สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 69 คืนเงียบสงัด (3)
“คุณนายแม็กกี้! อเล็กซ์! คุณนายแม็กกี้…”
ไรอันลองร้องเรียกคุณนายแม็กกี้และอเล็กซ์ดังๆ แต่ผ่านไปนานแล้ว เขากลับมองไม่เห็นวี่แววเลย เห็นก็แต่หมอกที่ปลายแสงไฟฉายในป่า
“ทำยังไงดี! เลห์แมน…” เขาอดมองเพื่อนของตัวเองอย่างตื่นตระหนกไม่ได้ จนถึงขนาดจับแขนของอีกฝ่ายทำอะไรไม่ถูก
“ใจเย็นๆ หน่อย อย่าตกใจไปเองสิ” เลห์แมนสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพูดว่า “พวกเราควรลองคิดว่าเริ่มหลงจากกันที่ไหนกันแน่…ไม่ใช่สิ ตอนนี้พวกเราควรกลับไปที่จอดรถ พอพวกเขารู้ว่าพวกเราหายไป อาจจะกลับไปรอพวกเราที่รถก็ได้”
ไรอันพยักหน้าเข้าใจ
แล้วพวกเขาก็ขยับตัวเดินกลับทันที แต่ไรอันดันไม่ระวังเดินตกหลุมหลุมหนึ่ง จึงเผลอร้องโอดครวญออกมา
บางทีอาจด้วยเลห์แมนเริ่มกระวนกระวายแล้ว เขาจึงก่นด่าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ระวังหน่อยสิ! ไอ้เซ่อนี่”
“ชะ ช่วยพยุงฉันหน่อยสิ” ไรอันยื่นมือออกมาจากในหลุมดินเล็กๆ
เลห์แมนจึงยื่นมือออกไปรับ แต่หลังจากที่ไฟฉายในมือเขาส่องไป เขาก็ต้องตกใจกลัวจนตัวสั่นทันที “ไรอัน…นายทับอะไรอยู่?”
“นาย นายอย่าทำให้ฉันตกใจสิ” ไรอันตกใจกลัว
เขาเอามือคลำไปที่ด้านหลังของตัวเองตามสัญชาตญาณ…นิ่มๆ อุ่นๆ ไม่เหมือนสัมผัสดินแม้แต่น้อย พอไรอันหันไปดูก็ตกใจสุดขีด
“เป็นแม็ก คุณนายแม็กกี้!!”
ไรอันรีบยันตัวขึ้นมาทันที พลางตะโกนบอกด้วยความกลัวสุดขีด! เลห์แมนขยับไฟฉายในมือตัวเองทันที ตอนแสงไฟฉายสาดไปบนส่วนหัวของคุณนายแม็กกี้
ปรากฏว่าคุณนายแม็กกี้ก็กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน
“หาย…หายใจไหม?” เลห์แมนกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ยังถือว่าเขาใจเย็นอยู่ แต่ไรอันกลับไม่สามารถสงบสติได้อย่างเห็นเด่นชัด นิ้วที่สั่นเทาของเขาค่อยๆ ยื่นออกไปทาบรูจมูกของคุณนายแม็กกี้
“มะ ไม่หายใจแล้ว!”
…
…
โยวเย่คลุมผ้าห่มผืนบางไปบนตัวของสาวน้อยลีน่าช้าๆ
เที่ยงคืนแล้ว เลยเวลาที่สาวน้อยลีน่าควรนอนมานานแล้ว บางทีที่เธอนอนดึกกว่าปกติอาจมาจากความกังวล แต่เลยเวลามามากเกินไป ส่งผลให้ร่างกายของเธอเกิดการต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด
เธอจึงนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟาด้วยเพราะง่วงจนทนไม่ไหว
“ฉันไปเก็บถ้วยชามนะคะ” คุณสาวใช้เห็นว่าไม่มีเรื่องให้ทำเพิ่มแล้ว ถึงเดินไปพูดข้างหน้าลั่วชิว “จานไม่ได้เยอะ เลยไม่คิดจะทิ้งไว้จนถึงพรุ่งนี้ค่ะ”
ลั่วชิวพยักหน้าเล็กน้อย หลังโยวเย่เก็บถ้วยชามเดินเข้าครัวไปแล้ว เขาก็มองดูเวลาบนนาฬิกาข้างกำแพงทันที แล้วจึงมองเอลลีอีกครั้ง
เธอนั่งอยู่ที่ปลายโซฟาด้านหนึ่ง กำลังเท้าคางตัวเอง และนอนสัปหงก…ด้วยไม่มีอินเทอร์เน็ต และสภาพแวดล้อมเงียบสงัดแบบนี้ จึงชวนให้คนง่วงงุนได้ง่าย โดยเฉพาะยิ่งต้องรอคอยอย่างห่วงใยด้วยแล้ว
ประมาณนั้น
เอลลีเริ่มสัปหงกหนักจนหัวลื่นจากมือ เธอจึงตกใจตื่น ก่อนเริ่มมองไปรอบๆ แต่เธอกลับมองเห็นแค่กลอเรียที่หลับสนิทไปแล้ว ฟุบอยู่อีกปลายด้านหนึ่งของโซฟา
เธออดถามไม่ได้ว่า “พวกเขายังไม่กลับมาอีกเหรอคะ?”
ลั่วชิวส่ายหน้า “ถ้าคุณเอลลีง่วง ไปพักในห้องก็ได้ครับ ความจริงนับดูแล้วที่นี่ก็มีห้องอยู่เยอะ บางทีอาบน้ำสักหน่อย คุณอาจจะดีขึ้น”
เอลลีได้ยินเสียงล้างชามดังออกมาจากในห้องครัว จึงไม่ได้ถามว่าหาโยวเย่ แต่ส่ายหน้าพูดว่า “เดี๋ยวค่อยว่ากันเถอะค่ะ ยังไงไรอันกับเลห์แมนก็ยังไม่กลับมา…”
“อืม…” ทันใดนั้นลั่วชิวก็ลุกขึ้นเดินไปข้างๆ ลีน่าตัวน้อย
เด็กน้อยขยับตัวเล็กน้อยขณะอยู่ในห้วงฝัน จนผ้าห่มเกือบจะร่วงลงมา หลังเจ้าของร้านลั่วเอาผ้าห่มคลุมเธอไว้ให้ดีอีกรอบ ถึงได้ถามว่า “ไรอัน…เลห์แมนเป็นเพื่อนสนิทของคุณเอลลีหรือครับ?”
เอลลีสางผม ทำท่าง่วงเหงาหาวนอน แล้วสูดลมหายใจลึกๆ เรียกสติกลับมา “ไรอันเรียกได้ว่าเป็นแฟนของฉันล่ะมั้งคะ พวกเราเพิ่งเริ่มคบกันไม่นาน ส่วนเลห์แมนกับกลอเรียอยู่ด้วยกันมานานมาก”
เห็นเอลลีมองไปที่ปลายอีกด้านของโซฟา เจ้าของร้านลั่วก็มองตามสายตาเธอไป เขาพยักหน้าพูดว่า“คุณเอลลีกับคุณกลอเรียรู้จักกันมานานหรือยังครับ”
“พวกเราเป็นเพื่อนกันสมัยมัธยมปลายค่ะ ต่อมาก็ได้เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน” เอลลีพูดพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “เธอเป็นคนร่าเริงมากค่ะ ฉันดีใจมากที่ได้เจอเธอ”
“คุณเอลลีก็ใช้ได้นะครับ” เจ้าของร้านลั่วชมเธออย่างสุภาพ
สายตาเอลลีเศร้าสลดลงทันที มุมปากเพียงแค่ฉีกยิ้มเป็นมุมโค้ง แต่ไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนเธอไม่อยากพูดประเด็นนี้ต่อแล้ว จึงถามว่า “จริงสิ แล้วคุณลั่วชิวสร้างบ้านพักในสถานที่แบบนี้ได้ยังไงกันคะ?”
แถวนี้ไม่มีบ้านเรือน แต่ดูการตกแต่งในบ้านแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่ามีมูลค่าไม่น้อย…
“ลูกค้าท่านหนึ่งให้ที่นี่กับผมครับ” ลั่วชิวพูดต่อว่า “ช่วงนี้ไม่มีอะไรทำพอดี ก็เลยมาอาศัยอยู่สักพักหนึ่ง อีกอย่างสำหรับผมแล้ว ความสงบเงียบแบบนี้กำลังดีเลยครับ”
เขานั่งลงอีกครั้ง แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า “บางครั้งทำงานจนเหนื่อยล้า ว่างพักสักวันสองวันก็เป็นวิธีเติมพลังที่ดีนะครับ”
เอลลียิ้มแล้วพูดว่า “งั้นพวกเราไม่กวนคุณแล้วล่ะค่ะ”
“อย่าใส่ใจไปเลยครับ” ลั่วชิวส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผมเป็นพวกดึงดูดความครื้นเครงอะไรแบบนั้นน่ะครับ มักจะมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับตัวผมเสมอ ตัวอย่างเช่น…อืม ก็เหมือนกับคุณปีศาจในเรื่องเมื่อกี้ไงครับ ถ้าอยู่ๆ เขาจะปรากฏตัวออกมาจากกลางทะเลสาบกะทันหัน ผมว่าผมก็คงไม่ตกใจเท่าไร”
จู่ๆ เอลลีก็ถูแขนที่ขนลุกขนพองเล็กน้อย ก่อนมองทะเลสาบมืดสนิทนอกระเบียงของห้องรับแขกทันที “ฟังคุณพูดแบบนี้ ฉันก็รู้สึกเสียวสันหลังเลย…พูดเหมือนเรื่องจริงเลยค่ะ”
ลั่วชิวมองเอลลีค้างอยู่แบบนี้
เอลลีก็กำลังมองเจ้าของร้านลั่วเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนสบตาแล้วก็ส่งยิ้มให้กัน บรรยากาศเหมือนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วประเด็นสนทนาก็เริ่มขึ้นด้วยเหตุนี้ เอลลีสังเกตห้องรับแขกนี้อีกครั้ง “จะว่าไป ลูกค้าของคุณใจกว้างจริงๆ นะคะ ถึงแม้ที่นี่จะค่อนข้าง…อืม เงียบสงบ แต่บ้านพักนี้หลังนี้ก็ดีจริงๆ นะคะ! ฉันชักจะแปลกแล้วสิว่าคุณทำธุรกิจอะไร ลูกค้าถึงให้ของขวัญแบบนี้กับคุณ”
“ธุรกิจอะไรนะ…” ลั่วชิวคิดแล้วก็ตอบว่า “ขายสิ่งที่ลูกค้าต้องการล่ะมั้งครับ คุณก็รู้ว่าคนที่ปรารถนาบางสิ่ง เพื่อให้ได้สิ่งที่หวังไว้แล้ว ก็จะใจกว้างเป็นพิเศษครับ”
เอลลีอึ้งไป บอกว่าขายสิ่งที่ต้องการบางอย่างให้ลูกค้าแบบนี้มันคลุมเครือมาก แทบจะเหมือนกับไม่ได้อธิบายอะไรเลย
เธอขมวดคิ้วถามอีกว่า “ของที่อยากได้…อะไรบ้างคะ?”
ลั่วชิวยิ้มเล็กน้อย แล้วตอบเบาๆ “คุณเอลลีลองคิดดูก่อนสิครับ ว่าของที่คุณอยากได้คืออะไร”
“ฉัน?” เอลลียักไหล่พูด “ฉันคิดว่าที่ดีที่สุดคงเป็นให้พวกไรอันกลับมาตอนนี้เลย”
แล้วตอนนี้เอง เธอก็ได้ยินเสียงทุบประตูดังขึ้น จึงตะลึงไปทันที จากนั้นก็พูดอย่างแปลกใจว่า “พวกเขากลับมาแล้ว! ลั่วชิว คุณมหัศจรรย์มาก ฉันเพิ่งพูด พวกเขาก็กลับมาเลย ฉันจะไปเปิดประตูนะคะ!”
ลั่วชิวยืนขึ้นเดินตามมา
เขาเห็นเอลลีเดินไปหน้าประตูและเปิดมันอย่างรวดเร็ว
วินาทีที่เปิดประตูเปิดออก เอลลีกลับเห็นแค่ไรอันและเลห์แมน ทั้งสองคนรีบเดินเข้ามา แต่สีหน้าของพวกเขาซีดขาวผิดปกติ อีกทั้งยังดูตกใจมากด้วย
ริมฝีปากของไรอันดูแห้งผากเล็กน้อย ทั้งยังเหมือนล้มมาก่อนหน้านี้ จึงมีสีของดินโคลนเปื้อนเสื้อผ้าเล็กน้อย
เอลลีถามอย่างสงสัยทันที “พวกนายเป็นอะไรไป?”
แต่กลับเห็นเลห์แมนหายใจหอบ เขาปรับลมหายใจของตัวเองไปพร้อมๆ กับพูดอย่างรวดเร็วว่า “ศพ!พวกเราเจอศพ! ศพคุณนายแม็กกี้นั่น!”
“อะไรนะ?” เอลลีร้องตกใจทันที
เธอหันตัวมามองทันที ก็พบว่าเจ้าของบ้านพักหลังเดินเข้ามาอย่างแปลกใจ ราวกับได้ยินเสียงร้องตกใจของเธอ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”
เอลลีรีบพูดว่า “มะ เมื่อกี้นี้ เลห์แมนบอกว่าเขาเจอศพ…”
แล้วเธอก็ลดเสียงเบาลง “…คุณนายแม็กกี้”
ไรอันมองเอลลีแล้วพูดอย่างตื่นกลัว “จริงๆ นะ! ฉันไม่ระวังเลยเดินตกหลุม จากนั้นก็เจอศพของคุณนายแม็กกี้! ก่อนเจอพวกเราหลงกับเธอ ไม่ ไม่นึกว่า…”
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง…” เอลลีไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “แต่…จริงสิ ยังมีอีกคนไม่ใช่เหรอ อเล็กซ์คนนั้นล่ะ?”
เลห์แมนรีบพูดว่า “อย่าพูดถึงเจ้านั่น! พวกเราไม่เห็น…”
เขามองไรอันแวบหนึ่ง ฉับพลันก็ทำหน้าเคร่งเครียด “พวกเราสงสัยว่า อาจจะเป็นเจ้านี่…”
“อย่าพูดส่งเดชนะ” เอลลีพูดขัดจังหวะทันที
เลห์แมนกลับพูดว่า “แต่เธอลองคิดดูสิ อยู่ๆ อเล็กซ์คนนี้ก็โผล่มากะทันหัน ไม่คิดว่าแปลกเหรอ? เธอดูสิ เขาทำตัวน่าสงสัยทั้งนั้น…เหมือนคนโรคจิตโดยแท้! จะมีคนที่ไหนแบกกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้มาถึงนี่ได้! เธอลองคิดดูดีๆ พวกเราไม่เห็นเจ้านี่มีรถหรืออะไร แต่เขากลับเดินเท้ามาที่นี่คนเดียว!”
เอลลีเริ่มตัวสั่นทันที
“กระเป๋า กระเป๋า?” ตอนนี้ไรอันกลืนน้ำลาย เขาลังเลแล้วพูดว่า “ฉันว่า…เอลลี เลห์แมน พวกเธอคิดว่าขนาดของกระเป๋านี้…”
“นายอยากพูดอะไร?” เลห์แมนถามอย่างกระวนกระวาย
ไรอันกำลังกลืนน้ำลายแล้วตอบว่า “ไม่ใช่ว่าขนาดพอดีกับ…ฉันว่า ถ้าใส่คนเป็นเข้าไป ก็พอจะทำได้นะ…”
“กระเป๋านั่น…” เลห์แมนขมวดคิ้ว
อ๊า!!!
ในตอนนี้เอง เอลลีก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง นั่นเป็นเสียงของกลอเรีย!
เกรงว่ากลอเรียจะได้ยินข่าวนี้แล้ว ดังนั้นถึงได้ตื่นขึ้นมาใช่ไหม? แต่ว่าเอลลีไม่มีอารมณ์มาสนใจแล้วว่าเธอตื่นตอนไหน
เธอรีบเดินเข้ามาในห้องรับแขก ระหว่างนั้นกลอเรียก็ขดตัวสั่นเทิ้มอยู่บนโซฟา แล้วชี้นิ้วมือไปทางกระเป๋าหนังขนาดใหญ่ที่อยู่ชิดกำแพงใบนั้น
“เลือด…เลือดเต็มไปหมด…”
ใช่แล้ว ตอนนี้เลือดเหนียวข้นกำลังไหลออกมาจากรอยแยกของกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
เลือดสดๆ กำลังไหลอยู่บนพื้น และเริ่มกระจายตัวเป็นวงกว้างเร็วขึ้น…เรื่อยๆ