สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 45 หางหมาป่า
“คุณวิคเตอร์ไม่ต้องการให้คนของเราไปส่งคุณจริงๆ หรือครับ?เดินจากที่นี่กลับไปเมืองยังอีกไกลมากนะครับ”
เอดการ์ถามพลางมองวิคเตอร์อยู่ตรงหน้าคฤหาสน์
“ไม่ต้องหรอกครับ ถ้าต้องอยู่กับพวกคุณเพิ่มแม้เพียงนาทีเดียว ผมคงหยุดหายใจ!” วิคเตอร์กัดฟันพูด
ตั้งแต่ที่เขาเดินออกจากห้องนั้นไป ก็รู้สึกไม่พอใจสุดขีด ถึงขนาดไม่คิดจะไว้หน้าคนทั้งคฤหาสน์นี้เลย
เพราะว่าเขาจำใจต้องยอมรับเงื่อนไขของเจ้าของคฤหาสน์นี้
เอดการ์เหมือนเห็นเหตุการณ์แบบนี้จนชินแล้ว ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ประดับรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนพูดว่า “คุณวิคเตอร์วางใจเถอะครับ ช่วงที่คุณไม่อยู่ พวกเราจะดูแลคุณเยียร์เกอร์เป็นอย่างดีครับ”
วิคเตอร์ไม่พูดอะไร เขาหันตัวแล้วเดินไปตามเส้นทางที่มุ่งเข้าตัวเมืองเงียบๆ…ราวกับว่ามีแค่เส้นทางสายนี้เท่านั้นถึงจะสามารถไปได้
…
“ท่านครับ จ่าวิคเตอร์กลับไปแล้ว”
ตอนที่เอดการ์กลับเข้าไปในคฤหาสน์ ยูริที่หลับตานั่งอยู่บนโซฟาในห้องหนังสือเพียงลำพัง ก็ตอบอืมเบาๆ แล้วถามทันทีว่า “ใช่แล้ว แขกของผมสองคนนั้นล่ะ?”
“แขกสองคนเหรอครับ?” เอดการ์อึ้งไปแล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “ท่านครับ แขกที่ท่านพูดถึงคือสองท่านไหนกันแน่ครับ?”
ยูริลืมตาช้าๆ มองสีหน้าสงสัยของเอดการ์
ลืมอีกแล้วเหรอ? เหมือนกับครั้งแรกที่เขาฟื้นขึ้นมาในคฤหาสน์แห่งนี้เลย
เหมือนชายหญิงคู่นั้นไม่มีตัวตน ในคฤหาสน์มีเพียงยูริที่รู้ เหมือนเขาอยู่ในกำมือของชายหญิงคู่นี้เลย
“ไม่มีอะไร…ผมอาจจะลืมเรื่องบางอย่างไป” ยูริส่ายหน้า ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดว่า “ไปเชิญคุณแอนนาเข้ามาเถอะ”
“ครับคุณยูริ”
…
แอนนาถูกนำตัวมาหน้าประตูห้อง
เอดการ์ทำท่าผายมือเชิญ เขายืนอยู่แบบนั้น ไม่ได้เปิดประตูให้แอนนา
แอนนาขมวดคิ้ว เธอลังเลอยู่สักพักถึงได้ผลักประตูเข้าไปเงียบๆ
ยูรินั่งอยู่ตรงโซฟา เหมือนพอมีเวลาอยู่
หลับอยู่เหรอ?
แอนนาปิดประตู ตั้งแต่ยูริให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนเขาวาดรูปครั้งก่อน พวกเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลย แม้ว่าเธอจะรู้ว่ายูริอยู่ที่นี่ก็ตาม
แอนนาหรี่ตา เดินเบาๆ เข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้าจนเกือบจะเหมือนแมว
ยูริลืมตาเงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเหมือนตื่นจากฝันกะทันหัน “มาแล้วเหรอ? ขอโทษที ผมงีบไปนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เท้าแอนนาที่ก้าวไปข้างหน้าหยุดชะงัก แล้วแววตาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆ พร้อมพูดว่า “ฉันว่าแขกพวกนั้นคงขับรถออกไปนอกคฤหาสน์แล้ว…ดูเหมือนงานประมูลของคุณประสบความสำเร็จแล้ว ยินดีด้วยค่ะ ไม่ใช่แค่ขายภาพนี้ได้เท่านั้น แถมยังได้ก่อกวนงานประมูลครั้งก่อนของเยฟิมด้วย ทำให้เขาไม่ได้อะไรติดมือไปเลย หลังจากนั้นคุณก็ตั้งใจกระจายข่าวการขายภาพนี้ออกไป ถ้างั้นภาพของจริงในมือเยฟิมก็ยิ่งไม่ถูกต้อง แล้วยิ่งขายยากขึ้น ฉันว่าเขาคงจะโกรธจนปาแก้วแตกไปแล้ว”
“แอนนา” จู่ๆ ยูริก็เรียกชื่อนี้
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” แอนนาเดินมาตามแนวพื้นห้อง จนมาถึงตรงหน้าโซฟาแล้วนั่งตรงข้ามกับยูริ
“คุณรู้ไหมว่าราคาประมูลครั้งนี้เท่าไร?” ยูริพูดอย่างเฉยเมย
“คุณจะเล่าให้ฉันฟัง?” แอนนามองยูริด้วยสายตาชวนให้หวั่นไหว
ยูริกำลังพิจารณาอย่างชื่นชม เขาพูดเสียงเบาว่า “สองร้อยหกสิบล้านยูโร”
ลมหายใจของแอนนาแทบจะหยุดชะงักทันที แม้ว่าเธอจะพยายามจัดงานประมูลก่อนหน้าไปอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังประเมินความต้องการซื้อของแขกไว้สูงแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยนึกว่าราคาแพงเฉียดฟ้าแบบนี้!
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เธอนึกถึงคำพูดที่ยูริเคยพูดกับเธอ เงินที่ได้รับจากการประมูลภาพในครั้งนี้จะเป็นของเธอทั้งหมด!
“ยูริ คุณเป็นอัจฉริยะ!” แต่เธอไม่คิดจะพูดเรื่องสองร้อยหกสิบล้านอีก
เธอต้องการหยั่งเชิงดูว่ายูริมีทัศนคติอย่างไร ด้วยเธอยังไม่แน่ชัดว่ายูริมีความคิดอย่างไรกันแน่!
“คุณทำสำเร็จแล้วจริงๆ!เลียนแบบภาพของอีวานได้เป๊ะๆ! คุณเป็นอีวานที่มีชีวิตอยู่จริงๆ? นิโคล่า เยวิช!” แอนนาพูดอย่างตื่นเต้น
ยูริกลับถอนหายใจ แล้วถามทันที “แอนนา ยังจำได้ไหมว่าเรารู้จักกันได้ยังไง?”
“แน่นอนค่ะ ฉันจะลืมไปได้ยังไงกัน?” แอนนาใช้เสียงเหมือนกำลังย้อนคิด…เสียงที่ทำให้คนหวั่นไหว “ตอนนั้นฉันเพิ่งเดินออกมาจากแกลเลอรี บางทีอาจเป็นลิขิตสวรรค์ ฉันไม่ได้เดินไปทางที่เดินประจำ แต่เลือกเดินไปอีกทางหนึ่ง ที่ทำให้ฉันได้พบคุณ”
เธอมองยูริด้วยสายตาเหม่อลอย “ตอนนั้นคุณกำลังกินขนมปังอยู่พอดี คุณยังนั่งกับพื้น แต่บนเก้าอี้กลับวางกระดานวาดรูปเอาไว้ จู่ๆ ก็มีลมพัดพากระดาษวาดภาพของคุณปลิวมาอยู่ตรงหน้าฉัน…บางทีอาจเป็นพระเจ้าที่อยากให้รูปของคุณและตัวคุณมาอยู่ข้างกายฉัน”
“แต่ตอนที่อยู่ในชานชาลา คุณก็ไล่ผมไปจากข้างกายคุณตลอดกาลอย่างไร้ความรู้สึกแล้ว” ยูริหรี่ตาพูด
แอนนาส่ายหน้าเล็กน้อย สีหน้ามีความเจ็บปวดแวบเข้ามา เหมือนเธอไม่ได้คิดโต้แย้งอะไร เพียงแค่มองยูริด้วยสายตาซับซ้อน
ความซับซ้อนในดวงตาทั้งสองของเธอเหมือนกับน้ำวน ราวกับมีคำพูดนับร้อยนับพันที่ไม่อาจพูดได้หมด
สุดท้ายเธอแค่พูดเบาๆ มาหนึ่งประโยค “ขอโทษค่ะ”
…
“นี่คือสิบล้าน”
แต่ในวินาทีถัดไป ยูริก็ล้วงเช็คใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เอาไปวางบนโต๊ะแล้วเลื่อนไปตรงหน้าแอนนา เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “คุณลงมือกับผมที่ชานชาลา ครั้งนี้ผมหลอกคุณ ก็ถือว่าเจ๊ากันไปแล้วกัน สองร้อยหกสิบล้านยูโร ผมให้คุณไม่ได้หรอก”
ยูริเห็นสีหน้าของแอนนาเปลี่ยนไป เขาจึงส่ายหน้าแล้วก็ลุกขึ้นยืน เดินไปทางประตูพร้อมกับพูดว่า “อยากไปที่ไหนก็บอกพ่อบ้านผมแล้วกัน คนขับรถจะได้ส่งคุณออกไป อ้อ ใช่แล้ว…”
ตอนที่เปิดประตู ยูริก็หันกลับมามองอีกครั้ง “ความจริงคุณไม่เหมาะไปเรียนประเมินค่าภาพวาดสีน้ำมันเลย ผมว่าคุณมุ่งเรียนสาขาการแสดงจะเหมาะกับคุณมากกว่า”
แอนนานั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ เธอแค่เก็บสายตาโกรธแค้นของตัวเองช้าๆ จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “จริงหรือคะ? ฉันจะลองคิดดูสักหน่อยแล้วกัน”
“งั้น ลาก่อน”
ยูริปิดประตู
…
…
เสียงร้องเจ็บปวดดังมาจากในห้อง เสียงทุบตี เสียงเหมือนมาจากของที่อยู่บนกำแพงหรือพื้นห้อง
แต่ด้านนอกห้อง วิคก้าที่กำลังถือแก้ววอดก้าไว้ใบหนึ่งกลับสั่นเทาไม่หยุด เหล้าในแก้วก็กระเพื่อมไปด้วย ถึงแม้ว่าสำหรับเขาแล้ว นี่ไม่ใช่ประสบการณ์ครั้งแรก แต่ทุกครั้งล้วนทำให้เขากลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ
“เว เวร่า..คุณ คุณกินยาอีกหน่อยไหม?”วิคก้ารีบเดินมาที่ด้านหน้าประตู พูดเสียงดังผ่านประตูกั้นเข้าไป
“ออกไป!!”
เสียงคำรามดังเสียดหูวิคก้า เขาแทบจะรีบถอยหลังกลับไปโดยอัตโนมัติ แต่เขาก็รู้สึกหวาดกลัวและรู้สึกอันตรายตลอดเวลา เขาจึงเอามือหนึ่งกอดเบาะรองนั่งเอาไว้ อีกมือหนึ่งหยิบมีดปอกผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ชี้ไปที่ห้องนี้ด้วยความตกใจสุดขีด
เขากลืนน้ำลายเล็กน้อย
“เว…เวร่า! เห็นแก่หลายปีมานี้ ถ้าคุณทนไม่ไหวจะพังออกไป จำไว้ว่าก่อนพุ่งออกไปต้องบอกผมก่อนสักคำนะ!”
กรรรจ์!!!
เสียงคำรามที่เหมือนไม่ใช่เสียงของคนดังขึ้นมา วิคก้าตกใจจนล้มพับอยู่บนพื้นทันที…แต่หลังจากเสียงหายไป ภายในห้องก็เหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว
วิคก้ากลืนน้ำลาย เขาคิดว่าตัวเองรอต่ออีกหน่อยน่าจะดีกว่า
ในห้อง
เวร่าล้มพับไปอยู่บนพื้นแล้ว
ไม่ได้เปิดไฟ แม้แต่ผ้าม่านก็รูดชิดกันจนที่นี่มืดสนิท แต่ในตอนนี้จู่ๆ โคมไฟที่วางไว้ในห้องกลับสว่าง
แสงสีเหลืองส้มสาดส่อง ทำให้เห็นร่างที่นอนอยู่บนพื้น
เธอคือเวร่า
เธอนอนงอตัวด้วยร่างกายเปลือยเปล่าอยู่บนพื้นเหมือนสลบไป
หยาดเหงื่อเม็ดกลมๆ กำลังเกาะอยู่บนผมและขนที่หนาทึบ เปียกเหมือนลูกแมวที่พลาดตกน้ำ
แต่ขนที่เปียกชุ่มสีเงินพวกนี้เริ่มค่อยๆ หายไปจากบนแขน ขาอ่อน ส่วนท้องตลอดจนหน้าของเวร่า…หรืออาจจะบอกว่าหดกลับเข้าไป…
ส่วนเจ้าของสมาคมพร้อมทั้งสาวใช้ที่เปิดโคมไฟในห้องนี้ ก็กำลังสังเกตหางปุกปุยที่โผล่ออกมาและค่อยๆ หดกลับไป
โยวเย่พูดว่า “นี่หางหมาป่าค่ะ”
เจ้าของร้านลั่วคิดว่ามหัศจรรย์มากจริงๆ