สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 49 กับดัก
แสงตะวันส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา เป็นแสงสว่างสาดแสงไปทั่วห้อง เปลือกตาของเวร่าขยับเล็กน้อย แล้วก็ลืมตาขึ้น
เธอสูดอากาศบริสุทธิ์ของวันใหม่…ถึงแม้ว่าสุขภาพยังแย่อยู่บ้าง แต่อารมณ์ของเธอดูดีทีเดียว
หลังจากเธอลุกขึ้นนั่ง ออกแรงบิดขี้เกียจไปรอบหนี่งแล้ว เธอก็เห็นการ์ดดำเล็กๆ ใบหนึ่งวางอยู่ข้างหมอน
การ์ดดำนี่มีขนาดเท่าไพ่โป๊กเกอร์ที่เธอใช้เล่นมายากลไพ่โป๊กเกอร์
เวร่าขมวดคิ้ว เธอจำไม่ได้เลยว่าเธอมีของแบบนี้ด้วย…แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมากนัก
สำหรับเธอแล้วการยืนหยัดให้ผ่านคืนพระจันทร์เต็มดวงไปได้อีกคืน ถือเป็นเรื่องที่มีความสุขได้ตลอดทั้งเดือนเลย จนกว่าพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไปจะมาถึง
เธอใช้นิ้วหนีบการ์ดดำใบนี้ขึ้นมา ทำเหมือนไพ่โป๊กเกอร์ที่เล่นตามปกติ เธอเขวี้ยงมันออกไปตรงๆ การ์ดดำร่อนออกไป ในที่สุดก็ชนกับผนังห้อง หลังจากนั้นก็ร่วงลงไปตามผนัง กลายเป็นหนึ่งในของจิปาถะมากมายภายในห้องนี้
เวร่ากำลังมองดูลักษณะห้องนี้ แล้วส่ายหน้าพร้อมยิ้มเฝื่อนๆ…เธอไม่อยากหาเรื่องยุ่งยาก ดูท่าก่อนย้ายออกจากห้องเช่านี้ไป ต้องหาคนมาซ่อมแซมจุดที่เสียหายในห้องนี้ให้ดีๆ แล้ว
เวร่าลงจากเตียง แล้วเดินออกมานอกห้องโดยมีผ้าคลุมเตียงห่อร่างกายเอาไว้
สิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกก็คือวิคก้า
เวร่าส่ายหน้า เธอมองดูวิคก้าที่หันเก้าอี้มานั่งเผชิญหน้าห่างจากหน้าประตูห้องไปสองเมตร
ในมือของเขายังถือมีดปอกผลไม้เล่มหนึ่ง ส่วนตอนนี้…เขากำลังสัปหงกอยู่
เวร่าเดินเข้าไปใช้เท้าเตะไปที่ขาเก้าอี้ สะเทือนจนวิคก้าตื่นขึ้นมาทันที มีดปอกผลไม้ในมือร่วงลงไปบนพื้น เสียงดังแกร๊ง “เว เวร่า! คุณฟื้นแล้ว! เป็นอะไรหรือเปล่า?”
วิคก้ารีบลุกขึ้นยืน
เวร่าพูดเสียงเบาๆ ว่า “ถ้ามีมื้อเช้ารสเลิศสักมื้อ ฉันคิดว่าฉันคงดีขึ้นกว่านี้อีก”
“อ้อ! รอผมแป๊บเดียว ขอแค่คุณกินได้ ผมก็อยากยกของกินในตู้เย็นทั้งหมดให้คุณจนใจจะขาดอยู่แล้ว!” วิคก้าพูดด้วยสีหน้าโอเวอร์ว่า “ขอแค่คุณไม่กินผมก็พอ!”
เวร่ามองตาค้อน จากนั้นก็กางนิ้วตนเองออก ชูนิ้วกลางยื่นไปทางวิคก้า
“จริงสิ นายอุ้มฉันไปนอนบนเตียงเหรอ?” เวร่าเปิดทีวีแล้วหันไปถามวิคก้าที่กำลังทำอาหารเช้า
“ผมกล้าเข้าไปที่ไหนกันล่ะ!” วิคก้าส่ายหน้าบอกว่า “ครั้งนี้คุณรู้จักปีนขึ้นเตียงแล้วเหรอ?”
เวร่าส่ายหน้า “ฉันลืมแล้วล่ะ…สงสัยคงใช่ล่ะมั้ง”
เวร่าใจลอยไปชั่วขณะหนึ่ง…เธอจำได้ว่าตัวเองล้มลงบนพื้น และจำได้รางๆ ว่า…ได้ยินเสียงแปลกๆ อะไรด้วย
หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เวร่าก็มองวิคก้าตรงๆ พลางพูดว่า “เตรียมเครื่องมือของนายให้พร้อม คืนนี้ฉันจะลองไปดู ‘ป้อมปราการ’ ของเยฟิมสักหน่อย!”
“วันนี้?” วิคก้าพูดอย่างงงงัน “คุณแน่ใจเหรอ? ตอนนี้คุณน่าจะต้องพักผ่อนนะ”
“ฉันดีขึ้นมากแล้ว กลางวันก็น่าจะเต็มร้อยแล้ว” เวร่าพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถึงร่างกายฉันจะไม่ถือว่าดีขึ้นเต็มร้อย แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าคนทั่วไป…ถือว่าไปยืดเส้นยืดสายหน่อยแล้วกัน!”
…
…
“ท่านครับ คุณวิคเตอร์มาถึงแล้วครับ”
ลูกน้องคนสนิทพาเขามาส่งถึงชั้นบน วินาทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ท่าทางของเยฟิมก็ปรากฏอยู่ในสายตาของวิคเตอร์
“ฮ่าๆๆ! วิคเตอร์ที่รัก ผมรอคุณมานานแล้ว”
เสียงหัวเราะเบิกบานราวกับเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันนานหลายปี รอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าเยฟิม ถึงกับทำให้วิคเตอร์เข้าใจผิดว่า…คนคนนี้คือเพื่อนเก่าที่คบมาหลายสิบปีของเขา
วิคเตอร์ยิ้มแล้วพูดว่า“เรื่องที่สถานีตำรวจเยอะเหลือเกิน ให้อภัยผมด้วยนะครับ ผมพอมาได้แค่ช่วงค่ำๆ เท่านั้น”
เยฟิมเดินเข้ามากอดเขายกใหญ่ หลังจากนั้นก็โอบบ่าเขา พาเข้าไปข้างใน แล้วยังพูดแบบอัธยาศัยดีว่า “เมื่อกี้ผมเปิดเหล้าเด็ดๆ ไว้ขวดหนึ่ง นี่เป็นของดีที่ผมประมูลกลับมาได้จากซัทเทบีส์*ที่อิตาลีเมื่อปีที่แล้ว คุณต้องลองชิมสักหน่อยแล้ว!”
“งั้นหรือครับ?” วิคเตอร์พูดอมยิ้ม “งั้นคงต้องลองชิมดูจริงๆ แล้วนะครับ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าชาตินี้ผมคงไม่มีโอกาสแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ!” เยฟิมหัวเราะลั่นแล้วพูดว่า “ไม่หรอก หลังจากนี้คุณจะมีโอกาสมากขึ้นต่างหาก! ขอเพียงคุณชอบ คุณจะไม่ได้ชิมเหล้ารสดีพวกนี้เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคุณจะกลายเป็นคนที่มีกำลังซื้อเหล้าดีๆ พวกนี้ด้วย!”
วิคเตอร์ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
เยฟิมเปิดขวดเหล้า พลางพูดว่า “ปีนี้ผมอายุห้าสิบสี่ปีแล้ว ผมออกมาดิ้นรนข้างนอกตัวคนเดียวตั้งแต่อายุสิบสามปี คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมตอนแรกผมถึงออกมาดิ้นรนเอง?”
“อยากรู้เหมือนกันครับ”
“รองเท้าหนังหนึ่งคู่” เยฟิมหวนนึกถึงอดีตพลางเล่าว่า “เศรษฐกิจตอนนั้นไม่เหมือนตอนนี้ ประเทศลงแรงไปกับการพัฒนาด้านทหาร…พอด้านทหารพัฒนาไปแล้ว วงการอื่นๆ กลับพัง ตอนนั้นผมยังเรียนหนังสืออยู่ คุณรู้อะไรไหม? ในฤดูหนาวผมสวมได้แค่รองเท้าเก่าๆ ขาดๆ คู่หนึ่ง เป็นเป้าให้คนทั้งชั้นเรียนหัวเราะเยาะ นับตั้งแต่นั้นมาผมก็สาบานว่า ขอเพียงเป็นสิ่งที่ผมต้องการ ผมจะต้องหาวิธีเอามาให้ได้”
วิคเตอร์พูดอย่างเฉยเมยว่า “ตอนนี้คุณเยฟิมก็มีทรัพย์สินมหาศาลแล้วนี่ครับ”
เยฟิมหัวเราะฮาลั่นแล้วพูดว่า “มา ดื่มกัน อย่าไปพูดเรื่องน่าอึดอัดกันเลยครับ! ดื่มเสร็จเรามาคุยเรื่องอื่นกัน!”
วิคเตอร์หรี่ตาลงพลางพูดว่า “วันนี้คุณเยฟิมดูดีใจเกินไปหน่อยหรือเปล่าครับ? โปรดอย่าลืมนะครับ ว่าสถานการณ์ของคุณไม่ค่อยสู้ดีนัก”
“ไม่หรอก…สถานการณ์ยิ่งแย่เท่าไร ก็แสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์จำนวนมากที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเท่านั้น” เยฟิมตบบ่าวิคเตอร์เบาๆ พลางพูดว่า “คุณตามผมมาสิ!”
เขาพาวิคเตอร์มาถึงบริเวณกลางห้องรับแขก ตอนนี้ภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ตั้งเงียบๆ อยู่บนโต๊ะกลางห้อง
มันวางราบไปกับโต๊ะ
เยฟิมยิ้มพลางพูดว่า “ในฐานะที่เป็นคนมอสโก ผมคิดว่าคุณต้องรู้แน่นอน ว่าภาพนี้คือภาพอะไรสินะครับ?”
วิคเตอร์สังเกตดูแวบหนึ่ง เขาพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พูดปลงว่า “ภาพราคาสองร้อยหกสิบล้านยูโร โลกนี้มันบ้าไปแล้ว ว่าแต่คุณเยฟิม คุณให้ผมดูภาพนี้ แค่เพื่อโอ้อวดผมเท่านั้นเหรอครับ?”
“ไม่ครับ!ผมคิดจะมอบภาพนี้ให้คุณ” เยฟิมพูดขึ้นทันทีว่า “และผมบอกคุณได้เลยว่า นี่เป็นภาพของแท้แน่นอน!”
วิคเตอร์ขมวดคิ้ว
เขาไม่เข้าใจว่าที่เยฟิมบอกว่าเป็นของแท้แน่นอนหมายความว่าอย่างไรกันแน่…เหมือนยังมีของปลอมอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ที่เขารู้ ในคลิปวิดีโอที่ยูริส่งให้เขานั้นไม่ได้พูดถึงตัวภาพไว้ละเอียด สิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้จากวิดีโอนี้ก็แค่ยืนยันว่าภาพถูกเยฟิมซื้อไปเป็นการส่วนตัวเท่านั้น
ภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ เป็นเหมือนสมบัติของโลกที่ตกทอดกันมา ถือได้ว่าเป็นสมบัติของชาติ
พฤติกรรมของเยฟิมก็เป็นการซื้อขายสมบัติของชาติเอาเอง โทษแบบนี้ใช่ว่าจะหลุดพ้นไปได้ง่ายๆ
“คุณอยากให้ผมทำอะไร?” แต่ขณะเดียวกันเขาก็ฉลาดพอที่จะรู้สึกได้ว่า เยฟิมยังมีแผนการอีก
เยฟิมพูดว่า “ลูกน้องของคุณไปสืบพบคลิปวิดีโอนั้นมาได้ยังไงเหรอครับ?”
วิคเตอร์ส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “พวกเรายังไม่ได้ตกลงร่วมมือกัน แน่นอนว่า…ผมจะแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ได้หรอกครับ”
เยฟิมถูฝ่ามือแล้วพยักหน้าเล็กน้อย พลางพูดว่า “คุณทำถูกแล้ว ควรต้องระมัดระวังทุกฝีก้าวจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้คุณไม่ต้องเริ่มสืบจากลูกน้องของคุณก็ได้ เพราะผมรู้ว่าคลิปวิดีโอนี้หลุดออกมาได้ยังไงกันแน่”
“ครับ?”
“ต่อไปคุณก็แค่พิสูจน์ให้ผมเห็น ว่าคุณมีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจ” เยฟิมหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ภาพนี้ถูกพบอยู่ในบ้านคนคนหนึ่ง ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่ยอมรับผิด แต่อย่างน้อยก็ไม่อาจหนีพ้นความผิดที่ครอบครองสมบัติของชาติแบบนี้ได้ ใช่ไหมครับ?”
วิคเตอร์นิ่งถามอย่างใจเย็นว่า “อีกฝ่ายหนึ่งเป็นใครกันครับ?”
เยฟิมพูดช้าๆ ว่า “ก็เป็นคนที่เมื่อก่อนหนีไป แล้วกล่าวอ้างตนว่าเป็นคนตระกูลดัง ส่วนตอนนี้สิ่งที่เขาทำก็ใช่ว่าจะเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย…สิบกว่าปีมานี้ คนในตระกูลนี้อาศัยการค้าอาวุธเถื่อนเริ่มต้นชีวิตใหม่อันรุ่งโรจน์ เดิมทีพวกเขาน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่โมร็อกโก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ช่วงนี้คนของพวกเขาถึงมามอสโก…อย่างที่คุณรู้ การขนส่งทางแม่น้ำของเมืองนี้เจริญรุ่งเรืองมากขนาดไหนกัน!”
ดูเหมือนว่าวิคเตอร์จะเดาแผนการของเยฟิมได้แล้ว
เป็นอย่างที่เขาคาดคิดเอาไว้
เยฟิมยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูดว่า “หาสมบัติของชาติกลับคืนมาได้ และยังจับทายาทตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่ค้าอาวุธเถื่อนคนนี้ได้…โอ้ว วิคเตอร์สหายรักของผม ของขวัญชิ้นนี้ คุณชอบหรือเปล่า?”
*ซัทเทบีส์ คือสถาบันการประมูลระดับโลก