สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 4 ตอนที่ 7 คำสัญญาของลูกผู้ชาย
เจสสิก้าในชุดหนังสีดำ จากเดิมผมยาวสีบลอนด์ก็ซอยผมบ๊อบสั้นแบบผู้ชาย เธอนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ซึ่งหยุดอยู่กลางถนน
ในพื้นที่วุ่นวายฝั่งตะวันออกกลางแห่งนี้
ตอนที่รถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งแล่นมาตรงหน้า ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และบีบแตรยาวเสียงดัง ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้คิดจะหลบไปเลย
ในที่สุดรถบรรทุกจำต้องหักหลบ แล้วชายสองคนซึ่งใช้ผ้าพันคอพันปิดบังใบหน้าไว้ก็ลงมาจากรถ
ใช่แล้ว ในมือของพวกเขายังมีปืนด้วย และเป็นปืนที่ค่อนข้างนิยมในตะวันออกกลางนี้อีก คนทั่วไปเรียกว่า…น่าจะเป็นปืนไรเฟิลที่มีชื่อทางวิชาการว่า AK47
“แกเป็นใคร!”
“หลีกไป!”
ชายสองคนใช้ปืนจ่อไปทางเจสสิก้า และพูดคำรามด้วยสำเนียงแถบตะวันออกกลางอย่างดุดัน
แต่ใบหน้าของเจสสิก้ากลับมีรอยยิ้มน่าหลงใหลปรากฏขึ้นมา แต่ว่าชายหนุ่มสองคนนี้อยากจะเรียกว่าเป็นรอยยิ้มเยือกเย็นเสียมากกว่า
พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ พอพวกเขาสบตากันแวบหนึ่งก็ตัดสินใจได้ทันที พวกเขาตัดสินใจยิงสาดใส่ผู้หญิงที่ขวางทางคนนี้
แต่ทว่า วินาทีที่พวกเขากำลังเตรียมจะเหนี่ยวไกปืน หญิงสาวชุดหนังสีดำตรงหน้าคนนี้กลับยื่นมือออกมาเร็วปานสายฟ้าฟาด ล้วงปืนพกสีเงินกระบอกหนึ่งออกมาจากแผงคอหน้ารถมอเตอร์ไซค์
เล็งเป้าแล้วยิงอย่างรวดเร็ว สองนัดที่แม่นยำอย่างหาใครเทียบได้ยาก แต่ละนัดเล็งตรงหว่างคิ้วของชายทั้งสองคนซึ่งนิ้วมือของพวกเขาเพิ่งจะเหนี่ยวไกไปได้แค่ครึ่งทาง
ปังๆ!
บนถนนยาวสุดลูกหูลูกตามีเสียงปืนดังลั่น
“สมควรตาย!
ในวินาทีเดียวกันนั้นเองที่ด้านหลังรถกระบะ ชายสี่คนซึ่งถือปืนไรเฟิลเหมือนกันก็โผล่ออกมา หนึ่งในนั้นยังสะพายสายกระสุนบนลำตัวอีกด้วย พวกเขามองเหยียดหยามผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง!
และในเวลานี้เอง เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นราวกับสัตว์ป่าคำราม ขณะเดียวกับที่สองมือของเจสสิก้าคว้าแฮนด์บังคับมอเตอร์ไซค์เอาไว้แน่น พอกดโช๊คอัพล้อหน้าแรงๆ แล้ว ก็ออกแรงดึงล้อหน้าขึ้นมา แรงผลักมหาศาลของล้อหลังทำให้มอเตอร์ไซค์แทบตั้งขึ้นในแนวดิ่งทั้งคัน
แล้วมอเตอร์ไซค์ก็พุ่งตรงเข้ามาทางชายหนุ่มสามสี่คนราวกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง หลังจากเจสสิก้าชักปืนพกสีเงินออกมาจากแผงหน้ามอเตอร์ไซค์แล้ว แล้วก็ชักปืนพกสีดำอีกกระบอกออกมาจากต้นขาซ้ายของตนเอง
แม้ใช้ปืนคู่ก็ยังยิงไปทางซ้ายขวาของรถมอเตอร์ไซค์ได้อย่างแม่นยำ!
ในวินาทีที่ร่างของชายสามสี่คนร่วงลง แล้วรถมอเตอร์ไซค์ก็เบรกกะทันหันก่อนถึงไฟหน้ารถบรรทุก
ขาวยาวๆ ของเจสสิก้าวาดไปข้างหลังเพื่อลงจากมอเตอร์ไซค์ เธอหักคอมอเตอร์ไซค์เอียงเบาๆ แล้วเดินมาด้านบนรถบรรทุก
ตรงนี้เจสสิก้ามองเห็นเด็กสิบกว่าคนตั้งแต่เจ็ดแปดขวบถึงสิบสองสิบสามขวบโดยประมาณ พวกเขากอดกันแน่น มองหญิงสาวที่ยืนอยู่บนรถบรรทุกคันนี้ด้วยความตื่นกลัว
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันจะพาพวกเธอกลับบ้านเอง” เจสสิก้ามองดูเด็กกำพร้าพวกนี้ราวกับมองตัวเองในตอนนั้น เสียงพูดของเธอก็ดูอบอุ่นอ่อนโยนเล็กน้อย แล้วเก็บปืนพกสีดำสีเงินเรียบร้อย
และในตอนนั้นเอง
“อัลเลาะห์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากด้านหลังรถบรรทุก สงสัยเขาคงซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังรถบรรทุกตั้งแต่แรกแล้ว และในมือของชายหนุ่มก็ยังถือลูกระเบิดมือลูกหนึ่ง!
เขากำลังคิดจะปลดสลักระเบิดมือออก!
เพียงไม่นาน ดวงตาเจสสิก้าราวกับมีสายฟ้าแลบ เธอโบกสะบัดแขนในทันที! ลำแสงเจิดจ้าสีฟ้าม่วงก็ยิงพุ่งออกมาจากลำแขนของเธอแล้วพุ่งไปที่ร่างของชายหนุ่มคนนั้น
ราวกับชายหนุ่มกลายเป็นตัวนำไฟฟ้า เขาถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงจู่โจมไปทั่วร่างกายอย่างบ้าคลั่งเขาชาไปทั่วตัวแล้วก็สลบไป
เขาไม่รู้สึกตัวอีกตลอดกาล เพราะเขาได้ตายไปแล้ว
“พี่สาว…พี่เป็นนางฟ้าใช่ไหม?” เด็กน้อยคนหนึ่งมองฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ พูดออกมาอย่างลืมตัว
“นางฟ้า?” เจสสิก้าส่ายหน้าแต่กลับพูดอีกว่า “ฉันเป็นแค่คนที่มาล้างแค้นเท่านั้น ไหนบอกฉันสิว่าบ้านพวกเธออยู่ที่ไหนกันบ้าง”
เธอต้องรีบพาพวกเด็กจำนวนมากพวกนี้ส่งกลับบ้านให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นอาศัยวิธีการติดต่อสื่อสารบนรถบรรทุกคันนี้ ติดต่อไปที่ไหนสักแห่ง
ขั้นตอนต่อไปก็คือขุดรากถอนโคนฐานที่มั่นนี้ หนึ่งในฐานที่มั่นของสมาคมไมเคิลก็มีอยู่ในโลกตะวันออกกลาง
หลังจากออกไปจากประเทศฝั่งตะวันออกนั่นแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ถอนรากถอนโคนฐานที่มั่นแบบเดียวกันไปสองแห่งแล้ว
แค่กำจัดได้เพิ่มมากขึ้น!
เจสสิก้ามองดูฝุ่นที่ตลบขึ้นมา พูดในใจว่า ‘ฉัน…กำลังไป!’
เจสสิก้าขับรถบรรทุกคน แล้วออกแรงหักเลี้ยวพวงมาลัยให้รถบรรทุกกลับรถอย่างรวดเร็ว ยางล้อเสียดทานกับพื้นผิวถนน ทำเอาศพที่อยู่บนพื้นกระเด็นออกไปอย่างแรง
ศพที่อยู่บนพื้น ถูกกระแทกกระเด็นลอยออกไปทันที
…
…
เวลานี้ร่างกายสูงใหญ่ลอยพ้นเชือกสังเวียนออกมา แล้วร่วงลงบนพื้นอย่างแรง ผู้ชมที่ล้อมรอบข้างๆ สังเวียนแตกฮือกันทันที ด้วยเหตุนี้คนที่กระเด็นลอยออกมาจากสังเวียนจึงได้แต่กระแทกลงบนพื้นอย่างแรง
เจ้าหมอนี่ลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว!
ผู้ชมถือเงินแทงข้างนักมวยคนนี้ต้องรู้สึกผิดหวังอย่างแน่นอน
“อันทอน!อันทอน! อันทอนของพวกเรา!เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้อีกครั้งแล้ว!นับตั้งแต่การแข่งขันเมื่อสองวันก่อน นี่คงจะเป็นชัยชนะครั้งที่เจ็ดของอันทอน! ตำนานได้เกิดขึ้นแล้วใช่หรือไม่? โอ้! สวรรรค์ อันทอน คุณคือนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดที่เราเคยเห็นมาเลย!ส่งเสียงให้เขาหน่อย!!”
กรรมการนั่นชูแขนของอันทอนขึ้น โห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง!
“อันทอน!” “อันทอน!” “อันทอน!”
เสียงโห่ร้องในสถานที่แข่งขันยังคงดังต่อเนื่องตลอด แต่ว่าอันทอน…อันโตนิโอกลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาถึงเบื่อหน่ายการตะโกนโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งของคนพวกนี้
เขาเดินลงมาจากสังเวียนโดยไม่พูดอะไรสักคำ และไม่สนใจคำพูดของนิคิตะที่เดินมาหาเขาด้วย เขามุ่งหน้าเดินไปที่ห้องพักผ่อน
นิคิตะเดินตามมาตลอดทางจนถึงห้องพักผ่อนแล้วก็ปิดประตู หลังจากเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เดินมาตรงหน้าอันทอน พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เป็นอะไรไป? หรือว่าเมื่อกี้ไม่ดีใจที่เอาชนะเจ้าหมอนั่นได้?”
อันทอนส่ายหน้า เขามองนิคิตะ ฉับพลันก็ถามขึ้นว่า “นิคิตะ วันนี้หาเงินมาได้มากเท่าไร?”
“รายได้วันนี้ไม่เลวเลยล่ะ!” พูดถึงเรื่องนี้แล้ว นิคิตะอดพูดด้วยความดีใจไม่ได้
“นิคิตะ ตอนนี้เงินของผมพอสร้างฐานทัพบนต้นไม้ได้แล้วหรือยัง?”
นิคิตะนิ่งงัน เขาลืมไปสนิทเลยว่ายังมีเรื่องนี้ด้วย!
อันที่จริงแล้ว เวลาแค่สองสามวันจากที่อันทอนได้รับชัยชนะบนสังเวียน เขาไม่เพียงแต่ได้รับเงินรางวัลจำนวนมหาศาล จนถึงกับแอบวางเดิมพันไว้อีก ขณะเดียวกันก็หาเงินมาได้เยอะมาก นี่เป็นเงินมากที่สุดเท่าที่เขาหามาได้ตลอดทั้งชีวิตของเขาเลย!
“โอ้!อันทอนที่รัก คุณน่าจะรู้นะว่า อยากสร้างฐานทัพบ้านต้นไม้สักหลัง มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย!” ตอนนี้นิคิตะพูดคล้ายกับเป็นเรื่องใหญ่โตว่า “คุณต้องรู้นะว่า ต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้นไม่ใช่แค่ต้นไม้ต้นเดียวเท่านั้น! มันยังอยู่บนที่ดินด้วย! ที่ดินน่ะคุณเข้าใจไหม? ถ้ามันไม่ใช่ที่ส่วนบุคคล ก็เป็นของประเทศ! ดังนั้น คุณต้องซื้อที่ดินแปลงเดียวกับใต้ต้นไม้ด้วย ถึงจะถือว่าครอบครองต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นไว้ได้จริงๆ! แต่การซื้อขายที่ดินนั้น คุณต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาลเลย!”
อันทอนส่ายหน้าพูดว่า “แต่ผมไม่อยากขึ้นชกแล้ว”
นิคิตะรีบพูดทันที “ทำไมคุณถึงไม่ขึ้นชกล่ะ? ไม่มีใครสู้คุณได้เลย! คุณเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่!ขอแค่คุณยืนอยู่บนสังเวียนก็บ่งบอกได้ว่าเงินจะลอยมาอยู่ในกระเป๋าเสื้อคุณเรื่อยๆ และสิ่งที่คุณต้องทำก็แค่โยนคู่ต่อสู้ออกไป! คุณดูสิ นี่เป็นเรื่องง่ายขนาดไหน!”
อันทอนกลับลุกยืนขึ้น
ที่จริงแล้วรูปร่างของเขาสูงใหญ่มากเหลือเกิน นิคิตะจึงต้องเงยหน้ามองเขา แล้วจู่ๆ ในใจของนิคิตะก็รู้สึกหวาดหวั่นแปลกๆ “อันทอน คุณ คุณคิดจะทำอะไร…”
อันทอนส่ายหน้า “นิคิตะ เมื่อกี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมขึ้นชกแล้ว ต่อจากนี้ผมจะไม่ขึ้นชกอีกแล้ว ผมจะไปแล้ว! คุณเอาเงินที่ผมหามาได้ให้ผมเถอะ!”
“อะไรนะ? คุณไม่ขึ้นชกแล้ว! ไม่ได้!” นิคิตะเผลอหลุดพูดเสียงดังราวกับโมโห
สีหน้าอันทอนแสดงความตกใจอยู่ระดับหนึ่ง จนเผลอแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาเลย
บ้าไปแล้ว!
เจ้าคนที่เหมือนหมีไซบีเรียนี้หวาดกลัวเสียงตะโกนของเขาจริงๆ ด้วย! นิคิตะมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เขาขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่คิดจะบีบบังคับอันทอนเกินไป ใครจะรู้ว่าเจ้าหมอนี้ถูกบีบบังคับเร่งรัดแล้วจะทำเรื่องอะไรบ้าง? ไอคิวหมอนี่ต่ำจะตายไป!
“เอาแบบนี้แล้วกัน อันทอน! ขึ้นชกอีกสามครั้ง!ขอแค่สามครั้งเท่านั้น! หลังจากนั้นพวกเราก็จะไม่ขึ้นชกอีก โอเคไหม?” นิคิตะเจรจาต่อรอง
อันทอนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกมา แถมเจาะจงชูนิ้วก้อยของตนเองออกมา
“นี่…นี่ทำไรน่ะ?”
“เกี่ยวก้อยไง! สัญญาว่าสามครั้ง!” อันทอนพูดอย่างไร้เดียงสา
ใครจะรู้ว่าตอนนี้นิคิตะรู้สึกอย่างไรบ้าง…อย่างไรเขาก็ไม่อยากเชื่อ ไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจดี ในใจรู้สึกเฮงซวยที่ต้องมาเกี่ยวก้อยกับ…
ผู้ชายที่แข็งแกร่งไม่มีใครทัดเทียมคนนี้!!
“นิคิตะ! นี่เป็นคำสัญญาลูกผู้ชายนะ!”
“ตก…ตกลง…”