สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 53 บริการสมาชิก
ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มผ้าคลุมหัวสีดำบนรถใช้คีมตัดเหล็กตัดกุญแจมือบนข้อมือทั้งสองข้างของเยฟิมออกอย่างบุ่มบ่าม
แต่เยฟิมกลับด่าสวนใส่หน้าพวกนั้นเต็มๆ “พวกแกคุ้มครองความปลอดภัยของลูกค้าแบบนี้เหรอ?พวกแกรู้หรือเปล่าเมื่อกี้แค่ชนเอียงๆ อีกหน่อยก็จะชนฉันตายแล้ว?”
“แล้วคุณตายไหมล่ะ?” ผู้ชายอีกคนที่กำลังขับรถอยู่พูดอย่างเฉยชา
เยฟิมพูดด่าว่า “นี่เป็นทัศนคติการให้บริการของสมาคมไมเคิลเหรอ?ทุกปีฉันจ่ายเงินค่าสมาชิกไปตั้งหลายล้านเพื่อซื้อบริการแบบนี้เหรอ? บอกชื่อพวกแกมา! ฉันจะต้องร้องเรียนคุณซุนเรื่องพวกแกแน่นอน!”
“ก่อนอื่น” ผู้ชายคนที่ขับรถคนนั้นพูดอย่างเฉยชาโดยไม่ปรายตามอง “คุณไม่ได้บอกพวกเราล่วงหน้าว่าทางคุณเกิดเรื่องร้ายแรง ตอนที่พวกเรามาถึงคุณก็อยู่บนรถตำรวจแล้ว พวกเราก็ไม่อยากจะบุกเข้าไปในสถานีตำรวจเพื่อช่วยคุณออกมาหรอกนะ แล้วก็ชื่อของผมคือเทียนจุ้ย ข้างๆ ชื่อเทียนไป้…เชิญฟ้องได้เลย”
เยฟิมสบถออกมา
เขาก็แค่อยากระบายความโกรธ เพราะต้องถูกจับเข้าคุก แล้วยังถูกลูกน้องคนสนิททรยศอีก
ก่อนที่เขาจะถูกตำรวจพาตัวออกไป ตำรวจก็งัดห้องนิรภัยเขาออกแล้ว…ของที่ซ่อนอยู่ข้างในเพียงพอให้เขาไม่สามารถอยู่ในประเทศนี้ได้อีกด้วยเหตุผลนานัปการ
“ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกัน?”เยฟิมรีบถามหลังสงบใจได้แล้ว
“ส่งคุณไปริมแม่น้ำ จากสถานการณ์ของคุณตอนนี้ เกรงว่าจะขึ้นเครื่องลำบาก ไปทางแม่น้ำแล้วกัน ” เทียนจุ้ยพูดอย่างเฉยเมยว่า “วางใจได้ คุณเป็นสมาชิกของสมาคม ผมจะไม่ทำให้ค่าสมาคมที่คุณจ่ายนั้นเสียเปล่าหรอก พวกเราจะส่งคุณไปอย่างปลอดภัย อืม…ตามข้อมูลที่คุณกรอกไว้ก่อนหน้านี้ สถานที่แรกที่คุณอยากให้พวกเราส่งไปเวลาเจออันตรายก็คือ…อิตาลี”
เยฟิมกำหมัดแน่น เรื่องในคืนนี้ผ่านไปเร็วเหลือเกิน ถ้าจากที่นี่ไป เขาจะสูญเสียทรัพย์สินไปเกือบครึ่งหนึ่ง!
“เดี๋ยวก่อน ฉันไปแบบนี้ไม่ได้!” เยฟิมกัดฟันพูด “อย่างน้อยก่อนที่ฉันจะไป มีคนคนหนึ่งที่ฉันอยากให้เขาต้องทุกข์ทรมานเหมือนฉัน!”
“คุณเยฟิม พวกเราไม่แนะนำให้คุณหาปัญหาใส่ตัวอีก” ตอนนี้เทียนไป้ที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างเฉยชา “โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่คุณจำเป็นต้องหนีไปแบบนี้ ความคิดอยากแก้แค้นที่เกิดขึ้นเพราะความโกรธ นั่นเป็นเรื่องที่คนโง่และปัญญาอ่อนเขาทำกัน”
เยฟิมกลับพูดอย่างเย็นชาว่า “สมาคมไมเคิลอะไรกัน?ตอนที่ฉันเพิ่งเข้าสมาคม พวกแกก็พูดน่าฟังเชียวนะ! ตอนนี้แค่เรื่องนิดเดียวก็ทำไม่ได้เหรอ…เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันจะคุยกับหัวหน้าพวกแกหน่อย!”
เทียนจุ้ยมองเทียนไป้ราวกับคิดเหมือนกัน เขายักไหล่ แล้วเทียนไป้ก็ให้โทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งกับเยฟิม
“เทียนไป้เหรอ? มีเรื่องอะไร?”
“ผมเยฟิม!”
“อ๋อ…ที่แท้ก็คุณเยฟิม” ปลายสายพูดแบบติดตลกเบาๆ “แบบนี้ก็แสดงว่าเทียนจุ้ยกับเทียนไป้คงจะพาตัวคุณออกมาได้สำเร็จแล้วสินะครับ คุณเยฟิมวางใจได้ พวกเราจะส่งคุณไป…อืม ใช่แล้ว อิตาลีตามคำขอของคุณอย่างปลอดภัย”
“ไม่! ก่อนหน้านั้นผมยังมีคำขออีกอย่าง!” เยฟิมสบถ เขากำลังดูเทียนจุ้ยและเทียนไป้ที่อยู่ในรถ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “แต่ดูเหมือนว่าทัศนคติการให้บริการลูกค้าของลูกน้องคุณไม่ค่อยดีเท่าไรนะครับ!”
“ฮ่าๆ…อย่างนี้ครับคุณเยฟิม เทียนจุ้ยกับเทียนไป้รับผิดชอบแค่เรื่อง ‘การส่งตัว’ ถ้าเป็นคำขออื่นที่นอกเหนือจากหน้าที่ ‘ส่งตัว’ ของพวกเขาแล้ว ผมคงต้องขออภัยด้วย พวกเขาจะไม่ตกลงครับ”
“ผมไม่สนเรื่องพวกนี้!ก่อนไปจากที่นี่ ผมอยากให้พวกคุณช่วยจัดการคนคนหนึ่งให้ผม! ผมไม่ชอบที่ยังต้องค่อยๆ แย่งผลประโยชน์กับคู่แค้นของตัวเองอย่างใจเย็นหลังจากผมไปอิตาลีแล้ว!ผมชอบจบการแข่งแบบเร็วๆ!” เยฟิมพูดเสียงทุ้มต่ำ “ผมไม่สนว่าสองคนนี้รับผิดชอบเรื่องอะไรกันแน่ แต่ผมเชื่อว่า บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่เงินซื้อไม่ได้! ช่วยผมกำจัดเจ้านั่น แล้วอยากได้เงินเท่าไรผมก็ยอมจ่าย”
หลังจากปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงของ ‘คุณซุน’ ดังขึ้นมา “คุณเยฟิมเอาโทรศัพท์ให้เทียนไป้สิครับ”
โทรศัพท์ถูกส่งไปอยู่ในมือเทียนไป้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เทียนไป้กำลังตั้งใจฟัง
“ฟังนะ ช่วงนี้บอสบอกให้พวกเราอยู่เงียบๆ เจียมเนื้อเจียมตัวเข้าไว้…แต่ในเมื่อเยฟิมโกรธมาก และยอมจ่ายหนักขนาดนี้ พวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอของ ‘สมาชิก’ที่เคารพของพวกเรา…จำไว้นะ ลงมือให้ว่องไวหน่อย ยังไงซะมอสโกก็ยังเป็นเขตอิทธิพลของออโธดอกซ์* อย่าหาเรื่องลำบากใส่ตัวโดยไม่จำเป็น”
เทียนไป้พยักหน้า แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “ผมเข้าใจแล้ว”
เขาปิดโทรศัพท์ แล้วมองเยฟิม ก่อนพูดช้าๆ ว่า “อย่างนั้นคุณเยฟิมช่วยบอกที่อยู่ของศัตรูคุณมา ยังไงพวกผมก็ต้องพาคุณไปขึ้นเรือให้ได้ก่อนฟ้าสว่าง”
ตอนนี้เยฟิมถึงได้ส่งเสียงสบถ เขาหรี่ตาลงพร้อมกับบอกที่อยู่หนึ่งออกไปช้าๆ
…
…
ฟิ้ว…บรื๊นๆ
นั่นเป็นเสียงเครื่องจักรที่หยุดทำงาน สุดท้ายรถมอเตอร์ไซค์ดอจ โทมาฮอก ที่จอดอยู่ในตอนนี้ก็ปิดไฟหน้า เวร่าที่อยู่บนรถก็ถอดหมวกกันน็อกออก สะบัดผมแล้วถึงลงมาจากรถ
หลังได้ยินเสียง วิคก้าที่อยู่ในห้องก็รีบเดินออกมา เขาอ้าแขนออก เผยให้เห็นท่าทางดีใจ “FC ที่เคารพ ยินดีด้วยที่คุณทำการบ้านครั้งแรกสำเร็จ!”
“ภาพล่ะ?” เวร่ายิ้มเฉยชา “หวังว่าตอนที่ฉันแกะมันออกมาจากกรอบรูปจะไม่เผลอทำมันพัง”
“อ้อ ไม่แน่นอนครับ!” วิคก้ายิ้มแล้วพูดว่า “ผมดูแล้ว ไม่เสียหายเลยแม้แต่น้อย! หรือจะพูดว่า ผมไม่เคยเห็นอะไรที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้มาก่อน!”
เวร่าไม่อยากคุยไร้สาระกับวิคก้าที่นี่ จึงโยนกุญแจรถใส่มือวิคก้า แล้วเดินเข้าไปในบ้าน
กระบอกใส่ภาพวาดวางอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก เวร่ากระโดดข้ามมานั่งจากด้านหลังโซฟา แล้วเปิดกระบอกใส่ภาพ เธอหยิบภาพ ’สุภาพสตรีนิรนาม’ ที่ซ่อนอยู่ข้างในออกมา
เธอแย้มยิ้มอย่างมีความสุข การชื่นชมของที่ยึดได้จากข้าศึกหลังจากเหนื่อยมาทั้งวันก็นับเป็นการปลอบขวัญตัวเองที่ดีมากวิธีหนึ่ง
ตอนนี้วิคก้าที่จูงมอเตอร์ไซค์ดอจ โทมาฮอกไปเก็บในโรงเก็บรถแล้วก็เดินเข้ามา เขาผิวปากพลางพูดว่า “ความรู้สึกที่ถือสมบัติของชาติอยู่ในมือมันเป็นยังไงบ้าง?”
คาดไม่ถึงว่าเวร่ากลับขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างคาดไม่ถึงว่า “ซวยสุดๆ เลย!”
“ซวย?” วิคก้าอึ้งไป
ก่อนเห็นเวร่าฉีกภาพในมือออกเป็นสองส่วนกับตาตัวเอง แล้วเธอก็พูดอย่างเฉยเมยว่า “ภาพนี้เป็นของปลอม”
วิคก้ารีบเก็บกระดาษภาพที่ถูกฉีกออกขึ้นมา พลางพูดอย่างตกใจว่า “นี่เป็นของปลอมเหรอ? แต่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคุณได้มาจากเยฟิมนี่…แล้วตอนที่ผมไปเอากลับมาก็ไม่มีอะไรผิดปกตินี่?”
เวร่าถอนหายใจแล้วพูดว่า “นายลองดูตรงมุมขวาด้านล่างของภาพสิ”
วิคก้าพลิกภาพโดยอัตโนมัติ เขากำลังดูตรงที่เวร่าบอก ก่อนอ้าปากค้างและประหลาดใจมาก เพียงเพราะตรงนี้มีตัวอักษรที่พิมพ์เอาไว้บรรทัดหนึ่งว่า…
‘Made-in-china’
“นี่…เกิดอะไรขึ้น?”
วิคก้าจับผมของตัวเอง พูดแบบคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่า “เดี๋ยวก่อน ผมลองคิดดูแล้ว ภาพนี้เป็นภาพที่เยฟิมประมูลกลับมา จากนั้นคุณก็ไปเอามาจากเขาอีกที แล้วนี่ดันเป็นของปลอม…ก็หมายความว่าภาพในงานประมูลที่คฤหาสน์ก็เป็นของปลอม…ไม่ใช่สิ ตอนที่ประมูลในคฤหาสน์ นักสะสมเยอะขนาดนั้น จะดูไม่ออกว่าเป็นของปลอมได้ยังไง?”
เวร่าพิงโซฟา พร้อมขมวดคิ้วพูดว่า “ตอนนั้นเยฟิมกำลังปรึกษากับตำรวจคนหนึ่งว่าจะใช้ภาพนี้มาให้ร้ายเจ้าของคฤหาสน์…อืม แต่เขาก็ไม่น่าใช้ของปลอมที่เห็นเด่นชัดแบบนี้ได้ แต่…”
“ถ้าภาพที่เขาเอามาเป็นของจริงล่ะก็…แล้วทำไมภาพที่คุณเอาออกมาถึงเป็นของปลอม?” วิคก้าไม่เข้าใจจริงๆ เขาพูดอย่างงุนงงว่า “ถ้างั้น…ภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ของจริงอยู่ที่ไหนกันแน่?”
“อาจมีบางคนที่รู้…” เวร่าพูดขึ้นทันที
เวร่ามองวิคก้า วิคก้าก็มองเวร่า ทั้งสองคนแทบพูดพร้อมกันว่า “เจ้าของคฤหาน์!”
ติ๊งต่อง
ตอนนี้จู่ๆ โน้ตบุ๊กที่วิคก้าวางไว้ในห้องรับแขกก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น วิคก้าเปิดดูโดยอัตโนมัติ…พออ่านไปแล้ว ก็พูดแหกปากว่า “เยฟิมถูกพาตัวออกไป…จากบนรถตำรวจแล้ว!”
…
…
ได้ยินเอดการ์บอกว่า เป็นเหล้าชนิดที่หาได้ยาก
แต่ยูริกลับชิมอย่างไม่รู้รส เขาไม่รู้ว่ามันแตกต่างกับเหล้าวอดก้าคุณภาพต่ำที่เขาดื่มจนชินตรงไหน
กลายเป็นผู้สืบทอดตระกูลดีคาปี้แล้วอย่างไร?
เงินทองขับเคลื่อนทุกอย่าง เรียกสาวงามมาได้แล้วอย่างไร…ในสถานะแบบนี้ เขายังคงเป็นยูริ ผู้ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้รับการศึกษามากมายจนขนาดดื่มด่ำกับของพวกนี้อย่างพวกผู้ดีได้…ทายาทตัวจริงของตระกูลดีคาปี้คนนั้นคงจะชิมรสชาติอันมีเสน่ห์ของมันได้สินะ
เมื่อกี้นี้เอดการ์บอกว่า ตำรวจจับตัวเยฟิมอย่างเป็นทางการแล้ว
ด้วยการร่วมมือกันระหว่างตระกูลดีคาปี้และโบโลดอฟที่มีมานาน ครั้งนี้เยฟิมไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้แน่นอน
เหมือนว่าสำหรับจระเข้ตัวใหญ่อย่างเยฟิมคนนี้ การทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง และทำได้แค่ใช้ชีวิตอยู่ในคุก มันเจ็บปวดยิ่งกว่าให้เขาจากโลกนี้ไปเฉยๆ เสียอีก
น่าจะฉลองให้เต็มที่สักหน่อยสินะ?
ยูริคิดแบบนี้…แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงคิดว่าเหล้ารสเลิศราคาแพงแบบนี้ช่างไร้รสชาติเหลือเกิน
“ไม่อร่อยเลยจริงๆ”
เขาส่ายหน้า และหัวเราะเยาะตัวเอง…โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าหัวเราะเยาะตัวเองเรื่องอะไร
ชีวิตคนนี้มันน่าตลกเหรอ?
นี่เป็นทรัพย์สมบัติที่แท้จริงและก็เป็นภาพลวงตาใช่ไหม?
หรือเป็นชีวิตที่สั้น?
การแก้แค้น…แก้แค้นเกือบจะสำเร็จแล้ว แต่เหมือนไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นเลย
ใช่แล้ว เขาไม่ได้รู้สึกดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง หรือหัวเราะดังๆ ออกมาได้แบบนั้น
ยูริหยิบพู่กันที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา จากนั้นก็ผสมสีตามอำเภอใจ เขายืนตรงหน้ากระดานวาดภาพอยู่นานเท่านาน แต่กลับไม่ได้ลงพู่กันเลย
จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่รู้ว่า…ตัวเขาควรจะวาดรูปอะไร
สุดท้าย ยูริก็สะบัดมือทันที พู่กันแต้มสีอยู่บนกระดาษวาดรูป วาดเส้นตรงหนึ่งเส้นออกมาซ้ำๆ เหมือนเป็นการวาดที่จะทำให้กระดาษวาดภาพนี้แยกออกจากกัน
เขาทิ้งพู่กันลงบนพื้นอย่างแรง
“อ๊า!!!!!”
เขาเริ่มเขวี้ยงกระดานวาดภาพตรงหน้าทิ้ง
เขาคุกเข่าอยู่บนพื้น พร้อมกุมหัวของตัวเอง แล้วก้มลงไปติดพื้น
“อ๊า!! อ๊า!!!! อ๊า!!!! อ๊า!!!”
เขากำลังร้องไห้
…
จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นั่นเป็นเสียงของเอดการ์ “ท่านครับ ท่านยังโอเคใช่ไหมครับ?”
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง เอดการ์ก็รายงานผ่านประตูกั้นเข้ามา
“ท่านครับ ผมต้องบอกท่านว่า เมื่อครู่มีข่าวแจ้งมา เหมือนเยฟิมจะถูกใครบางคนช่วยไปแล้วครับ”
เสียงของเอดการ์ไวอยู่บ้าง “ถึงผมจะคิดว่า ทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดของเยฟิมคือหลบหนีให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมาแก้แค้นด้วยไฟโกรธที่คุกรุ่นอยู่ก็ได้ครับ …อืม พวกเรายังไม่รู้ว่าคนที่ช่วยเขาไปมีที่มาที่ไปอย่างไร และมีความสามารถขนาดไหนกันแน่”
ฉับพลันนั้นก็มีเสียงปืนเสียงหนึ่งดังขึ้นในคฤหาสน์…
_______________________________________________________________________________________
*ออโธดอกซ์ นิกายหนึ่งของคริสตจักร