สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 72 คืนเงียบสงัด (6)
ในที่สุด ไรอันก็หาตัวเอลลีเจอท่ามกลางคนพลุกพล่านในงานปาร์ตี้
เธอถือกระป๋องเบียร์เล็กๆ พิงรั้วระเบียงอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าเธอยืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไรแล้ว ไรอันคิดว่าตอนนี้ตนเองควรเดินเข้าไปหาได้สักที…แต่เขากลับลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงทำได้แค่ยั้งฝีเท้าของตนเองเอาไว้ก่อน
เพราะอีกด้านหนึ่ง…กลอเรียกำลังสาวเท้าเดินไปทางเอลลีอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งประดับรอยยิ้มบางๆ ดูงดงามเป็นอย่างมาก
พวกเธอจะคุยอะไรกัน? แต่โอกาสแบบนี้…ถึงแม้ตั้งใจฟังไปก็ไม่ได้ยินอยู่ดี เห็นก็แต่กลอเรียคว้ามือเอลลีขึ้นมาด้วยท่าทางสนิทสนม น่าจะกำลังพูดเรื่องน่ายินดีกันอยู่ล่ะมั้ง?
“เอลลี!”
กลอเรียคว้ามือเอลลีขึ้นมาอย่างสนิทสนม จากนั้นก็ดึงมาวางไว้บนมือตนเอง แล้วพิงระเบียงแบบเดียวกับเธอ
“มีเรื่องอะไรเหรอ? ดูเธอมีความสุขมากเลย” เอลลีแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ฉันคบกับเลห์แมนแล้วนะ เมื่อกี้นี้เอง!” กลอเรียยังไม่หุบยิ้ม แล้วกะพริบตาปริบๆ “เลห์แมนเซ็กซี่มากจริงๆ โอ้ พระเจ้า ตอนนี้หัวใจของฉันยังเต้นแรงอยู่เลย”
“งั้นเหรอ…ยินดีด้วยนะ” เอลลีแสดงความยินดีกับเธอด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย
แล้วกลอเรียก็คว้าทั้งสองมือของเอลลีไว้ ก่อนพูดเบาๆ ว่า “เธอคงอวยพรให้พวกเราสินะ! ก็เราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่!”
ในชั่วขณะหนึ่ง เอลลีคิดอยากจะชักมือกลับมาจริงๆ…เธอคิดจะทำแบบนี้กี่ครั้งแล้วนะ?
แน่นอนว่าตั้งแต่ตอนที่กลอเรียจับมือของเธอไว้ แล้วพูดว่า ‘พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันนะ!’
สมัยเด็กๆ เธอเคยแบ่งคุกกี้ที่แม่ทำเองให้คนอื่น…เห็นๆ อยู่ว่าเธอยังชิมไปได้ไม่เท่าไร แต่กลับแบ่งไปให้คนอื่นซะเยอะ
“ออกไปเดินเล่นด้วยกันเถอะ!”
“อืม…เอาสิ”
เห็นๆ อยู่ว่าเธอยังเหลือการบ้านอีกเยอะ
“โอ๊ย…ใช้เงินค่าขนมเดือนนี้หมดอีกแล้ว เอลลี…”
“อืม…ฉันพอมีอยู่นิดหน่อย เดือนหน้าเธอค่อยมาคืนฉันก็ได้”
เห็นๆ อยู่ว่าเธอมีของที่อยากซื้อเหมือนกัน คงได้แต่รอเดือนหน้าแล้วล่ะมั้ง
“ว้าว! ชุดนี้เก๋มากเลย! ฉันชอบ…อืม! ชุดนี้เหมาะกับเธอมากเลยนะ ชอบไหม? ฉันให้เธอแล้วกัน!”
“อืม…ดูดีมากเลย”
จริงๆ แล้วฉันไม่ชอบตัวนี้เลย…แต่ฉันชอบตัวที่เธอถืออยู่ต่างหาก
“อืม…ยินดีกับพวกเธอด้วยนะ”
จริงๆ แล้วฉันก็….ชอบเขาเหมือนกัน
…
…
ในที่สุด กลอเรียก็เห็นเอลลีหยุดเดินกะทันหัน เธอจึงรีบคว้าแขนเอลลีไว้ “เป็นไงบ้าง! เธอหาวิธีได้แล้วใช่ไหม?”
ในความคิดของเธอ เอลลีเป็นเด็กสาวที่กล้าหาญ และเข้าใจความต้องการของเธอเป็นอย่างดี
หลายปีมานี้ เธอรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่มีเพื่อนสนิทอย่างเอลลี
แล้วกลอเรียก็เห็นเอลลีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วมองมาทางเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนถามเธอว่า “กลอเรีย เธออยากช่วยเลห์แมนจริงๆ ใช่ไหม?”
กลอเรียรีบพยักหน้า
“ถ้างั้น ก่อนอื่นพวกเราต้องรู้สถานการณ์ข้างในให้แน่ชัดก่อน…พวกเราแค่ดูแวบหนึ่ง! ดูแค่แวบเดียวเท่านั้น! ถ้าเกิดมีอันตรายละก็ พวกเราต้องวิ่งหนีทันที เข้าใจไหม?”
กลอเรียลังเลอยู่พักหนึ่ง… ด้านหลังประตูห้องนี้ จะเป็นยังไงกันแน่? ถึงแม้เสียงจะเงียบหายไปแล้วก็ตาม…แต่เลห์แมนกับไรอันคงไม่เป็นไรสินะ?
เธอยังกระสับกระส่ายอยากรู้…ถ้าได้เห็นแค่แวบเดียวละก็
พวกเธอจึงเปิดประตูห้องแง้มเป็นช่องเล็กๆ แล้วมองผ่านช่องประตูเข้าไปพร้อมกัน ก่อนพยายามมองดูสถานการณ์ในห้องด้วยความตื่นเต้นสุดขีด
ทันใดนั้น กลอเรียก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง เหงื่อแตกท่วมตัว เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีแทบจะถูกสูบไปจนสิ้น
ภายในห้อง…กระเป๋าหนังใบนั้นกำลังกลืนแขนของไรอันเข้าไปทีละนิด ส่วนเลห์แมนก็นอนสลบอยู่ข้างๆ
แม้ว่าแขนข้างนั้นจะถูก ‘กลืนเข้าไป’ ในกระเป๋าทีละนิดๆ แต่ไรอันก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เลย!
กลอเรียใช้มือข้างเดียวปิดปากยังไม่พอ เธอยังต้องใช้ฝ่ามืออีกข้างอุดปากของตัวเองไว้แน่น แล้วเธอก็เริ่มหายใจถี่รัวเสียจนหากเธอไม่ใช้ปากช่วยหายใจ เธอคงขาดอากาศหายใจตาย อย่างกับว่าเธอเพิ่งผ่านการวิ่งพุ่งออกไปสุดตัวสี่ร้อยเมตรมา
ตอนนี้กลอเรียสั่นไปทั้งตัว แผ่นหลังอิงแนบไปกับผนังห้องข้างๆ ประตู แม้แต่ขายังแข็งจนก้าวไม่ออก ราวกับถูกแช่ด้วยปรอทห้าสิบกิโลกรัม
“ทำไง…ทำยังไงดี…เอลลี เอลลี…ฉัน ฉันไม่อยากตาย…”
เธอออกแรงคว้าแขนเอลลีราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้าย สีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก “ฉันขยับตัวไม่ได้เลย…เอลลี…เธอจะไม่ทิ้งฉันใช่ไหม เธอจะไม่ทิ้งฉันใช่ไหม? พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันนะ!”
“เลห์แมนกับไรอัน…ตายแล้ว” เอลลีก้มหน้าลงพูดความจริง
จู่ๆ กลอเรียก็เห็นภาพสีหน้าของเอลลีเบลอไปหมด พอเธอได้ฟังเรื่องน่าหวาดกลัวนี้อีกครั้ง เธอก็สั่นกลัวจนเกือบจะร้องไห้ออกมา “ฉันรู้ ฉันเห็นแล้ว…ไม่ต้องพูดแล้ว…น่ากลัวเหลือเกิน”
“ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย?” เอลลีงึมงำเบาๆ
“เอลลี…เอลลี…เธอ เธอเป็นอะไรไป?”
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอคนเดียว”
เอลลีเงยหน้าขึ้น ทั้งผมที่ปรกหน้าปิดดวงตาทั้งสองไว้ แต่กลับเห็นว่าเธอกำลังเบิกตากว้างดุร้ายผิดปกติ ก่อนยื่นมือทั้งสองข้างไปบีบคอกลอเรียทันที
บีบแรงเกินไปแล้วนะ! บีบแรงเกินไปแล้วจริงๆ!
ทันใดนั้นกลอเรียก็รู้สึกเหมือนคอใกล้จะหักเต็มทน ความตื่นกลัวและความเจ็บปวดทรมานเพิ่มมากขึ้นจนเธอรู้สึกย่ำแย่ ในชั่วขณะนั้น เธอได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ้อนวอน
ราวกับกำลังถามว่า ‘ทำไม’
“ไม่มีเธอจะดีแค่ไหนนะ…ถ้าเธอไม่เสนอให้ออกมาเที่ยว มันจะดีแค่ไหนนะ! ฉันตั้งใจเรียนแบบเดิมก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ ตอนนี้ฉันน่าจะ…ทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอ!!”
กลอเรียเจ็บจนแทบทนไม่ไหว
เนื่องจากหายใจไม่ออกจนแทบขาดใจ ทำให้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดในตัวเธอก็ถูกปลุกขึ้นมา เธอจึงถีบไปที่ท้องของเอลลีทีหนึ่งทันที เอลลีถึงได้คลายมือจากคอเธอ
แต่ว่าเอลลีกลับเหมือนเป็นบ้าไปแล้ว เธอพุ่งกระโจนมาหากลอเรียอีกครั้ง!
ต่างฝ่ายต่างบีบคอกันพัลวัน จนตัวกระแทกเข้ากับประตูห้องโดยไม่ทันรู้ตัว!
จากนั้นทั้งสองก็ล้มกลิ้งลงไปบนพื้นพร้อมกัน!
กลอเรียหอบหายใจแรง แล้วดวงตาของเธอก็หันไปมองข้างหน้าทันที…ตอนนี้กระเป๋าใบใหญ่ใบนั้น…มีแขนหลายข้างยื่นออกมาเหมือนปีศาจแมงมุม แล้วค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาพวกเธอคนทั้งสอง
“เอล เอล เอลลี…” กลอเรียรีบตีตัวเอลลีอย่างบ้าคลั่ง หวังว่าเธอจะสังเกตเห็นถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา
แต่ดูเหมือนว่าทำแบบนี้ก็ไม่อาจช่วยให้เอลลีที่กำลังบ้าคลั่งรู้สึกตัวเลย กลอเรียจึงต้องถีบอีกฝ่ายให้กระเด็นไปอย่างแรงอีกครั้ง!
วินาทีที่คนทั้งสองแยกออกจากกัน กลอเรียก็ลุกขึ้นมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น จากนั้นก็พุ่งตัวเปิดประตูออกไปอีกครั้ง
เธอกลัวมากเหลือเกิน ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก เธอจึงปิดประตูห้องอีกครั้ง
กลอเรียดึงลูกบิดอย่างสุดแรง จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนดังออกมาจากในห้องไม่หยุด เอลลีเอาแต่ตะโกนอยู่ว่า ‘กลอเรีย! กลอเรีย!! กลอเรีย!!’
ใช่แล้ว ตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยเสียงแหลมบ้าคลั่ง
กลอเรียอุดปากตัวเองไว้ ทั้งที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาจากความตื่นกลัว จนกระทั่งเสียงในห้องเงียบไป กลอเรียถึงได้เรียกสติคืนมาทันที
คราวนี้เธอไม่กล้าเปิดประตูห้องอีกครั้ง และเหมือนกลัวจนล้มลุกคลุกคลาน เธอคิดจะหนีไปจากที่นี่ ในที่สุดเธอก็ยันตัวเองไปข้างหน้า คลำตามกำแพงมาจนถึงหน้าบันได แล้วก็ค่อยๆ ประคองตัวลงบันไดไป
ในห้องรับแขก แสงโคมไฟอบอุ่นละมุน
เจ้าของบ้านพักแห่งนี้ คุณสาวใช้ที่ทำงานที่นี่ อเล็กซ์นักเดินทางแปลกๆ ที่มาเยือนโดยไม่คาดคิด รวมทั้งสาวน้อยลีน่า กำลังนั่งล้อมโต๊ะชาในห้องรับแขกอยู่ในตอนนี้
พวกเขากำลังมองดูเธอ…มองดูเธอที่ค่อยๆ ก้าวขาอันสั่นเทาเดินลงมา
“รีบหนีออกไปจากที่นี่!”
กลอเรียพุ่งลงบันไดมา ท่าทางของเธอสะเปะสะปะ จนเกือบจะเหยียบบันไดพลาดแล้ว แต่ในที่สุดเธอก็เดินลงมาได้สำเร็จ แล้ววิ่งพุ่งไปที่พวกเขา
“รีบหนีสิ! เร็วเข้า!! มีปีศาจ!!” กลอเรียชี้ไปชั้นบนอย่างตื่นกลัว
“ไปสิ!” กลอเรียคว้าแขนลั่วชิวอย่างรีบร้อน ด้วยคิดอยากจะดึงตัวเขาขึ้นมาจากเก้าอี้
ลั่วชิวปล่อยให้เธอดึงตัวเขาขึ้นมา แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ไม่ทราบว่า…ตอนนี้คุณเป็นใครครับ?”
กลอเรียอึ้งไป
ลั่วชิวพูดอย่างเฉยเมยว่า “เลห์แมน? ไรอัน? กลอเรีย? หรือว่าเอลลีครับ?”
“คุณพูดอะไรน่ะ?” กลอเรียปล่อยแขนลั่วชิว “ฉันคือกลอเรียน่ะสิ! ฉัน…ฉันคือกลอเรีย? ไม่ใช่ ฉัน…ฉันคือ…ฉันคือ…”
เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา แล้วย้อนถามตัวเอง “…ฉันเป็นใคร?”
…
เธอมองดูเหตุการณ์ตรงหน้านี้
แล้วก็เห็นสาวน้อยยืดคอไปกระซิบข้างหูโยวเย่ แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “พี่โยวเย่คะ ทำไมพี่เอลลีถึงเอาแต่พูดกับตัวเองมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะคะ? แปลกจังเลยค่ะ”