สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 71 คืนเงียบสงัด (5)
เลห์แมนเป็นคนตลก และมีเสน่ห์ในแบบลูกผู้ชายเสมอ บางทีอาจเพราะเขาเป็นผู้เล่นตัวจริงในทีมฟุตบอล ฐานะทางครอบครัวก็ดี อีกทั้งยังโรแมนติกด้วย
ติดอันดับแฟนหนุ่มยอดเยี่ยมอันดับต้นๆ เลย…ส่วนไรอันจะว่ายังไงดีล่ะ?
ถ้าอยู่ด้วยกันลำพัง ก็จะแอบอึดอัดเล็กน้อย?
“เอลลี เอลลี…เอลลี?!”
“เป็นอะไรไป?”
มุมหนึ่งในโรงอาหารของมหา’ลัย กลอเรียที่นั่งข้างๆ เอลลีตบไหล่ของเธอเบาๆ จนเธอสะดุ้งเล็กน้อย
แล้วกลอเรียก็ถาม “เธอกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเราถามเธออยู่นะ”
“งั้น งั้นเหรอ” เอลลีแสร้งทำเป็นใจเย็น “เมื่อกี้นี้ฉันกำลังคิดถึงหัวข้อที่ศาสตราจารย์กำหนดไว้ ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ยิน…พวกเธอถามว่าอะไรนะ?”
แล้วเลห์แมนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ก็เผยรอยยิ้มชวนหลงใหลออกมา “พวกเราอยากชวนพวกเธอมางานปาร์ตี้ฮัลโลวีนสุดสัปดาห์นี้ เธอก็รู้นี่ พวกเรายังหาคู่เต้นรำไม่ได้ ตอนนี้กลอเรียตกลงแล้ว เหลือแค่เธอแล้วล่ะ”
“ฉัน?” เอลลีคิดจะปฏิเสธทันที…แต่ไม่รู้ทำไม วินาทีที่ตาทั้งคู่ประสานกับเลห์แมน เธอกลับเผลอพยักหน้าเล็กน้อย
เธอมาเสียใจภายหลังก็ช้าไปแล้ว กลอเรียจึงพูดอย่างตื่นเต้น “พระเจ้า พวกนายต้องรู้นะ เอลลีของฉันไม่เคยอยากไปงานปาร์ตี้เลย เธอว่ามันเสียเวลาน่ะ”
เลห์แมนยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นเกียรติมากๆ…ใช่ไหมล่ะไรอัน!”
“อ้อ…อืมๆ”
พอเห็นเลห์แมนกับไรอันเก็บจานชามเดินจากไปแล้ว เอลลีก็ก้มหน้าซดซุปผักที่เหลือจนหมด…เธอแอบรอคอยอยู่นิดหน่อยหรือเปล่านะ?
“ดีจริงๆ ในที่สุดเอลลีก็จะได้เปิดหูเปิดตาสักที” กลอเรียประสานมืออยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มเป็นพักๆ
“ฉันควรไปจริงๆ ใช่ไหม?” จู่ๆ เอลลีก็เริ่มลังเล “วันจันทร์ฉันต้องส่งการออกแบบหลักสูตร…”
สองมือกลอเรียประคองแก้มของเอลลีขึ้นมา และพูดด้วยหน้าตาจริงจัง “เอลลี เธอคิดว่าศาสตราจารย์ชมเธอ…นี่ เธอเชื่อฉัน เขาไม่ได้ชมเธอแค่คนเดียวหรอก แล้วเธอคิดว่างานแบบนี้สำคัญกว่าปาร์ตี้ครั้งแรกในรั้วมหา’ลัยเหรอ?”
“แต่…ฉันเพิ่งนึกได้ว่า ฉันไม่มีชุดไปงานปาร์ตี้” เอลลีส่ายหน้า “ฉันว่าฉันไม่ไปดีกว่า”
“นี่คือปัญหาเหรอ?” กลอเรียตบบ่าของเอลลี แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนตบหน้าอกพูดว่า “วางใจได้ ให้ฉันจัดการเถอะ! องค์หญิงเอลลีของฉัน!”
‘บางทีก็ควร…เสพสุขกับชีวิตในรั้วมหา’ลัยบ้างสินะ?’ เอลลีแอบคิดในใจ
…
‘หรือว่าควร…เสพสุขกับช่วงวัยรุ่นสักหน่อย…นะ?’
[จริงเหรอ? ตอนที่พวกเธออยู่ม.ปลาย มีเรื่องสนุกขนาดนี้เลยเหรอ?]
เอลลีกำลังมองดูตัวหนังสือบนหน้าต่างแชท VK…เธอเริ่มคิดว่าเวลาที่อยู่ในห้องสมุดวันนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว
[อยากรู้เรื่องสนุกๆ ของพวกเธอมากกว่านี้จัง เล่าให้ฟังอีกได้ไหม?]
เอลลีอดถอนหายใจไม่ได้ เธอชื่นชมเลห์แมนในขณะที่มองรูปโปรไฟล์ของเขาในหน้าต่างแชท ‘คนนี้เข้าหาคนอื่นเก่งจริงๆ ไม่ว่าเมื่อไรก็มีเรื่องพูดไหลลื่นตลอดเลย’
เริ่มตั้งแต่เมื่อไร?
หัวข้อสนทนาของเธอกับเลห์แมนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ…น่าจะเริ่มเมื่อช่วงไม่กี่วันมานี้ หลังจากชวนไปปาร์ตี้ครั้งที่แล้วล่ะมั้ง
[อ๊า ตั้งตารอปาร์ตี้พรุ่งนี้จริงๆ]
[ฉันก็เหมือนกัน]
อืม…เริ่มอยากไปแล้วสิ
เอลลีก้มหน้ามองหนังสือที่ยังเปิดค้างในมือ…ในปาร์ตี้ ทุกคนต้องเต้นรำกันใช่ไหม?
เธอเริ่มได้ยินเสียงดนตรีดังขึ้นในหัว…แล้วตัวหนังสือก็เปลี่ยนไปฉายภาพมายาสวยงามบางอย่าง
ชอบฉันเหรอ…เลห์แมน
…
อืม…ความจริงแล้ว ปาร์ตี้มหา’ลัยกับปาร์ตี้ในจินตนาการของเธอเหมือนจะต่างกันมาก แน่นอนว่าไม่ใช่งานเต้นรำที่เปิดดนตรีบรรเลงเคล้าคลอไป แล้วเต้นพลิ้วไหวกันในฟลอร์เต้นรำ
ทั้งลำโพงกระหึ่มสะเทือนพื้น คนเต้นบิดไปบิดมากันบ้าระห่ำ แล้วยังแสงไฟสลัวจนแทบจะตาลายไปหมด
ตอนแรกเอลลียังอยู่กลางฟลอร์…แต่สักพัก ไม่รู้ว่าถูกคนรอบๆ ชนออกไปจากตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร
ส่วนกลอเรียมักเฉิดฉายอยู่เสมอ
เอลลีได้แต่มองเธอที่อยู่กลางฟลอร์เต้นรำเหมือนเป็นราชินีล้อมรอบไปด้วยบริวาร
“กลอเรียสวยมากจริงๆ อืม…”
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร คนรอบข้างที่รู้จักถึงเหลือแค่ไรอันเท่านั้น…เอลลีมองไรอันแวบหนึ่ง ก็เห็นมือทั้งสองของเขาถือเบียร์ไว้กระป๋องหนึ่ง เหมือนว่านั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ?
“ทำไมมานั่งอยู่นี่ล่ะ?” ทันใดนั้นเลห์แมนก็เดินฝ่ากลุ่มคนออกมา พร้อมทั้งโยกตัวเบาๆ ไปตามจังหวะเพลง
จากนั้นเลห์แมนก็ตบมือพูดชวน “มาสิ! อย่านั่งอยู่เลย!”
พูดจบเลห์แมนก็จูงมือของเอลลีและไรอันเข้าไปในฟลอร์
ถึงแม้ไม่ใช่งานเลี้ยงเต้นรำพลิ้วไหว แต่เหมือนจะเริ่มสนุกขึ้นมาบ้างแล้ว…เอลลีคิดไปขณะที่เต้นหมุนตัวไปเรื่อย
พอเธอเงยหน้าขึ้นมามองเลห์แมน เธอก็รู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำหน่อย พวกเธอเต้นกันไปก่อนนะ” เลห์แมนลดเสียงพูดข้างหูของเอลลี จากนั้นก็ตบบ่าของไรอันเล็กน้อย
“เขาบอกว่าอะไรเหรอ?” ไรอันอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้
“เขาบอกว่าไปเข้าห้องน้ำน่ะ”
“ขอ ขอโทษ ฉันไม่เหมาะกับงานแบบนี้ ฉันอาจเต้นแบบเลห์แมนไม่ได้นะ…”
“ไม่เป็นไร ฉันก็เหมือนกัน” เอลลียักไหล่
ความจริง หลังจากเลห์แมนจากไปกะทันหัน เธอมักจะรู้สึกอายเวลาอยู่กับไรอันเพียงสองคน…
“วันนี้…วันนี้ชุดเธอสวยมากเลย”
“จริงเหรอ ขอบคุณ…” แล้วเอลลีก็เริ่มมองรอบๆ “ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ขอไปข้างนอกสักพักนะ”
“เอลลี เอล…”
ไรอันถูกคนในฟลอร์กระแทกจนมึนงงไปทันที
…
แต่ทว่าที่ใต้ชายคาด้านนอก เลห์แมนกับกลอเรียกำลังกอดจูบกัน…นั่นเป็นวิธีการจูบที่เอลลีไม่เคยเข้าใจมาก่อน
เอลลีจึงรีบหันหลังให้ทันที…แม้เธอจะคิดว่าเลห์แมนกับกลอเรียที่กอดจูบกันคงไม่สังเกตเห็นเธอ
แต่เธอก็หวังด้วยใจจริงว่าสองคนนี้จะไม่เห็นเธอจริงๆ
ที่แท้กลอเรียก็ชอบเลห์แมนสินะ…
…
…
แกร็ก
ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย แล้วลั่วชิวก็ชะเง้อดูสนามหญ้านอกบ้านแวบหนึ่ง แต่กลับไม่เห็นอะไร
เขาจึงส่งเสียงอืมเบาๆ หนึ่งครั้ง แล้วปิดประตูบ้านไว้ดังเดิม ก่อนมองไปที่บันไดขึ้นชั้นบน แล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องรับแขกช้าๆ
ตอนนี้สาวน้อยลีน่าตื่นมาขยี้ตาสะลึมสะลือแล้ว “พี่ชายคะ คุณแม่กับคุณพ่อกลับมาแล้วใช่ไหมคะ?”
“ยังเลยครับ” ลั่วชิวส่ายหน้า แล้วเดินไปนั่งข้างๆ ลีน่า
ปังๆ ปังๆ!
ฉับพลันก็มีเสียงกระแทกดังมาจากชั้นบน ดังมากจริงๆ!
ลีน่าจึงรีบคว้าผ้าห่มที่คลุมตัวเองอยู่ทันที แล้วเงยหน้ามองฝ้าเพดาน “พี่ชายคะ ข้างบนมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อืม…” ลั่วชิวคิดสักพัก ก่อนยิ้มตอบว่า “มีปีศาจ เธอเชื่อหรือเปล่า?”
หนูน้อยลีน่าอึ้ง จนเผลออ้าปากค้าง “ใช่คุณปีศาจหรือเปล่าคะ?”
ลั่วชิวลูบหัวของเธอเบาๆ แล้วลองถามเธอดู “ถ้าเป็นคุณปีศาจจริงๆ เธอเห็นเขาแล้ว แต่เขาอยากกินหัวใจของเธอล่ะ เธอจะทำยังไง?”
สาวน้อยพยายามครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนคลำหน้าอกของตัวเอง “ให้ครึ่งหนึ่งได้ไหมคะ?”
ลั่วชิวได้ยินก็ถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมให้แค่ครึ่งเดียวล่ะ?”
ลีน่าจ้องตาแป๋วแล้วตอบว่า “เพราะถ้าลีน่าไม่มีหัวใจแล้ว ก็จะหายไปแบบคุณปีศาจ แบบนั้นพ่อแม่จะเสียใจมากค่ะ! แต่ถ้าหนูเหลือไว้ครึ่งหนึ่งแล้ว ก็จะไม่เป็นไรค่ะ!”
“ถ้างั้น ถ้าสิ่งที่คุณปีศาจควักออกมาไม่ใช่หัวใจล่ะ?” ลั่วชิวถามเสียงเบา
“งั้นเป็นอะไรล่ะคะ?”
ลั่วชิวเงยหน้ามองฝ้าเพดาน แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “บางอย่าง…ที่เป็นของตัวเอง”
สาวน้อยลีน่าไม่เข้าใจว่าพี่ชายคนนี้พูดอะไร จึงเอียงคอครุ่นคิดให้ดีอีกรอบ
แต่ตอนนี้เอง กลับมีลำแสงส่องเข้ามาจากนอกบ้าน สาวน้อยจึงรีบโดดลงจากโซฟาทันที แล้วก็ได้ยินเสียงของเครื่องยนต์รถ “คุณพ่อคุณแม่ต้องกลับมาแล้วแน่เลยค่ะ! หนูจะรีบไปเปิดประตูนะคะ!”
สาวน้อยวิ่งตรงไปหน้าประตูบ้านอย่างดีใจ แล้วเขย่งเท้าบิดตัวล็อกประตู
แต่คนที่เธอเห็นไม่ใช่คุณนายแม็กกี้แม่ของเธอ และยังไม่ใช่พ่อของเธอด้วย…แต่เป็นอเล็กซ์!
“นี่ไม่ใช่คุณลีน่า เจ้าหญิงน้อยของคุณนายแม็กกี้หรอกหรือ?”
อเล็กซ์ทำหน้าตื่นตกใจและดีใจ ก่อนยิ้มน้อยๆ พร้อมถอดหมวกบนหัวออก แล้วค้อมตัวทำท่าเคารพต่อหน้าสาวน้อย “หนูลีน่ามาเปิดประตูต้อนรับผมด้วยตัวเองแบบนี้ เป็นเกียรติมากๆ เลยครับ”
แต่พอลีน่าเห็นว่าไม่ใช่พ่อแม่ของตัวเอง ก็มีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “แล้วคุณแม่ล่ะคะ?”
สาวน้อยจำได้ว่าแม่ของตัวเองออกไปพร้อมกับคุณอาประหลาดคนนี้…และพวกพี่ชาย
“หมายถึงคุณนายแม็กกี้เหรอครับ?” อเล็กซ์เผยรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า ตอบกลับสาวน้อย “อย่าห่วงไปเลยครับ องค์หญิงลีน่า ผมว่าเดี๋ยวคุณก็จะได้พบคุณแม่เร็วๆ นี้แล้วครับ…แน่นอนว่าคุณพ่อของคุณด้วย!”
“จริงเหรอคะ!” สาวน้อยเริ่มยิ้มแก้มปริ
แต่แล้วลั่วชิวก็เดินเข้ามาช้าๆ แล้วถามอย่างเฉยเมยว่า “หาเจอไหมครับ?”
“แน่นอน” อเล็กซ์หรี่ตายิ้มอย่างมีเลศนัย “แค่ใช้ความโชคดีของคุณ พวกเราก็หาคนเจอแล้วครับ”
ลั่วชิวกลับพูดเสียงเรียบเฉยว่า “แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”
ฉับพลันนั้น อเล็กซ์ก็หรี่ตาลง ก่อนทำท่าเงี่ยหูฟัง “จริงเหรอ? แต่เหมือนผมได้ยินเรื่องสนุกบางอย่างนะ”
พูดจบ อเล็กซ์ก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วมองหน้าลั่วชิวแวบหนึ่ง
“จริงสิ คุณลั่วชิว ผมขอเข้าไปได้ไหมครับ?” อเล็กซ์เอ่ยถามเป็นมารยาท “อ๊า…จริงสิ เมื่อกี้ผมบอกกับคุณสาวใช้ผู้สูงส่งของคุณแล้ว ว่าผมจะจ่ายเงินให้…คุณลั่วชิวที่เคารพคงไม่ได้จะเก็บเงินตอนนี้หรอกใช่ไหมครับ?”
“ไม่ครับ” ลั่วชิวส่ายหน้า เบี่ยงตัวหลบแล้วยิ้มเล็กน้อย “เชิญเข้ามาครับ…ลูกค้าที่เคารพ”
“ขอบคุณครับ”
…
ปังๆๆ!!
“ฉันอยากออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย!” กลอเรียตกใจจนหน้าซีดเผือด เหงื่อแตกพลั่กๆ
ส่วนเลห์แมนกับไรอันหลบมาอยู่ในห้องข้างบนบ้านพักแล้ว ทั้งสองคนกำลังใช้แรงยันประตูห้องไว้…แต่ประตูกลับถูกกระแทกไม่หยุด
“ที่รัก ฟังฉันนะ ฉันก็อยากออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เหมือนกัน! แต่ใครไล่ศพที่ควรตายนี้ได้บ้างล่ะ!”
“หรือว่าเจ้าของบ้านพักนี้จะไม่คิดหาวิธีเลย…จริงสิ มีแค่พวกเราขึ้นมา แต่พวกเขายังอยู่ข้างล่าง…คงไม่ใช่ว่า…” ไรอันเริ่มผวาหนักกว่าเดิม
“ช่วยไม่ได้…พวกเรากระโดดไปจากตรงนี้แล้วกัน!” เลห์แมนพูดเสนอ “พวกเราใกล้ยันไว้ไม่อยู่แล้ว…ที่รัก! เอลลี พวกเธอกระโดดลงไปก่อน!”
“ไม่ได้หรอก มันสูงเกินไป ฉันทำไม่ได้!” กลอเรียส่ายหน้าทันทีหลังมองเห็นระยะห่างจากพื้น
ตุบ!
ตอนนี้เลห์แมนกับไรอันยันประตูต่อไม่ไหวอีกแล้ว จึงกระเด็นไปบนพื้นพร้อมกัน และประตูห้องบานนั้นก็ถูกกระแทกเปิดออกแล้ว
ตัวของมันยังติดกับกระเป๋าหนังขนาดใหญ่ใบนี้อยู่…มีแค่แขนคู่นั้นที่ยื่นออกมาจากช่องกระเป๋า พร้อมทั้งดวงตาเปื้อนเลือดอันดุร้ายและน่ากลัว ใช้แขนทั้งสองข้างจับบนกรอบประตูไว้!
มันมาอยู่บนกรอบประตูราวกับแมงมุม!
อ๊า!!
เสียงร้องแสบแก้วหูดังขึ้น แล้วเอลลีกับกลอเรียก็ล้มพับไปบนพื้นพร้อมกัน!
พอดีกับตอนที่เลห์แมนเตรียมลุกขึ้นมาจากพื้น สิ่งที่เกาะอยู่ตรงขอบประตูก็พุ่งมาทันที พร้อมกับกระเป๋าขนาดใหญ่ แล้วกดทับบนตัวเลห์แมนอย่างแรง!
เลห์แมนจึงส่งเสียงร้องโอดครวญ แต่มือทั้งสองก็ยังจับแขนมันได้อยู่หมัดและไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย!
ไรอันเห็นสบโอกาสช่วงกำลังอลหม่าน จึงรีบคว้าที่วางเสื้อในห้อง แล้วทุบไปที่ด้านหลังของเจ้าสิ่งนี้เต็มแรง แต่คาดไม่ถึงว่านี่กลับยิ่งไปยั่วโมโหมันเข้า!
ทันใดนั้นก็มีมือข้างที่สามยื่นออกมาจากกลางช่องกระเป๋าหนังใบนั้นอีก ครั้งนี้เป็นมือยาวและหยาบกร้านข้างหนึ่ง!
มันคว้าคอของไรอันไว้ทันที จากนั้นก็ออกแรงบีบยกตัวเขาลอยขึ้นจากพื้น
“วิ่ง…เร็ว…รีบวิ่ง…” ไรอันเค้นเสียงพูดอย่างยากลำบาก
เอลลีเห็นสถานการณ์เริ่มแย่ เธอจึงรีบตั้งสติแล้วรีบลุกขึ้นทันที อีกทั้งยังยื่นมือมาลากกลอเรีย เดินชิดตามขอบกำแพงไปทางประตูอย่างเร่งร้อน
ทั้งสองพุ่งออกจากประตูไป แล้วเอลลีก็สูดลมหายใจลึกๆ ปิดประตูของห้องนี้ทันที
แต่ว่าจะไปที่ไหนต่อล่ะ?
ด้านล่าง!
พวกเลห์แมนคงจะไม่กระแทกประตูออกมา แต่ถ้าเป็นกระจกที่เชื่อมห้องรับแขกกับระเบียงก็น่าจะไม่มีปัญหา…หรือว่าตอนนี้เจ้าของบ้านพักก็ออกไปด้วยวิธีแบบนี้แล้ว
“เอลลี…พวกเราทิ้งพวกเลห์แมนไว้แบบนี้ไม่ได้นะ…” กลอเรียพูดด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด
แล้วเธอก็เอาหูแนบไปบนบานประตู แล้วตั้งใจฟังเสียงที่อยู่ด้านในห้อง แต่แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายพูดว่า “เหมือน…เหมือนเสียงจะหายไปแล้ว เธอว่าเลห์แมนกับไรอันจัดการสิ่งนั้น…”
“เป็นไปได้เหรอ?” เอลลียังไม่เชื่อนัก เพียงแต่เงียบไปกะทันหันแบบนี้ กลับทำให้เธออดลังเลไม่ได้
พวกเธอรอเงียบๆ มาสักพักหนึ่ง…แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว
เอลลีจึงกัดเล็บมือเดินกลับไปหลับมาอยู่หน้าห้อง “ขอฉันคิดดูหน่อย…”