สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 4 ตอนที่ 1 ค่าคุ้มครอง
“เอ่อ เข้าใกล้กันอีกหน่อยนะ…อืม โอเคแล้ว ชีส!”
หลังจากลุงถ่ายรูปให้เสร็จเรียบร้อย จึงถือโทรศัพท์มือถือเดินไปตรงหน้าลั่วชิว แล้วพูดชื่นชมว่า “สวยมากเลยนะ แฟนของคุณเนี่ย!”
“ขอบคุณครับ”
ลั่วชิวรับคำชมนี้
ตอนแรกเขาไม่ค่อยเข้าใจมาตรฐานที่จักรพรรดินีแคทเธอรีนที่สองแห่งรัสเซียใช้สร้างร่างกายโยวเย่ แต่บนเรือนร่างที่ผสมผสานความโดดเด่นของตะวันตกและตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันนั้น มันช่างยากจะหาจุดบกพร่องได้จริงๆ
ลุงยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นนักศึกษาที่เพิ่งมา? หรือเป็นนักท่องเที่ยวกันล่ะ?”
ลั่วชิวถามอย่างใคร่รู้ “หมายความว่ายังไงครับ?”
ลุงที่พวกเขาได้เจอก่อนถึงโรงละครบอลชอยเป็นคนประเทศเดียวกับลั่วชิว เขายิ้มแล้วพูดว่า “ก็เพราะถ้าคุณอยู่ที่นี่มานานจะไม่มาที่นี่ถ้าไม่ได้มาดูละคร ผมดูวัยของพวกคุณแล้ว ถ้าไม่ใช่นักศึกษาก็ต้องเป็นนักท่องเที่ยว”
“ถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวแล้วกันครับ” ลั่วชิวตอบ
ลุงกำลังแนะนำสถานที่บริเวณรอบๆ นี้ด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง อาศัยประสบการณ์ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเกือบสิบปี แนะนำสถานที่บางแห่งที่ต้องสนใจ
“…ของจำพวกหลักฐานยืนยันตัวตนและวีซ่าจะต้องพกติดตัวไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าตำรวจที่นี่จะตรวจสอบเอกสารของพวกเราหรือไม่ ถ้าลืมพกมาจริงๆ ไม่ว่าตำรวจเขาจะถามอะไร ก็แกล้งทำเป็นตอบไม่รู้ก็แล้วกัน! ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะทำอะไรพวกคุณไม่ได้เอง อีกอย่างถ้าเจอเรื่องยุ่งยากอะไรให้หาทนายท้องถิ่นสักคนยังดีกว่าไปหาสถานทูตเสียอีก”
“ทนายความ?”
คุณลุงหัวเราะแล้วก็ยื่นนามบัตรออกมาใบหนึ่ง
ด้านหน้าเป็นคำอธิบายภาษารัสเซีย แต่ด้านหลังกลับเป็นภาษาจีนที่ลั่วชิวคุ้นเคย
สำนักงานใหญ่ทนายความ
เฉินหมิงจวิน
เขามองดูลั่วชิวรับนามบัตรด้วยท่าทางแปลกๆ แล้วคุณลุงคนนี้…เฉินหมิงจวินก็หัวเราะฮาพลางพูดว่า “ไม่ใช่ว่าผมตั้งใจหางานถึงได้บอกว่าสถานทูตไม่ดีนะ…อืม ของแบบนี้พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าพวกคุณอยู่ที่นี่นานไป ก็จะค่อยๆ เข้าใจเองแหละ”
“โอเคครับ” ลั่วชิวรับนามบัตรไว้
เฉินหมิงจวินยิ้มแล้วบอกว่า “งั้นผมไม่รบกวนพวกคุณแล้ว ผมยังมีธุระอื่นอีก”
ลั่วชิวมองเฉินหมิงจวินเดินจากไป แล้วส่งนามบัตรให้โยวเย่ คุณสาวใช้รับมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าหนังในมือ
ในฐานะเจ้าของสมาคมน่าจะไม่มีเรื่องต้องหาทนายความมาช่วยเหลือล่ะมั้ง…ไว้ค่อยว่ากัน ความจริงแล้วเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นที่ทางของที่นี่เอาเสียเลย
แต่คุณสาวใช้ก็อยู่นี่…ก่อนหน้าที่สมาคมจะถ่ายโอนมาอยู่ในเมืองของเขา สมาคมก็เคยตั้งอยู่ในที่แห่งนี้มานานช่วงระยะหนึ่งแล้ว
ลั่วชิวก้มหน้า เขาส่งรูปถ่ายภาพนี้ไปให้เริ่นจื่อหลิง แบบนี้น่าจะพอช่วยอุดปากเริ่นจื่อหลิงไปได้ระยะหนึ่งล่ะนะ
“อยากไปเดินเล่นที่ไหนสักหน่อยไหม?” ลั่วชิวมองโยวเย่พลางถามขึ้น
เพราะการมามอสโกครั้งนี้ ก็เพื่อทำตามที่เขารับปากโยวเย่ในตอนแรกว่าจะมาเที่ยวชมที่นี่สักหน่อย ลั่วชิวซึ่งรับฟังความคิดเห็นมาโดยตลอด ในครั้งนี้ให้โยวเย่เป็นผู้ตัดสินใจเองแล้วกัน
“ไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษหรอกค่ะ” โยวเย่ส่ายหน้า พูดด้วยเสียงเบาว่า “ถ้านายท่านมีที่ไหนอยากไปเที่ยวดู โยวเย่เป็นไกด์ให้ได้นะคะ”
ลั่วชิวยิ้มแล้วบอกว่า “เล่นโยนกันไปโยนกันมาแบบนี้ ท้องฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว พวกเราคงได้แต่เอ้อละเหยกันอยู่ที่นี่ล่ะ”
โยวเย่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นไปถนนตเวอร์กันค่ะ ที่นั่นมีซูเปอร์มาเก็ตเจ๋งๆ แห่งหนึ่งค่ะ”
“ซุปเปอร์มาเก็ต?”
“เพราะใกล้จะถึงเวลาเตรียมมื้อเย็นให้นายท่านแล้วไงล่ะคะ” คุณสาวใช้พูดพร้อมยิ้มน้อยๆ
หลังจากลั่วชิวกลายเป็นเจ้าของสมาคมแล้ว ส่วนใหญ่เขาก็ไม่เคยรับประทานอาหารนอกบ้านเลย แต่ดูเหมือนโยวเย่ไม่ได้คิดจะปรับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตแบบนี้เลย
“งั้นก็ไปซูเปอร์มาเก็ตกันเถอะ” ลั่วชิวยิ้มพลางพูด
วันแรกที่มาถึงมอสโก เจ้าของสมาคมและคุณสาวใช้ก็ไปเดินเล่นซูเปอร์มาเก็ตกัน
…
…
นอกจากสิ่งก่อสร้างมหึมาสไตล์พระราชวังโบราณหรูหราเหลืองอร่ามแวววาวแล้ว ยังมีถนนตเวอร์ที่มีชื่อเสียงและกว้างมากกว่าสิบเลน สามารถมองเห็นรถราสัญจรไปมาได้…นี่คือสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากแห่งหนึ่ง แต่ความเจริญรุ่งเรืองแบบนี้สำหรับนิคิตะแล้วไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรเลย
สิ่งที่เขาห่วงตอนนี้ก็มีแค่ทำอย่างไรถึงจะสามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือชายร่างสูงใหญ่สองคนนี้ในตอนนี้ได้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนสองคนนี้บีบไล่ต้อนเขาไปที่กำแพงในตรอก สองคนประกบซ้ายขวา ราวกับภูเขาใหญ่สองลูก สำหรับนิคิตะที่ตัวค่อนข้างผอมบางนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ดูจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีพ้น
“ผมไม่มีเงินแล้ว” นิคิตะพูดด้วยเสียงอ้อนวอน
ชายร่างสูงใหญ่หนึ่งในนั้นกลับหัวเราะเยาะทันที ไม่พูดพร่ำอะไรสักคำ แค่ซัดหนึ่งหมัดไปที่ท้องของนิคิตะเอาดื้อๆ เลย
หมัดเดียวทำให้นิคิตะกุมท้องนั่งยองๆ อยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด จนสำลักน้ำลายออกมา “ผมเหลือเงินไม่มากแล้วจริงๆ ผมยังติดค่าเช่าห้องสองเดือน…ผมจะนอนข้างถนนอยู่แล้ว”
ชายร่างสูงใหญ่อีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ยื่นมือออกมาซัดเขา แต่กลับหัวเราะเยาะบอกว่า “ที่นี่เป็นถิ่นลูกพี่อีเกิล และไม่ใช่ว่าคุณจะมาอยู่ที่นี่เป็นครั้งแรกนี่ ถ้าไม่จ่ายค่าคุ้มครอง ก็ไสหัวไป!”
“แต่ผมไม่มีเงินจริงๆ นะ” นิคิตะไอแห้งๆ พลางพูดขึ้น
“คุณจะมีแน่”
ชายร่างสูงใหญ่ที่อัดคนหัวเราะอย่างเหี้ยมโหด บนแขนที่ผ่านการฟิตกล้ามเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ยกดึงนิคิตะขึ้นมาอย่างสบายๆ แล้วเล็งไปที่ท้องนิคิตะแล้วออกหมัดระยะประชิดอีกครั้งทันที
“หยุดนะ หยุด!”
และในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มอายุสามสิบกว่า หนวดเคราเต็มหน้าก็วิ่งพุ่งเข้ามา ชายหนุ่มมีรูปร่างกำยำไม่แพ้สองคนนั่นเลยสักนิด ทั้งยังสูงกว่าเล็กน้อย
เขาพุ่งมาอยู่ตรงหน้านิคิตะ ชายร่างใหญ่ที่ชกอยู่นั้นก็ชักมือกลับมา นิคิตะลื่นชนเข้ากับกำแพงไถลลงมานั่งกับพื้นทันที ที่ปากมีเลือดไหลออกมา
ชายหนุ่มย่อตัวลงมามองนิคิตะแวบหนึ่ง ในแววตาฉายความโกรธแค้นออกมา มือของเขากำหมัด แต่กลับคลายมือออกในชั่วพริบตา
“อย่าทำร้ายเขาเลย ผมจ่ายค่าคุ้มครองของเขาให้เอง” ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไปเฮือกหนึ่ง แล้วลุกขึ้นมา
ตอนที่เขาเดินเข้าไปใกล้ ถึงได้พบว่าอันที่จริงชายคนนี้ยังสูงเลยหัวชายร่างสูงใหญ่สองคนนั้นไปอีก ในเวลานี้ถึงแม้ว่าชายหนุ่มที่ตัวสูงใหญ่ราวกับหอคอยจะถูกชายร่างสูงใหญ่สองคนนั่นเงยหน้ามอง…แต่สองคนนั้นก็ไม่ได้มีสีหน้าหวาดกลัวเลยสักนิด
ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าเงินออกมาอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขากำลังจะนับธนบัตรนั้น ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งในสองคนนั้นกลับยื่นมือคว้าเอาธนบัตรทั้งหมดที่มีในกระเป๋าเงินของชายหนุ่มมา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “แค่นี้แหละ”
“นี่มันมากกว่าสามเท่าเลยนะ!” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
ชายร่างสูงใหญ่ที่คว้าเอาเงินไปนั่นกลับยิ้ม ธนบัตรบนมือพัดวีเบาๆ อยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม “คนที่ช่วยจ่ายก็เอาจำนวนเงินเท่านี้แหละ โดยเฉพาะคุณ ฮาๆ! ทำไม อยากลงไม้ลงมือเหรอ? เอาสิ”
“ได้เงินแล้วก็ไปสิ!” ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เสียงเข้มทุ้มต่ำขึ้นมาเล็กน้อย
ชายร่างสูงใหญ่อีกคนหนึ่งผิวปาก ยิ้มเหยียดหยามแล้วก็ตบบ่าเพื่อน “คราวหน้า จำไว้ว่าเอาเงินเจ้าหมอนี่มาให้พอด้วยล่ะ!”
พูดไปพลาง สองคนก็เดินตรงออกจากตรอกถนนนั่นไป
ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก ตอนนี้เขาถึงได้หันมานั่งยองๆ ลง มองนิคิตะ “นิคิตะเป็นยังไงบ้าง?”
“โอเล็ก…ขอโทษนะ ครั้งนี้ทำให้นาย…”
“ไม่เป็นไร” ชายหนุ่ม…โอเล็กส่ายหน้าแล้วพูดอีกว่า “ลุกขึ้นไหวไหม?”
นิคิตะพยักหน้า แม้ว่าสีหน้าเจ็บปวดก็ยังลุกขึ้นมา แต่ใบหน้านิคิตะกลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “โอเล็ก นายน่าจะอัดพวกมัน! ฉันรู้ นายจัดการเจ้าสองคนนั่นได้สบายๆ เลย!”
โอเล็กกลับพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ฉันส่งสินค้าเรียบร้อยแล้ว ถ้านายไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันจะไปรับลูกฉันตอนเลิกเรียน”
นิติตะยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โอเล็กกลับมุ่งหน้าเดินออกไปจากตรอก ริมฝีปากนิคิตะสั่นระริก สุดท้ายก็พิงกำแพงด้วยความเหนื่อยอ่อน
ผ่านไปนานสักพักหนึ่ง นิคิตะถึงได้เตะถังขยะที่อยู่ข้างๆ อย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ แล้วกุมหัวนั่งลงไปอีก ผ่านไปไม่นาน เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากตรอกถนนนี้้ไปอย่างเหม่อลอยเช่นกัน
ตอนที่นิคิตะเดินออกจากตรอกถนนไป เขามองถนนที่เจริญรุ่งเรืองสายนี้อย่างไร้จุดหมาย…รถหรูพวกนั้นแล่นผ่านหน้าเขาไปตลอด เขาเผยให้เห็นแววตาอิจฉาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขายังมองเห็นหญิงสาวที่งดงามมากคนหนึ่ง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับยืนอยู่ข้างกายชายชาวตะวันออกคนหนึ่ง ท่าทางดูสนิทสนมกันทีเดียว
“ถึงแม้จะเป็นชาวตะวันออก ถ้ามีเงินก็สัมผัสกับสาวงามได้เหมือนกันสินะ…เงิน เงิน เงิน!”
นิคิตะถ่มน้ำลายด้วยความหักห้ามใจ เขาละสายตาจากหญิงสาวงดงามคนนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะก้าวเลี้ยวจากไป
…
ก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปในซูเปอร์มาเก็ต Yeliseev’s Food Hall จู่ๆ ลั่วชิวก็ถามขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าที่รัสเซียนี่แก๊งอันธพาลคึกคักและอยู่ดีกินดีมากเลยนี่ พวกที่เก็บค่าคุ้มครองเมื่อกี้ก็ถือว่าใช่ล่ะสิ?”
คุณสาวใช้ตอบโดยอาศัยประสบการณ์ที่อยู่ที่นี่มานานหลายปี “พวกนั้นเกรงว่าอย่างมากก็คงเป็นแค่นักเลงหัวไม้ปลายแถวค่ะ น่าจะเป็นคนนอกสมาคมลับบางแห่งล่ะมั้งคะ คงได้แต่เก็บค่าคุ้มครองเท่านั้นค่ะ”
ลั่วชิวพยักหน้าแล้วก็เดินเข้าไปในซูเปอร์มาเก็ตแห่งนี้
ที่บอกว่านี่เป็นซูเปอร์มาเก็ต…แต่เหลืองอร่ามแวววาวใหญ่โตราวกับพระราชวัง ความจริงที่นี่เป็นที่ที่จะมาชมวิวทิวทัศน์ใช่ไหม?