สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 55 มนุษย์หมาป่าที่โผล่มาเองตรงหน้า
ผู้ชายคนที่พังประตูเข้ามาแบกปืนเบเนลลี M1 ไว้บนบ่า พร้อมกับมองพวกยูริที่กำลังรีบลงบันไดมา
“หาเจ้าของตัวจริงเจอจนได้” เทียนไป้หัวเราะเยาะ “คฤหาสน์นี้ใหญ่มากจริงๆ”
ตอนที่พูดนั้น เทียนไป้ก็เบี่ยงตัวหลบทันที แล้ววินาทีนั้น กระสุนปืนนัดหนึ่งก็แฉลบผ่านหน้าเขาไปโดนบานประตูที่อยู่ด้านหลังพอดี
เทียนไป้เหวี่ยงปืนเบเนลลี M1 ที่อยู่ในมือขึ้นทันที ก่อนลั่นไกปืนอย่างรวดเร็วโดยไม่มองดูเป้าหมาย หลังจากลั่นไกปืนออกไป เขาก็เห็นร่างคนคนหนึ่งนอนจมกองเลือดไหล ทั้งร่างถูกยิงพรุนจนเหมือนรังต่อ
ปืนเบเนลลี M1…อานุภาพของปืนสั้นน่ากลัวมากจริงๆ
“คุณเอดการ์ รีบพานายท่านออกไปเถอะครับ!”
หัวหน้าบอดี้การ์ดตระกูลดีคาปี้รีบตะเบ็งเสียงพูด แล้วนำเพื่อนร่วมทีมหลายคนพุ่งไปหาผู้ชายคนนี้อย่างบ้าคลั่ง โดยที่เทียนไป้คอยยิงกระสุนสกัดเอาไว้!
“ตายซะเถอะ!” บอดี้การ์ดตระกูลดีคาปี้คนหนึ่งพลันก็ดึงสลักของระเบิดมือ แล้วออกแรงขว้างไปหาเทียนไป้
เทียนไป้มีสายตาแน่วแน่ เขาไม่ได้ถอยหนีไปเลย กลับใช้ปืนเบเนลลี M1ในมือเป็นเสมือนไม้เบสบอลตีลูกระเบิดมือที่ลอยมาลูกนี้อย่างแม่นยำ
ทันทีที่ตีโดน ระเบิดมือก็ลอยกลับมา!
บึ้ม!!
พลังระเบิดทำให้บันไดพังกระจุย!
ตอนที่ระเบิดนั้นคุณพ่อบ้านรีบกดตัวยูริก้มลงบนพื้นอย่างหูตาไว แต่แรงดันของระเบิดและเสียงดังแสบหูก็ส่งให้เขาหน้ามืดไป
ยูริยันตัวขึ้นมาจากพื้น เขาส่ายหน้าด้วยมึนจนเห็นดาว อาการหูอื้อยังทำให้เขาเห็นภาพตรงหน้าโคลงเคลงไปหมด…แต่กลับเห็นได้ชัดเจนว่าบอดี้การ์ดพวกนั้นล้มลงไปทีละคนๆ จนกลายเป็นศพเนื้อเละจมกองเลือด
เขามองเห็นเอดการ์นอนกองอยู่บนพื้น ชายสูงวัยผู้นี้ผลักเขา แล้วยังช่วยเอาตัวบังแรงระเบิดให้ ตอนนี้แน่นิ่งไปก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
“คุณเป็นใคร?” ยูริสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
กลัวเหรอ? ตัวเขาเองก็ไม่รู้…แต่เพราะสัญชาตญาณพื้นฐานของพวกมนุษย์ จึงทำให้เสียงของเขาดูตื่นตระหนก
แต่เทียนไป้ไม่สนใจจะพูดอะไรอีก เขายกปืนเบเนลลี M1ในมือขึ้นมาเล็งไปที่ยูริโดยตรง
ยูริทำได้แค่ถอยหนีอย่างลนลาน จนตัวไปชิดกับกำแพง และพบว่าตัวเองไม่มีทางหนีแล้ว เหงื่อเย็นพลันไหลท่วมตัว
“เดี๋ยวก่อน!”
ฉับพลันนั้นเอง ก็มีเสียงคนดังมาจากอีกทาง
เขามองไปตามเสียง ก็เห็นเงาของร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เดินเข้ามาจากประตูที่ถูกเทียนไป้ทำพังไป
ยูริเห็นลักษณะของคนคนนี้ได้ชัดเจนทันที เขาเบิกตากว้างพร้อมกับกัดฟันพูดว่า “เยฟิม!”
ตอนเห็นยูริครั้งแรก เยฟิมก็ขมวดคิ้วแล้วมองไปรอบๆ ก่อนพูดสบถว่า “แกจริงๆ ด้วย!ฉันรู้ว่านังกะหรี่โสโครกนั่นหลอกฉัน! มันไม่ได้คิดจะฆ่าแกตั้งแต่แรก! ชิ!นึกไม่ถึงว่าคนไร้บ้านไส้แห้งอย่างแกจะกลายเป็นทายาทตระกูลดีคาปี้ได้ แกใช้วิธีไหนกันแน่! แต่…”
เยฟิมหัวเราะเยาะ “ไม่ว่าแกจะอยู่ในสถานะอะไร ฉันก็จะฆ่าแกอยู่ดี…ตอนนี้เลย!”
ยูริอึ้งไป
แต่กลับฉุกคิดขึ้นมาอย่างฉับไว
“เดี๋ยวก่อน! ผมไม่ใช่ทายาทของตระกูลดีคาปี้!”เขาตอบอย่างรวดเร็ว “ผมเป็นเพียงตัวแทนของหมอนั่น! เขาต่างหากที่อยากจัดการคุณ!”
“ตัวแทน?” เยฟิมขมวดคิ้ว “ทายาทตัวจริงนั่นอยู่ที่ไหน?”
ในขณะที่กำลังคิดใคร่ครวญอยู่นั้น เยฟิมก็รับปืนสั้นมาจากมือของเทียนไป้ด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด “ถ้าแกกล้าพูดว่าไม่รู้ งั้นแกก็ไปตายซะเถอะ! ฉันจะส่งแกไปเจอยัยนั่นในนรก!”
“เดี๋ยวก่อน!” ยูริกลืนน้ำลายแล้วรีบพูดว่า “ผมพาคุณไปหาเขาได้!ผมรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน! แต่คุณต้องปล่อยผมไป! จริงๆ นะ!ไม่อย่างนั้นเขาจะหนีออกไปจากที่นี่ได้ทันที!”
เยฟิมหรี่ตาลงทันที
แต่เทียนไป้ที่อยู่ข้างๆ เขากลับพูดขึ้นทันที “คุณเยฟิม ผมไม่อยากเสียเวลา ถ้าคนที่คุณต้องการกำจัดหนีไปแล้ว พวกเราจะไม่ช่วยคุณหาตัวคนอีก คุณต้องออกจากมอสโกก่อนฟ้าสาง”
“ยูริ ฉันหวังว่าแกจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง” เยฟิมหรี่ตา ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เช่นนั้นฉันจะจัดการแกก่อนที่ฉันจะหนีไป”
ยูริสูดลมหายใจลึกๆ พลางพยักหน้าเล็กน้อย
เทียนไป้กลับโบกมือแล้วพูดว่า “แกเดินไปข้างหน้า อย่าเล่นตุกติกอะไร”
ยูริทำได้แค่หันตัวไป…เพราะปืนสั้นเบเนลลี M1 กระบอกนั้นกำลังจ่อหลังเขาอยู่
“ตะ ตามผมมาสิ”
…
…
เยียร์เกอร์มองเห็นคนคนหนึ่งล้มอยู่บนพื้น
เกรงว่านี่จะเป็นคนของคฤหาสน์นี้!
เขาเห็นรูเลือดบนหน้าผากของชายคนนี้ เลยนึกถึงคำคำหนึ่งได้โดยอัตโนมัติ ‘เฮดช็อต’ !
“นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เยียร์เกอร์ขมวดคิ้วแน่น แล้วยื่นมือไปพลิกร่างของชายคนนี้อย่างรวดเร็ว
แล้วเยียร์เกอร์ก็เก็บของชิ้นหนึ่งจากทางเดินได้อย่างง่ายดาย นั่นก็คือ ‘ปืนสั้น’
เขาไม่รู้สถานการณ์ของคฤหาสน์นี้ แต่ก็หาทางปกป้องตัวเองไว้ก่อน “วิคเตอร์…คุณวิคเตอร์!”
เขานึกได้ว่าหลังจากวิคเตอร์ถูกพาตัวไปก็ไร้วี่แวว จึงเป็นห่วงว่าเขาอาจจะถูกขังไว้ที่ไหนสักที่ในคฤหาสน์นี้ เขาจึงกัดฟันเดินตามศพเพื่อตามร่องรอยไปตลอดทาง!
ทันใดนั้นเอง เยียร์เกอร์ก็ได้ยินเสียงดังกังวาน…เป็นเสียงระเบิด น่ากลัวว่าจะเป็นอาวุธอานุภาพร้ายแรง บางทีอาจเป็นพวกระเบิดมือ
“ตระกูลนี้บ้าไปแล้วเหรอ? ตรวจเช็กความปลอดภัยกันยังไง ไม่นึกเลยว่าจะให้คนเอาของอันตรายขนาดนี้ผ่านเข้ามาได้?”
เยียร์เกอร์พูดแขวะอยู่ในใจ เขารีบเดินไปทางที่มีเสียงระเบิด แต่คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะได้เห็นภาพชวนตกตะลึง!
ภาพที่เขาเห็นคือผู้ชายสวมผ้าคลุมหัวสีดำกำลังบีบคอของผู้ชายในชุดสูทสีขาว โดยยกร่างของอีกฝ่ายลอยขึ้นมาสบายๆ
ในขณะเดียวกันนั้น ผู้ชายที่ใส่ผ้าคลุมหัวสีดำคนนี้ ก็เล็งปืนไรเฟิลออโตเมติกไปที่หน้าอกของชายชุดสูทสีขาว ก่อนเกิดเสียงปังๆ ดังขึ้นต่อเนื่อง
หลังจากบอดี้การ์ดตระกูลดีคาปี้ในชุดสูทสีขาวส่งเสียงร้องโอดครวญแล้ว ร่างก็ถูกเขวี้ยงลงพื้นไปทันที
คนที่ใส่ผ้าคลุมหัวสีดำคนนี้หันหน้าขวับมาตรงระเบียงทางเดินที่เยียร์เกอร์ยืนอยู่ ฉับพลันเยียร์เกอร์ก็เผยสีหน้าตื่นตระหนก เขาเอียงคอยืดเส้นแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “ยังเหลืออยู่อีกเหรอ? พอดีเลย ไม่ต้องให้ฉันหา”
เยียร์เกอร์รีบยกปืนสั้นในมือขึ้นมาชี้ไปที่อีกฝ่าย แล้วพูดเสียงหนักแน่นว่า “วางอาวุธลง!ผมเป็นหน่วยสืบสวนของโรงพักที่สาม! ตอนนี้ขอสั่งให้คุณวางอาวุธลง!!”
“หน่วยสืบสวน?” เทียนจุ้ยทำเสียงสงสัย แต่กลับส่ายหน้าพลางพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นใคร ควรกำจัดก็ต้องกำจัด”
เขาเดินไปทางเยียร์เกอร์อย่างใจเย็น แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “มือของแกกำลังสั่นอยู่ แกบอกว่าแกเป็นหน่วยสืบสวน แกเคยยิงคนหรือยัง?”
“หยุด! วางอาวุธลงซะ! ฉันจะยิงแล้วนะ! อ๊า!!” ฉับพลันนั้นตำรวจสืบสวนหนุ่มก็กัดฟันลั่นไกปืนทันที
ปังๆๆ!
กระสุนปืนสามนัดยิงไปที่พื้นตรงหน้าเทียนจุ้ย ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว แต่ไม่ได้ทำให้เทียนจุ้ยบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“เป็นมือใหม่จริงๆ ด้วย…” เทียนจุ้ยส่ายหน้า ก่อนพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว!
เทียนจุ้ยชกตรงท้องของเยียร์เกอร์ไปครั้งหนึ่งอย่างสบายๆ การโจมตีที่หนักหน่วงทำให้เยียร์เกอร์เข่าทรุดลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดทันที เทียนจุ้ยก่นด่าแล้วกำผมของเยียร์เกอร์ขึ้นมา ก่อนใช้ปืนไรเฟิลออโตเมติกในมือจ่อไปที่หน้าผากของเยียร์เกอร์ทันที
คาดไม่ถึงว่าเยียร์เกอร์กลับใช้สองมือจับลำกล้องของปืนไรเฟิลออโตเมติกไว้ แล้วออกแรงดันออกจากตัวเอง
“หืม?”
เทียนจุ้ยสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลจากตัวเยียร์เกอร์…ปากกระบอกปืนเบนออกจากตัวเจ้านี่แล้ว แต่สำหรับเทียนจุ้ยแล้ว การฆ่าคนไม่จำเป็นต้องใช้กระสุนปืนเสมอไป!
เขาร้องตะโกน ก่อนกระทุ้งเข่าไปที่ท้องของเยียร์เกอร์อีกครั้ง เพียงไม่นานก็หันตัวอ้อมไปด้านหลังของเยียร์เกอร์ แล้วใช้แขนข้างที่ถือปืนไรเฟิลรัดคอของเยียร์เกอร์จนแน่น!
ตอนที่รัดคอเอาไว้ เขายังลากตัวเยียร์เกอร์ไถกับพื้นไปยังอีกด้านหนึ่ง
เยียร์เกอร์ทำได้แค่ถีบไปมั่วซั่ว พยายามดื้นรนอย่างทรมาน แต่สุดท้ายกลับดันกระบอกปืนที่คอออกไปไม่ได้ ด้วยกลัวว่าคอใกล้จะหัก เขาจึงเบิกกว้างและหยุดขัดขืนทันที
สุดท้าย ภัยคุกคามที่มาจากความตาย ก็ทำให้เขาโยนความพะว้าพะวังทิ้งไป เขาไม่ดิ้นรนอีก แต่จับแขนทั้งสองของเทียนจุ้ยที่โอบล้อมรอบตัวเขาเองอยู่
แล้วเยียร์เกอร์ก็คำรามเสียงดัง!
เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาฉีกขาดทันที!
ก่อนคว้าคนสวมผ้าคลุมหัวสีดำคนนี้ทุ่มลงไปตรงหน้าตัวเองแรงๆ!
“ย๊าก!!!”
เยียร์เกอร์ยังแถมหมัดหนักๆ น่ากลัวไปที่ด้านหลังของเขาอย่างแรง…จนรับรู้ได้ว่ากระดูกหลังของอีกฝ่ายแตกแล้ว!
สุดท้ายเยียร์เกอร์ก็เห็นเจ้านี่ล้มแน่นิ่งอยู่บนพื้น เขาถึงได้หอบหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ แล้วล้มลง
ใต้แสงไฟตรงระเบียงทางเดิน ส่วนแขน บริเวณด้านหลัง และหน้าอกที่โผล่พ้นเสื้อที่ฉีกขาดของเยียร์เกอร์ เริ่มมีขนปุกปุยงอกออกมาชั้นหนึ่ง
เยียร์เกอร์เงยหน้าขึ้นมา แล้วทำให้ตัวเองสงบลง ตอนนี้เขารู้สึกว่าสัญชาตญาณสัตว์ป่ากำลังลุกลามไปทั่วร่างอย่างบ้าคลั่ง จนเขาเริ่มเจ็บปวดเป็นที่สุด
เขาจับแขนทั้งสองข้างของตัวเองไว้แน่น ก่อนเปล่งเสียงเจ็บปวดสุดขีด…เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้เทียนจุ้ยที่ล้มอยู่บนพื้นเริ่มขยับตัวได้นิดหน่อยแล้ว
เขายันตัวขึ้นมาจากพื้น!
เสียงของเทียนจุ้ยทุ้มต่ำเล็กน้อยอีกทั้งยังแผ่วเบา “คิดไม่ถึงว่าจะมีเชื้อสายหมาป่า? มิน่าล่ะ พลังถึงได้มากมายขนาดนี้…แต่ดูแล้วเหมือนจะยังควบคุมตัวเองได้ไม่ค่อยดีนะ”
เยียร์เกอร์เงยหน้าขึ้นมา อ้าปากกว้าง พร้อมพุ่งไปทางหมอนั่นราวกับสัตว์ป่า เผยเขี้ยวอันแหลมคมออกมา แล้วแสดงอาการเหมือนหมาป่าหิวโหยได้รับบาดเจ็บ
ตอนนี้เอง เทียนจุ้ยก็ล้วงกล่องเหล็กเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากเสื้อแล้วเปิดออกทันที…ก่อนหยิบเข็มฉีดยาเล็กๆ ออกมาฉีด แล้วพูดช้าๆ ว่า “ในเมื่อมีเชื้อสายหมาป่าก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากใช้ของแบบนี้นักหรอก ยังไงซะ…”
เทียนจุ้ยจิ้มเข็มเข้าไปตรงคอตัวเอง…แล้วฉีดของเหลวบางอย่างเข้าไป!
ของเหลวสีฟ้าอ่อนในเข็มถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายของเทียนจุ้ยทันที! เพียงไม่นาน เทียนจุ้ยก็กลอกตากลับไปกลับมาทันที เส้นเลือดบนใบหน้าจำนวนมากเริ่มปูดออกมาราวกับจะระเบิด!
เขาได้สัมผัสกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง จนต้องร้องคำรามเสียงดังลั่น จากนั้นกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาก็เริ่มบวมขึ้นทันที!
“ยังไงก็ตาม ความรู้สึกที่เกิดจากพลังนี้ก็ช่างวิเศษจริงๆ…”
ร่างกายของเทียนจุ้ยค่อยๆ ใหญ่ขึ้นอีกเท่าหนึ่ง!
เขากระโดดมาอยู่ตรงหน้าเยียร์เกอร์ แล้วทุบไปที่หัวของเยียร์เกอร์ทันที!
ป้าบ!!
…
ร่างหนึ่งลอยกระเด็นหัวทิ่มลงมาจากระเบียง จากนั้นอีกร่างหนึ่งก็พุ่งออกไปจากระเบียง ทั้งสองคนต่อสู้กันนัวเนีย!
อืม ยาตัวนี้เป็นของที่สมาชิกสมาคมไมเคิลพกติดตัวสินะ?
เจ้าของร้านลั่วมองดูทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน แต่นี่ไม่เหมือนการต่อสู้กันของมนุษย์ ทว่าเหมือนสัตว์สู้กันมากกว่า
แต่สนุกก็ส่วนสนุก แม้ว่าเขาจะสนใจการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ยากับมนุษย์หมาป่าคนนี้อย่างไร แต่เจ้าของสมาคมก็ยังคงเดินลึกเข้าไปด้านในคฤหาสน์
ความจริงลั่วชิวแค่คิดว่า…สองคนนี้คงยังไม่จบในอีกชั่วโมงครึ่ง
แต่หลังจากแอนนามองดูครู่หนึ่งแล้ว เธอก็รีบเดินตามหลังลั่วชิวและโยวเย่ไป จะรู้สึกกลัวภาพที่อยู่ตรงหน้านี้ก็ไม่ทันแล้ว
เธอไม่อยากตายโดยเสียเปล่า
แต่เมื่อเธอเริ่มเข้าใจเรื่องราวผ่านทางการเป็นผู้ชมแล้ว เธอก็รู้ว่า…ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
“ยูริ ฉันจะไม่ยอมให้คุณ…”
……………….