอยสอดแนมทุกอย่างอยู่ในที่ลับ พอยูริเดินออกไปแล้ว แอนนาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วยื่นมือออกไปแตะขอบหน้าต่าง
เธอเพิ่งมองดูชุดที่วางอยู่บนเตียง ฉับพลันก็มีสีหน้าไม่ดีเท่าไร…ความรู้สึกในตอนนี้มันช่างแย่เหลือเกิน
แต่ที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ เธอเดาไม่ออกว่ายูริคิดจะทำอะไรกันแน่
…
“กินข้าวได้แล้ว”
ชายคนหนึ่งยกอาหารจานหนึ่งเดินเข้ามา ที่นี่คือห้องใต้ดินในคฤหาสน์ หรือเรียกว่าคุกคงจะเหมาะกว่าล่ะมั้ง? เยียร์เกอร์คิดในใจ
เกรงว่านี่จะไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าภาคภูมิใจนัก
ในตอนนี้เขาและวิคเตอร์ที่เป็นตำรวจถูกผู้มีอิทธิพลกลุ่มนี้จับขังไว้ที่นี่ แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือ ชายที่ถืออาหารมาคนนี้ไม่ได้มุ่งหน้ามาทางพวกเขา
เขาแค่ส่งอาหารให้ยามอีกคนหนึ่งที่คอยเฝ้าพวกเขาอยู่ตลอดเท่านั้น
เยียร์เกอร์ไม่ได้กินอะไร หรือแม้กระทั่งดื่มน้ำเลยตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว…หิวมาก!
ผ้าที่ปิดปากของเขาอยู่ทำให้เขาพูดคุยกับวิคเตอร์ได้ไม่ถนัดนัก ถึงแม้วิคเตอร์จะอยู่ข้างๆ เขาก็ตาม
แต่ทั้งสองคนต่างถูกมัดติดไว้กับกำแพง
“ไม่ฆ่าสองคนนี้เหรอ?” คนที่มาส่งอาหารนั่งลงตามสบายแล้วถามเพื่อนร่วมงาน
เพื่อนร่วมงานยักไหล่ตอบว่า “เจ้านายบอกว่าให้เก็บเอาไว้ก่อน แต่คุณพ่อบ้านก็บอกว่าถ้าพวกเขาคิดจะหนีล่ะก็…”
เขาแสยะยิ้ม ใช้กริชที่อยู่ในมือค่อยๆ ทำท่าปาดไปที่ลำคอตนเองช้าๆ ราวกับว่าเขากำลังรอคอยเหตุการณ์แบบนั้นอยู่
มันเป็นเรื่องที่แย่ที่สุด ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วจริงๆ! เยียร์เกอร์หรี่ตาลง…เขาคิดว่าตนเองยังไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่เท่าไร สมองของเขาแทบจะระเบิดด้วยความรู้สึกหวาดกลัวแล้ว
บางทีเขาน่าจะเรียนรู้จากคุณวิคเตอร์ที่ดูสงบเยือกเย็นให้เยอะๆ สักหน่อย เยียร์เกอร์มองไปทางวิคเตอร์โดยอัตโนมัติ เขากลับพบว่า…
วิคเตอร์ก้มหน้า…หลับ หลับไปแล้ว!??
บ้าเอ๊ย!
หิวชะมัดเลย!!
แต่เยียร์เกอร์นักสืบหนุ่มไม่รู้ว่า สิ่งที่เขาต้องเจอในตอนนี้อยู่ในสายตาสอดแนมของคนสองคน ซึ่งได้หลบหายไปอย่างรวดเร็วจากบานหน้าต่างเล็กๆ ที่พอจะสอดแนมได้ในห้องใต้ดินแห่งนี้
เพราะคฤหาสน์แห่งนี้ไม่เหมาะจะหยุดนิ่งอยู่ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งนานๆ
หนึ่งในคนที่สอดแนมพูดอย่างเป็นกังวลว่า “เวร่า คุณคงไม่คิดจะขโมยรูปภาพออกมาจากที่นี่จริงๆ หรอกใช่ไหม?”
“ขโมย? ไม่…” คนสอดแนมอีกคนส่ายหน้า และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ขโมยแล้วพวกเราก็อดเห็นน่ะสิว่าเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้มีแผนอะไรกันแน่?”
“จะว่าไปก็ใช่…รอผมด้วยสิ รอด้วย…” วิคก้าจำต้องรีบปิดปากตนเอง ด้วยกลัวว่าจะทำเสียงดัง แล้วรีบตามร่างที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเขาอยู่ตลอด
…
“ท่านคะ คุณแอนนามาแล้วค่ะ”
“รู้แล้ว พวกเธอออกไปก่อนเถอะ” ยูริพยักหน้าสั่ง
“ค่ะท่าน”
ภายในห้องที่เปิดกว้าง เหลือเพียงยูริกับแอนนาสองคนเท่านั้น ยูริพิจารณาแอนนาที่สวมชุดใหม่แวบหนึ่ง แล้วยิ้มพลางพูดว่า “ชุดนี้เหมาะกับคุณมากจริงๆ”
แอนนาต่างกับยูริ เธอกำลังสำรวจทุกซอกทุกมุมในห้องนี้…แล้วในที่สุดเธอค่อยหันมองตรงหน้ายูริ
ขาตั้งวาดรูป พู่กัน ที่วางอยู่ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์การวาดรูป…บนกระดาษนั้นได้วาดรูปไปบ้างแล้ว ดังนั้นเธอมองแวบเดียวก็เดาออกว่ายูริคิดจะวาดอะไรกันแน่
เธอขมวดคิ้ว แล้วเผลอพูดว่า “คุณก็จะประมูลขายภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ เหมือนกัน…หรือคุณคิดจะวาดมันอีกภาพ!”
ยูริจับพู่กันขึ้นมาโดยไม่แม้แต่จะปรายตามองแอนนา เขาแค่กำลังจดจ่ออยู่กับการผสมสี เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “มาอยู่เป็นเพื่อนผมหน่อยสิ คุณทำให้ผมมีแรงบันดาลใจได้เสมอ ทำให้ผมรู้ว่าควรจะลงสีตรงไหนถึงจะเหมาะที่สุด ผมต้องทำเวลา โดยเฉพาะต้องดำเนินการตามขั้นตอนให้เป็นของเก่าแก่”
แอนนาพูดอย่างงงงัน “คุณจับฉันมา แค่ให้อยู่เป็นเพื่อนคุณวาดภาพ?”
ยูริมองแอนนา สีหน้าของยูริดูไม่ออกเลยว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ แอนนากำลังมองชายหนุ่มตรงหน้าที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอด้วยสายตาเย็นชา
ฉับพลันนั้นเธอก็รู้สึกไม่แน่ใจ
ยูริกลับใช้นิ้วแตะไปบนริมฝีปากของตัวเอง ทำท่าบอกว่าอย่าส่งเสียง “อย่าเพิ่งพูด อยู่เป็นเพื่อนผมเงียบๆ แบบนี้ก็พอ…สุดท้ายแล้วภาพนี้จะประมูลขายได้มากเท่าไรนั้น ทั้งหมดนี่ขึ้นอยู่กับคุณเลยนะ”
แอนนาเผยอปากเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าตนเองได้ยินคำพูดที่คาดไม่ถึงที่สุดในชีวิต
เธอเม้มปาก ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดว่าคำพูดที่ยูริพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นจริงหรือไม่ แล้วค่อยๆ เดินมานั่งลงตรงหน้าขาตั้งวาดรูป
ยูริหลับตาลงทันที มือซ้ายจับพู่กัน มือขวาถือจานสี
แต่แอนนาจำความเคยชินแบบนี้ก่อนที่เขาจะลงสีได้เป็นอย่างดี
ตอนที่ยูริหลับตา ตอนที่เริ่มขยับพู่กัน จู่ๆ แอนนากลับมีความรู้สึกบางอย่าง ถึงแม้ว่าเธอจะแค่นั่งอยู่ตรงนี้ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้อยู่ในสายตาของยูริเลย
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงรู้สึกเสียใจโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน…ราวกับว่า เธอเพิ่งถูกทอดทิ้ง
…
…
ในคฤหาสน์อันหรูหราใหญ่โต ยูริกำลังตวัดพู่กันที่ดีที่สุดราวกับไม่ได้สนใจอะไร
ภายในบ้านส่วนตัวที่เรียบง่าย เจ้าของสมาคมที่เพิ่งกลับมาจากวิ่งออกกำลังกายยามเช้าก็กำลังถือผ้าขี้ริ้วเช็ดบนภาพวาดที่ถูกทำลายไป
แน่นอนว่าตรงที่เช็ดคือกรอบภาพวาด ตรงที่สีละลายมาเลอะ ส่วนตรงภาพวาดนั้นยิ่งเช็ดก็น่าจะยิ่งแย่กว่าเดิมล่ะมั้ง
นี่คือภาพที่ถูกทำลายที่โรงแรมในคืนนั้น ไม่ว่าใครดูก็คงจะคิดว่าของที่ถูกทำลายไปแล้วแบบนี้ได้สูญเสียมูลค่าเดิมที่มันควรจะมีไปหมดแล้ว
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น มูลค่าทางประวัติศาสตร์ของมันที่มีอยู่เดิมก็ไม่น่าจะหมดไปด้วยเหตุนี้ แต่มันไม่ใช่ของจริง ดังนั้นถึงได้ถูกทิ้ง
มันถูกเจ้าของเดิมทำลายอย่างไร้ปรานี โดนเจ้าของคนต่อมาทิ้งอย่างไม่แยแส หลังจากนั้นก็ถูกเจ้าของสมาคมเก็บกลับมาราวกับเก็บขยะที่บริเวณนอกลานจอดรถเมื่อคืน
“ถ้าไม่ใช่นักวาดภาพที่มีประสบการณ์มากกว่าสามสิบปีก็คงซ่อมไม่ได้สินะ”ลั่วชิวกำลังมองตรงที่เลอะเทอะที่เขายังไม่ได้แตะ แล้วก็มองผ้าขี้ริ้วที่อยู่ในมือตนเอง เขาส่ายหน้าหัวเราะกับตนเอง แล้วจึงบิดขี้เกียจ
แล้วเขาก็เลิกล้มวิธีโง่ๆ แบบนี้ จากนั้นก็ใช้มือลูบไล้เบาๆ ตรงที่ภาพสีน้ำมันถูกทำลาย
สีที่ถูกแอลกอฮอล์ทำให้ละลายปนกันเลอะเทอะพวกนั้นก็เริ่มแยกเป็นสีๆ เคลื่อนไหวทีละนิดราวกับว่าจะกลับคืนสู่จุดเดิมที่พวกมันควรจะอยู่
ตอนที่แอลกอฮอล์ซึ่งเดิมทีไม่ควรเลอะอยู่บนภาพนี้ ฉับพลันก็ได้แยกตัวออกมาจากภาพวาด แล้วไหลลงในแก้วที่วางอยู่ข้างๆ ภาพที่ถูกทอดทิ้งภาพนี้ก็ได้กลับสู่สภาพเดิมแล้ว
ลั่วชิวพิจารณา และพยักหน้าอย่างพอใจ
ความผิดพลาดที่แก้ไขได้