สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 66 ชายประหลาด
ตลอดทางที่พวกเขาผ่านมา นอกจากแสงไฟจากบ้านพักตากอากาศริมทะเลสาบแห่งนี้แล้ว บริเวณรอบๆ ก็ไม่เห็นแสงไฟจากที่ไหนอีกเลย
สถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองแห่งนี้ ในช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จะพบคนหลงทางได้สักแค่ไหนกัน?
พวกเขาแทบจะมองไปทางนายท่านของบ้านพักตากอากาศแห่งนี้เป็นตาเดียวกัน
แล้วพวกเขาก็เห็นหนุ่มชาวตะวันออกที่ชื่อลั่วชิวคนนี้ทำหน้าอยากรู้อยากเห็น แบบนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาก็ประหลาดใจกับเสียงเคาะประตูกะทันหันเช่นกัน
เลห์แมน ไรอัน และแฟนสาวจึงพากันมองตาไปมา
นี่เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ เหมือนกับต่างฝ่ายต่างเห็นความกังวลที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของกันและกัน
“ฉันจะลองไปดูสักหน่อยค่ะ” โยวเย่พูดเสียงเบาๆ
ลั่วชิวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนมองโยวเย่ลุกออกจากที่แล้วเดินออกไป เขาก็ค่อยยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบไปอึกหนึ่ง “ดูท่าคืนนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ”
นอกจากรู้ว่าชายคนนี้มาจากประเทศจีนทางโลกฝั่งตะวันออกแล้ว ก็ดูเหมือนไม่รู้ข้อมูลอะไรมากไปกว่านี้เลย ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นความอยากรู้ของวัยรุ่นได้เป็นอย่างดีทีเดียว โดยเฉพาะเจ้านายรูปร่างผอมกะหร่องก่องกับสาวใช้สุดสวยอาศัยอยู่ตามลำพัง และยังในที่เปล่าเปลี่ยวห่างไกลผู้คนแบบนี้ด้วยแล้ว
กลอเรียจึงอดถามอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “ลั่วชิว คุณอาศัยอยู่ที่นี่กับโยวเย่แค่สองคน พวกคุณไม่กลัวเหรอคะ? พระเจ้า ที่นี่เงียบเกินไปจริงๆ…บางทีอาจจะมีสัตว์ป่าโผล่มาก็ได้นะคะ?”
“ไม่หรอกครับ ตอนกลางวันที่นี่วิวสวยมากนะครับ” ลั่วชิวตอบกลับ
ดูเหมือนไรอันไม่อยากเป็นเพียงผู้ฟังอย่างเดียว จึงรีบโพล่งถาม “คุณลั่วชิวครับ คุณทำงานอะไรเหรอครับ? คิดว่าคงไม่ง่ายเลยที่จะมีบ้านพักตากอากาศริมทะเลสาบแบบนี้”
ไรอันเพิ่งพูดจบ เพื่อนทั้งสองคนรวมทั้งเอลลีแฟนสาวก็มองเขาเชิงตำหนิเล็กน้อย เขาจึงรู้สึกผิดอย่างเสียไม่ได้
เขาถามเรื่องงานกับคนที่เพิ่งรู้จักถือเป็นเรื่องไร้มารยาทมาก
“เอ่อ…ขอโทษครับ ผมถามมากไปแล้ว” ไรอันรีบโบกมือพูดขอโทษ
“ไม่เป็นไรครับ” ลั่วชิวยิ้มน้อยๆ แล้วก็จิบน้ำไปอีกเล็กน้อย ก่อนพูดว่า “ผมทำธุรกิจเล็กๆ ขายของเล็กๆ น้อยๆ ให้คนทั่วไปน่ะครับ”
“อืม…คุณโยวเย่ยังไม่กลับมาเหรอคะ? หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” ตอนนี้เอลลีก็หันไปมองทางประตูทันที
“ไม่น่ามีอะไรหรอกครับ” แล้วลั่วชิวก็พูดเสียงเบาๆ “ทานต่อเถอะครับ อาหารจะเย็นหมดแล้ว”
ตอนนี้เอง คุณสาวใช้ก็กลับเข้ามาคนเดียว แล้วเดินไปก้มหน้ากระซิบบางอย่างข้างหูลั่วชิว จากนั้นเจ้าของร้านลั่วก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
แล้วคุณสาวใช้ถึงได้หมุนตัวเดินออกไปอีกครั้ง
…
…
ตอนที่เธอเดินไปเปิดประตู ก็เห็นชายสวมหมวกสีดำคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู
ใบหน้าสะอาดสะอ้านและนุ่มนวลงดงามมาก รูปร่างก็สูงหุ่นก็ดีมากเช่นกัน…เหมือนนายแบบบนแคทวอล์กเลยก็ว่าได้ ดูแล้วเด็กหนุ่มคนนี้คงอายุราวๆ ยี่สิบกว่าไม่ถึงสามสิบปี
ท่าทางดูสุภาพมีมารยาท
จริงสิ บนหลังเขายังแบกกระเป๋าหนังทรงสี่เหลี่ยมเก่าๆ ไว้ใบหนึ่งด้วย
กระเป๋าหนังใบนี้ใหญ่เป็นพิเศษ จนบังแผ่นหลังเขาเสียมิด
เขามองเห็นคุณสาวใช้เปิดประตูเดินออกมา ก็ถอดหมวกของตนออกในทันที แล้วแนบหมวกไปบนหน้าอกของตน พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่คิดเลยว่า จะได้เจอสาวงามเช่นคุณที่นี่”
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมได้กลิ่นหอมของอาหารมาแต่ไกลเลยครับ” ชายหนุ่มยิ้ม “โปรดอภัยที่ผมหิวเหลือเกินจึงถูกดึงดูดมาถึงที่นี่ ผมคิดว่าแถวๆ นี้ก็คงไม่มีที่ให้หยุดพัก…”
พอเห็นหญิงสาวผู้นี้ค่อยๆ อมยิ้ม ชายหนุ่มก็ยิ้มทรงเสน่ห์ตอบกลับไปเช่นกัน “แน่นอนว่า ผมจะจ่ายค่าพักให้ครับ”
“กรุณารอสักครู่นะคะ”
…
ชายหนุ่มวางกระเป๋าสัมภาระทรงสี่เหลี่ยมชิดกับมุมหนึ่งของผนังห้อง จากนั้นถึงได้หันมามองคนและอาหารบนโต๊ะ ก่อนสูดกลิ่นอาหารเข้าไปด้วยสีหน้าเคลิ้ม “กลิ่นหอมมากเลยครับ”
ชายคนนี้รูปงามจริงๆ เอลลีและกลอเรียมองตาค้างไปเลยทีเดียว
จู่ๆ เลห์แมนก็สกิดตัวไรอันทันที ไรอันที่ไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ ก็ชะงักไป แล้วก็พบว่าเลห์แมนแอบสกิดตัวเขาอยู่เงียบๆ ไรอันจึงแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ โดยการเคาะตั่งม้านั่งยาวข้างๆ
แล้วเลห์แมนก็พูดด้วยท่าทางโอเวอร์ว่า “ถ้าไม่ถือสาละก็ นั่งตรงนี้ไหมครับ? แน่นอนว่าพวกเราก็มาขอพักอาศัยเหมือนกับคุณ เป็นคนน่าสงสารที่ผ่านทางมาแล้วได้เจ้าของที่นี่ช่วยเหลือไว้เหมือนกันครับ”
“เหมือนเทวดาเลย” ชายหนุ่มรูปงามพูดพลางยิ้มน้อยๆ
“ว่าไงนะ?” เลห์แมนอึ้งชะงักไป
ชายหนุ่มยังคงยิ้มแล้วพูดว่า “หรือว่าไม่ใช่ครับ? สถานที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองแบบนี้ ยังมีที่ที่พอจะจัดหาอาหารและที่พักสบายๆ ให้กับคนหลงทางได้ เจ้าของที่นี่มีจิตใจดีดังเทวดาจริงๆ”
ขณะพูดอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ชูแก้วเบียร์ขึ้นจากโต๊ะ แล้วกางแขนอีกข้างของตนออก หลังจากนั้นก็รวบกลับเข้ามาอยู่ที่หน้าอกของตนเอง พร้อมกับค้อมตัวลง “เหตุใดถึงไม่แสดงความเคารพต่อเจ้าของบ้านพักที่มีเมตตาช่วยเหลือพวกเราคนนี้กันล่ะครับ?”
เจ้าของร้านลั่วตะลึงจนถึงกับอ้าปากค้างเล็กน้อย
อ้าปากนิดหนึ่ง…จริงๆ นะ
ลั่วชิวส่ายหน้าเบาๆ
“ฮ่าๆๆ คุณนี่นะ” ท่าทางของชายคนนี้ทำเอาเลห์แมนหัวเราะลั่นเลยทีเดียว “คุณครับ นี่คุณมาจากสมัยพระเจ้าซาร์เหรอเนี่ย?”
แล้วเขาก็เลียนแบบท่าทางของชายคนนี้ ยกแก้วขึ้นมา กางแขนแล้วก็แนบไว้ที่หน้าอก ก่อนค้อมตัวลงเล็กน้อย จากนั้นก็ดื่มเบียร์ในแก้วจนหมดรวดเดียว แล้วเช็ดปากแล้วพูดว่า “นี่ทำให้ผมนึกถึงตัวละครขุนนางที่เข้าเฝ้าพระราชาในการแสดงละครสมัยมัธยมต้นเลย”
ไรอันรู้สึกว่าเลห์แมนเหมือนจะหาเรื่องซะแล้ว ตอนนี้เขาจึงต้องใช้ศอกกระทุ้งเพื่อนสนิทของตนเอง จากนั้นก็ยิ้มเก้อๆ แล้วพูดว่า “เขาคงดื่มหนักไปหน่อยน่ะครับ”
ชายรูปงามส่ายหน้า ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ เหมือนอย่างคุณผู้ชายท่านนี้พูดจริงๆ บางทีผมอาจเป็นคนในสมัยพระเจ้าซาร์ก็ได้นะครับ”
“งั้นคุณพอจะบอกพวกเราได้ไหมคะว่า ยุค….มีอะไรบ้าง” กลอเรียเอ่ยถามด้วยความสนใจอย่างมาก
ชายหนุ่มรูปงามหลับตาลง ค่อยๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าดึงดูดว่า “มีรถแข่งสามารถแล่นอยู่บนถนนใหญ่ได้…อ้อ ที่ผมพูดหมายถึงรถม้าน่ะครับ และมีบ้านพักตากอากาศริมทะเลสาบ เหมือนอย่างที่นี่ อ้อ ใช่แล้ว และแน่นอนว่าจะขาดสาวงามชาวรัสเซียที่เร่าร้อนของพวกเราไปไม่ได้เลย อย่างเช่น…”
เหมือนเขาจะเริ่มเต้นราวกับนักเต้นคนหนึ่ง ที่แทบจะหมุนตัวไปอยู่ตรงหน้ากลอเรียก็ไม่ปาน จากนั้นก็คว้ามือเธอขึ้นมาเบาๆ แล้วจุมพิตลงบนหลังมือเธอ “เหมือนความงามของสุภาพสตรีท่านนี้”
ทำเอาเจ้าของร้านลั่วที่ดูเรื่องสนุกๆ อยู่ในตอนนี้ต้องเหลือบมองเลห์แมนที่ทำสีหน้าไม่ถูกไปแวบหนึ่ง
อืม…รู้สึกว่าบนหัวเขาจะมีแสงกะพริบน้อยๆ
แสงสีเขียว
…
เห็นได้ชัดว่าเลห์แมนไม่ใช่คนหนุ่มที่อดทนต่อพฤติกรรมเช่นนี้ได้อย่างง่ายดายนัก ตอนนี้แววตาเขาจึงเปลี่ยนไป…ไร้ความรู้สึก เขาพูดอย่างนิ่งเฉยว่า “แล้วมีคนที่เหมือนผมด้วยไหม? ผมคิดว่าผมอาจจะเป็นนักรบก็ได้”
ชายหนุ่มรูปงามลุกขึ้นยืน พยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าใช่ครับ อ้อ จริงสิ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่ออเล็กซ์ ผมคิดว่าตอนนี้ผมควรจะนั่งลง และดื่มด่ำกับมื้อเย็นน่าอัศจรรย์นี้ให้เต็มที่สักหน่อยแล้ว…”
เขาหันไปทางชายหนุ่มผู้มีใบหน้าตะวันออก เจ้าของที่แท้จริงของที่นี่คนนั้น แล้วพูดขึ้นเบาๆ ว่า “ได้ใช่ไหมครับ?”
“เชิญนั่งเถอะครับ” ลั่วชิวพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากอเล็กซ์นั่งลง เขาก็หยิบมันฝรั่งต้มในจานตรงหน้าขึ้นมาไว้ตรงหน้าจมูก หลังจากสูดกลิ่นถึงได้ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่อาจจะเป็นอาหารเลิศรสที่สุดที่ผมเคยกินในช่วงนี้เลย ขอบคุณมากจริงๆ ครับ”
อเล็กซ์กำลังคิดจะเริ่มลงมือ
แต่ในตอนนั้นเอง ด้านนอกประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้นรัวๆ…และเสียงต่อมานี้ดูเหมือนจะรีบร้อนมากอย่างเห็นได้ชัด
“มีคนอยู่ไหม? ได้โปรดช่วยฉันด้วย! มีคนอยู่ไหม! ได้โปรดช่วยฉันด้วย!”
เป็นเสียงผู้หญิง…ดูเหมือนว่าจะมีเสียงสะอึกสะอื้นอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ ก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
ผู้หญิงคนนี้ตะโกนถามราวกับหวาดกลัวบางอย่าง “มีคนอยู่ไหมคะ? ได้โปรดช่วยฉันด้วย สามีของฉันจอดรถไปหาที่ทำธุระ แต่ว่านานป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาเลยค่ะ…ฉันหาเขาไม่เจอเลย! ฉันเห็นโทรศัพท์ของเขาตกระหว่างทาง แต่ไม่เห็นตัวเขา…มีคนอยู่ไหมคะ? สามีของฉันหายตัวไปค่ะ!”