สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 41 ไฟสุมทรวง
“ไม่สายครับ ทั้งสองท่านเป็นแขกสำคัญของท่านยูริ” เอดการ์ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “ท่านเคยสั่งไว้ว่า ให้ผมคอยรับใช้พวกคุณก่อนงานเริ่มครับ”
“ขอบคุณครับ” ลั่วชิวพยักหน้าเล็กน้อย “งั้นก็เข้าไปกันเถอะครับ”
เอดการ์ก็พยักหน้าพูดว่า “รถม้าที่คุณผู้ชายคนนั้นขับมาวันนี้ เหมาะกับคฤหาสน์ของพวกเรามากเลยนะครับ”
“งั้นเหรอครับ?” ลั่วชิวยิ้มแล้วพูดว่า “คู่เต้นรำของผมเป็นคนเลือกทั้งหมดครับ ผมไม่ได้ชำนาญเรื่องนี้ แค่เห็นว่ารถม้านี่สวยดี แต่ไม่ได้เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอกครับ”
เอดการ์อ้าปากค้างตกใจ มองคู่เต้นรำข้างกายคุณผู้ชายคนนี้แวบหนึ่ง ก่อนมองดูเวลา ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “นี่ก็ได้เวลาสมควรแล้ว น่าจะไม่มีแขกมาแล้ว ทั้งสองท่านตามผมเข้าไปเถอะครับ”
แม้จะพูดแบบนี้ ทว่ารถเบนท์ลี่ย์มูซานสีดำไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งกลับแล่นเข้ามาช้าๆ แล้วหยุดลงในที่สุด
เอดการ์พูดด้วยความรู้สึกผิด “ที่แท้ยังมีแขกมาอีก ทั้งสองท่านกรุณารอสักประเดี๋ยวได้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
เจ้าของร้านลั่วผู้มีความอดทนเป็นเลิศพูดอย่างช้าๆ
ตอนนี้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่สวมหน้ากากค้างคาวคนหนึ่งก็ลงมาจากรถ และยังเป็นก้าวพลาด…อีกก้าวหนึ่งด้วย?
ปลายจมูกสีแดงจากโรคโรซาเชีย*
ชายคนนี้รวบเสื้อส่วนหน้า เห็นเอดการ์เดินเข้ามาก็รีบถามว่า “งานประมูลเริ่มแล้วหรือยัง?”
“ยังครับ” เอดการ์ตอบอย่างสุภาพ
ชายคนนี้จึงพูดอย่างเฉยเมยว่า “งั้นก็พาผมเข้าไปสิ ผมไม่ชอบยืนตากแดด…”
ชายร่างสูงใหญ่คนนี้พูดพลางมองรถม้าที่จอดอยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง เขาดูตกใจ จึงส่ายหน้าพลางหัวเราะเยาะ “ตระกูลดีคาปี้นี่ไม่ว่าคนแปลกๆ ยังไงก็เชิญมาหมดเลยจริงๆ ใช่ไหม? ย้อยยุคงั้นเหรอ?”
“ทั้งสองท่านนี้เป็นแขกคนสำคัญของท่านยูริครับ” เอดการ์พูดพลางยิ้มน้อยๆ “ในเมื่อคุณผู้ชายทนรอไม่ไหวแล้ว ก็ตามผมเข้าไปพร้อมกันเลยแล้วกันครับ”
วาทศิลป์หลอกตำหนิไม่เลวเลยจริงๆ…อย่างน้อยตอนนี้ชายร่างใหญ่ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์
คำพูดเมื่อครู่ฟังดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่ลองคิดให้ละเอียดแล้ว ที่จริงหมายความว่า ‘ผมมีหน้าที่พาพวกเขาไปโดยเฉพาะ ในเมื่อคุณบังเอิญมาถึงพอดี งั้นก็ตามเข้าไปพร้อมกันเลยแล้วกัน’…อะไรแบบนั้น
“เชอะ” ชายร่างใหญ่สบถแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “หวังว่าม้าพวกนี้จะไม่วิ่งสะเปะสะปะไปทั่วนะ”
พอผู้ชายคนนั้นขึ้นรถไปอีกรอบแล้ว ลั่วชิวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเข้าไปในรถม้ากับโยวเย่เงียบๆ ความจริงวันนี้เขาก็แค่ลองผ่านมาดูงานประมูลนี้เท่านั้น
เจ้าของสมาคมไม่เคยลืม ว่าตนเองพาคุณสาวใช้มาเที่ยวที่นี่
นึกอยากลองนั่งรถม้าแบบนี้สักครั้ง ที่จริงครั้งที่แล้วตอนอยู่ในปราสาทโบราณท่ามกลางทุ่งดอกไม้ของโรมาเนีย ก็บังเอิญเห็นรถม้าที่มีตราประจำตระกูลเจ้าชายนักเสียบ จู่ๆ ก็นึกอยากลองนั่งดูสักครั้ง
นายท่าน อยากลองนั่งรถม้าดูสักครั้งไหมล่ะคะ?
ก่อนขึ้นรถแท็กซี่ คุณสาวใช้ที่จำคำพูดนั้นได้ก็เอ่ยถามเขา
หลังจากขึ้นรถม้ามาแล้ว คนบังคับรถม้าก็ดึงเชือกบังเหียน รถม้าค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ตัวคฤหาสน์อย่างช้าๆ
ลั่วชิวมองโยวเย่แล้วพูดว่า “เจ้าคนอ้วนเมื่อกี้นี้ เธอคิดว่าเป็นยังไงบ้าง?”
โยวเย่ตอบเสียงเบาๆ ว่า “เขาน่าจะกังวลและว้าวุ่นใจเอามากๆ เลยค่ะ แต่รู้สึกว่าตัวเขาเองจะไม่รู้ตัว…อืม ความรู้ในการเตรียมตัวป้องกันรับมือโลกภายนอกก็มีไม่น้อย น่าจะเป็นพวกคุ้นเคยอยู่แต่ในที่ปลอดภัยมานาน พออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยก็ปรับตัวไม่ได้ ฉันคิดว่าเขาน่าจะมีเหตุผลจำเป็นให้ออกมาข้างนอกล่ะมั้งคะ”
ขณะที่พูดอยู่นี้ คุณสาวใช้ก็ถอดถุงมือลูกไม้ฉลุลายออก ฉับพลันไฟสีดำก็จุดขึ้นจากปลายนิ้ว
ของขนาดเท่ายุงตัวหนึ่งลอยออกไปจากหน้าต่างรถม้า หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นที่ด้านหลังรถม้า
รถเบนท์ลี่ย์สีดำคันนั้น…ยางรถระเบิดแล้ว
โยวเย่…คงเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมากเลยล่ะสิ?
ลั่วชิวยิ้มแล้วพูดว่า “แกล้งนิดหน่อยก็พอแล้วล่ะ คุณชายร่างท้วมคนนี้เป็นถึงเป้าหมายที่ลูกค้าของเราต้องการจัดการ พวกเราไม่ควรลิดรอนสิทธิอันรื่นรมย์ที่ลูกค้าพึงได้รับนะ”
คุณสาวใช้จึงค่อยๆ สวมถุงมือของตนเองอย่างเชื่อฟัง
…
…
สุดท้ายชายที่นั่งรถเบนท์ลี่ย์มา ก็จำต้องนั่งรถของคฤหาสน์ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือ เหมือนว่าเขาจะถูกพาไปที่แห่งหนึ่งซึ่งดูไม่เหมือนสถานที่ประมูลเลย แน่นอนว่า เขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเขาเองจะมีอันตรายเลย
เพราะในคฤหาสน์นี้ไม่ได้ห้ามเขาพาลูกน้องตนเองมาด้วย
เพียงแต่ภายในห้องว่างเปล่าที่มีเพียงเขาและลูกน้องจำนวนหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปกลับค่อยๆ ทำให้เขาเริ่มรู้สึกรำคาญ
“เสียงอะไรน่ะ?”
“นายครับ เหมือนจะเป็นเสียงวิดีโอคอลครับ” ลูกน้องคนหนึ่งเดินไปถึงด้านหน้าผนังห้อง แล้วเปิดโทรทัศน์ด้านบน
เก้าอี้ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นบนจอ และมีคนนั่งหันหลังอยู่บนเก้าอี้นั้น
“คุณคือยูริแห่งตระกูลดีคาปี้?” ชายร่างใหญ่พูดเสียงเข้ม
“คุณเยฟิม สวัสดีครับ”
พูดเปิดประเด็น
เขาพูดต่อว่า “ช่วยเชิญลูกน้องของคุณไปรอด้านนอกได้ไหม? ผมอยากคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวสักหน่อย…แน่นอนว่าถ้าคุณไม่ถือสาที่จะให้ลูกน้องของคุณได้ยินเรื่องลับของคุณ ผมก็จะไม่ถือสาเช่นกัน”
“พวกแกออกไปก่อน” เยฟิมขมวดคิ้ว และไม่สนใจคำเตือนของลูกน้อง
นับตั้งแต่อีกฝ่ายส่งจดหมายเชิญให้เขา ก็แสดงชัดเจนแล้วว่า…เจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ต้องมีเรื่องอยากพูดกับเขาแน่ๆ ดังนั้นก่อนเริ่มเจรจาเขาก็ต้องปลอดภัยแน่นอน
เขาไม่เคยคิดว่าการอยู่ในอาคารสูงที่เหมือนป้อมปราการจะปลอดภัยมากกว่า เพราะภัยคุกคามบางอย่างที่ไม่อาจรู้ได้กำลังล้อมรอบเขาอยู่
เขาจึงต้องพาตัวเข้ามาเสี่ยงสักครั้ง
“คุณลงทุนตั้งมากมายขนาดนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อล่อผมมาที่นี่งั้นเหรอ” เยฟิมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง
ตอนนี้เขารู้สึกค่อนข้างแย่ ราวกับเดินอยู่ในหลุมพรางที่อีกฝ่ายขุดไว้ทีละก้าว…ขนาดเมื่อกี้นี้ยางรถยังระเบิดเลย ซวยจริงๆ!
“คุณเยฟิมเป็นคนฉลาดอย่างที่คิดไว้จริงๆ ถ้าอย่างนั้น ผมขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน…งานประมูลที่จะเริ่มขึ้น ผมจะยินดีถ้าคุณเยฟิมสามารถประมูลภาพมาได้”
“อะไรนะ?” เยฟิมอึ้งชะงักไป จนเผลอพูดซ้ำอีกครั้ง “อยากให้ผมประมูลภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ เหรอ?”
“ไม่ๆๆ พูดให้ถูกก็คือคุณต้องประมูลภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ของปลอมมาให้ได้ ไม่ว่าคุณจะต้องใช้เงินเท่าไรก็ตาม คุณจะต้องประมูลมาให้ได้ และจะต้องจ่ายเต็มให้ครบภายในงาน อ้อ แน่นอนว่า นอกจากคุณแล้ว แขกคนอื่นๆ น่าจะไม่รู้ว่าภาพนี้เป็นของปลอม หรือถึงแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยเรื่องนี้ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะพิสูจน์ได้เหมือนกัน”
เยฟิมยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “นี่คุณกำลังล้อผมเล่นใช่ไหม?”
“ที่ไหนกันล่ะครับ? เพราะผมลองคิดดู คุณเยฟิมต้องยินดีทำแบบนี้แน่…โดยเฉพาะคุณคงไม่ยินดีให้ทั้งโลกรู้ว่า คุณให้คนปลอมตัวเป็น F&C แล้วขโมยภาพของจริง ‘ขน’ออกมาจากพิพิธภัณฑ์แกลเลอรีหรอก…ใช่ไหม?”
“คุณมีหลักฐานอะไร?” เยฟิมพูดดูถูก
“หลักฐาน?”
เก้าอี้ค่อยๆ หมุนหันมาอย่างเชื่องช้า ในที่สุดเยฟิมก็เห็นใบหน้าที่แท้จริงของชายบนเก้าอี้ตัวนี้แล้ว แถมยังเห็นเขายิ้มเหมือนจะบอกว่า ‘เขานี่แหละหลักฐาน’
ยูริ!
จิตรกรยูริ!!
หัวใจของเยฟิมพลันเต้นระรัว
“แกนี่เอง!!” เยฟิมคาดไม่ถึงจนร้องเสียงหลง
ยูริที่อยู่ในจอพูดด้วยสีหน้าหยอกล้อว่า “คุณเยฟิม คุณเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมากที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา…อย่างเช่น ผู้หญิงอย่างแอนนาที่คุณคิดว่าใช้งานได้ดีคนนี้ ก่อนที่คุณจะพบเธอก็ต้องให้คนตรวจสอบเธอด้วยวิธีต่างๆ ทุกครั้งเลยไม่ใช่เหรอ? แต่ใครใช้ให้คุณชอบขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนนี้กันล่ะ? คุณไม่ควรให้เธอเข้าไปในป้อมปราการของคุณเลย”
“หญิงสารเลวนั่น…หักหลังฉันจริงๆ ด้วย” เยฟิมสบถ
เขาถอดหน้ากากค้างคาวบนใบหน้าออกอย่างเหลืออด ก่อนกัดฟันด้วยความเคียดแค้น พร้อมกับชี้ยูริที่อยู่ในจอ “หรือว่าพวกแกสองคนร่วมมือกันจัดการฉันตั้งแต่แรกแล้ว?”
“จำไว้ว่า คุณต้องประมูลภาพมาให้ได้” ยูริพูดอย่างเฉยเมยว่า “ยูริที่เหมือนคนเร่ร่อนคนนั้นเป็นแค่มดสำหรับคุณ คุณจะขยี้ให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่แล้ว”
“ถ้าคุณไม่ประมูล ผมจะขยี้คุณให้ตาย”
หน้าจอเป็นสีดำในชั่วพริบตา
เยฟิมกวาดของทั้งหมดบนโต๊ะน้ำชาร่วงลงพื้นอย่างโกรธแค้น!!
“นายครับ เกิดเรื่องอะไรครับ?”
ลูกน้องได้ยินเสียงก็รีบผลักประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นก็คือแววตาดุดันน่ากลัวของเยฟิม
“ออกไป ฉันอยากอยู่เงียบๆ สักพัก” เยฟิมสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง พูดเน้นเสียงหนักทุกคำ
โรคโรซาเชีย* เป็นโรคผิวหนังอักเสบ เรื้อรัง ที่เกิดที่หน้าของผู้ใหญ่ มีลักษณะจำเพาะคือ มีผิวหน้าแดง มีหลอดเลือดขยายตัว มีตุ่มแดง (Papule) มีตุ่มหัวหนอง (Pustule) หรือบางครั้งบางคราว มีการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อหน้า บริเวณด้านข้างจมูก เป็นสันนูนขึ้นมา