สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 73 คืนเงียบสงัด (7)
เอลลียืนกระสับกระส่ายอยู่ในห้องพักอาจารย์เกือบสิบนาทีได้แล้ว แต่อาจารย์กลับไม่เอ่ยปากพูดสักคำ เพียงแค่ก้มหน้ามองกระดาษ A4 พับหนึ่งในมือ
‘นี่คือการออกแบบหลักสูตรของเธอเหรอ’
เธอรู้สึกได้รางๆ ว่าอาจารย์จะพูดแบบนั้นกับเธอ
เป็นไปตามคาด อาจารย์ดันแว่นตาที่อยู่บนดั้งจมูก “อืม เอลลี เธอคงตั้งใจออกแบบหลักสูตรชุดนี้มากสินะ คงใช้เวลาไปไม่น้อยเลยล่ะสิ?”
“ใช่ค่ะศาสตราจารย์ หนูเตรียมเกือบห้าสัปดาห์เลยค่ะ” เอลลีรีบตอบ
“ห้าสัปดาห์เหรอ…อืม ไม่น้อยเลยจริงๆ” อาจารย์พยักหน้าเล็กน้อย แล้ววางบทความในมือลง ก่อนมองเอลลีอย่างผิดหวัง “ในเมื่อมีเวลาตั้งห้าสัปดาห์ ทำไมเนื้อหาส่วนสุดท้ายถึงไม่ละเอียดเหมือนส่วนแรกล่ะ? เธอรู้ไหมว่ามันทำลายความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเธอเลยนะ”
“หนู…”
เอลลีพูดความจริงไม่ได้…ว่าเธอเพิ่งเริ่มทำตอนตีสี่ อีกทั้งความคิดบางอย่างยังรบกวนสมาธิของเธออย่างจัง…ขนาดเธอย้อนกลับมาอ่านเองยังคิดว่าเนื้อหาช่วงสุดท้ายผสมกันมั่วจริงๆ
“เมื่อคืนเธอไปเที่ยวมาใช่ไหม?” อาจารย์ส่ายหน้าพูด “สีหน้าเธอดูไม่ดีเลยนะ ถึงจะไปเปลี่ยนชุดมา แต่เมคอัพหลุดออกหมดแล้ว เธอไม่รู้ตัวเหรอ? แล้วยังกลิ่นเหล้าหึ่งนี่อีก”
“ศาสตราจารย์คะ หนูขอเวลาแก้ไขส่วนสุดท้ายใหม่ได้ไหมคะ? หนูจะทำให้เสร็จวันพรุ่งนี้ค่ะ” เอลลีพูดวิงวอน
ทว่าอาจารย์กลับส่ายหน้าพูดว่า “ขอโทษนะ นักศึกษาเอลลี ตอนแรกอาจารย์ตั้งใจจะส่งผลงานเด่นจากการบ้านครั้งนี้ไปเข้าแข่งขัน อาจารย์อุตส่าห์ให้โอกาสครั้งนี้กับเธอ แต่น่าเสียดาย เธอทำให้อาจารย์ผิดหวังจริงๆ”
“ศาสตราจารย์คะ! เห็นแก่ความขยันที่ผ่านมา ให้โอกาสหนูอีกสักครั้งไม่ได้เหรอคะ? ครึ่งวัน! หนูขอแค่ครึ่งวันค่ะ!”
อาจารย์ยังคงส่ายหน้าตอบว่า “อาจารย์ไม่สนว่าเธอจะมีเหตุผลอะไร แต่ว่า…โอกาสมีเท่าเทียมกัน นักศึกษาคนอื่นก็มีเวลาเท่ากับเธอ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มาขอยืดเวลา เอลลี เธอลองไปคิดดูแล้วกัน ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวอาจารย์มีสอนต่อ ต้องเตรียมของแล้ว”
“ศาสตราจารย์คะ รอเดี๋ยวค่ะ! หนู…”
“นักศึกษาเอลลี อาจารย์ชื่นชมสปิริตของเธอนะ แต่ก่อนหน้านั้น เธอลองกลับไปคิดให้ดี ถ้าเธอคิดว่าการบ้านชิ้นนี้สำคัญกับเธอมาก ทำไมถึงเลือกไปเที่ยวในคืนสุดท้ายล่ะ?”
อาจารย์ถอนหายใจ แล้วลุกยืนขึ้น “แน่นอนว่า อาจารย์ยังเชื่อใจเธออยู่นะ แต่อาจารย์ก็หวังว่า นักศึกษาของอาจารย์จะเป็นคนรู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง”
เอลลีเห็นอาจารย์โบกมือปฏิเสธแบบสุภาพผิดปกติ แล้วชี้ไปที่ประตูห้อง เธอจึงทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมา แล้วเดินออกประตูไปเงียบๆ
เธอรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ได้แต่เดินเหม่อลอยอยู่บนระเบียงทางเดินเพียงลำพัง
“เอลลี เอล เอลลี…”
จู่ๆ ก็มีคนตบบ่าเธอ เอลลีจึงเงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่ง…เขาเอง ไรอัน
แล้วไรอันก็ถามด้วยท่าทางเป็นห่วง “เธอเป็นอะไรไป? ทำไมสีหน้าแย่แบบนี้? แล้วนี่…เธอยังไม่ได้นอนใช่ไหม?”
“ฉันไม่เป็นไร ขอฉันอยู่เงียบๆ คนเดียวได้ไหม?” เอลลีพูดอย่างเฉยเมย
“แต่เอลลี พวกเรา…” ไรอันคิดจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่เอลลีกลับพูดขัดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เรื่องเมื่อคืน…ลืมมันไปเถอะ พวกเราโตกันแล้ว เรื่องแบบนั้นช่างมันเถอะ”
เมื่อคืนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไม่นึกเลยว่าเธอจะรีบให้ไรอันพากลับ แต่ดันไม่ได้กลับไปที่หอพักทันที ทว่าเริ่มดื่มเหล้าด้วยกันสองคนที่สวนสาธารณะใกล้ๆ
พอตื่นขึ้นมาอีกที ทั้งสองก็นอนกอดกันกลม…เธอรู้สึกว่าร่างกายส่วนล่างแปลกๆ เล็กน้อย จึงรู้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรหลังจากเมาหลับไป
ไรอันมองเอลลีจากไป ก็ยังอดกลุ้มใจไปไม่ได้
…
“บ๊ายบาย ที่รัก”
กลอเรียกับเลห์แมนจูบกันอย่างดูดดื่ม ในขณะที่เอลลีกับไรอันที่ดูปกติอย่างเห็นได้ชัด
“งั้น…เจอกันพรุ่งนี้”
“อืม เจอกันพรุ่งนี้”
เอลลีกับไรอันแค่ก้มหัวให้กันเล็กน้อย แล้วแยกกันที่ใต้ตึกหอพัก
หลังจากกลอเรียเห็นท่าทางของทั้งสองแล้ว เธอก็เอาหน้าไปซุกไว้บนบ่าของเอลลี แล้วถามทันทีว่า “เธอเย็นชากับไรอันเกินไปหรือเปล่า? ดูไม่เหมือนคู่รักเลยสักนิด หลังจากปาร์ตี้ครั้งที่แล้ว ก็ใกล้จะเดือนหนึ่งแล้ว วันนั้นอยู่ๆ เธอก็มาบอกฉันว่าคบกับไรอันแล้ว ฉันก็นึกว่าเธอจะเริ่มสนใจเรื่องพวกนี้แล้วซะอีก”
“ไม่ใช่ทุกคนจะร้อนแรงได้อย่างเธอนี่” เอลลีพูดอย่างเฉยเมยว่า “แล้วไรอันก็ไม่ใช่เลห์แมน เร่าร้อนเกินไปก็ไม่ใช่เขา เธอไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”
กลอเรียกลับไม่ได้โต้แย้งเรื่องนี้ “ก็จริง แต่…ไรอันดูน่าสงสารมากๆ เลยนะ เอลลี เพื่อนรักของฉัน ฉันขอแนะนำเธอหน่อยแล้วกัน ถ้าเย็นชามากเกินไป ความรักที่เธอเก็บเกี่ยวมาได้ยากก็จะหลุดลอยไปนะ”
“ขึ้นตึกกันเถอะ ฉันอยากอาบน้ำ” เอลลีพูดขัด เพราะไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก
“อ้อ เธอขึ้นไปก่อนเลย ฉันเพิ่งนึกได้ว่าลืมซื้อของนิดหน่อย”
เอลลีไม่ได้ใส่ใจ แต่กลับลากสังขารที่เหนื่อยล้ากลับไปยังห้องพัก เธอนั่งลงพลางคิดว่า คะแนนช่วงนี้เหมือนจะน้อยลงเรื่อยๆ
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?
เธอเกาหัว ไม่สบายใจอยู่พักหนึ่ง…แต่ไม่นานเธอก็สูดลมหายใจลึกๆ ให้ตัวเองใจเย็นลง แล้วย้ำเตือนตัวเองว่า เธอจะเป็นแบบนี้ต่อไปได้แล้ว
“เรียน”
เอลลีพึมพำเบาๆ คำหนึ่ง แล้วจึงเปิดหนังสือเรียนบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว…แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนขาดบางอย่างไป
“สมุดจดบันทึก…สมุดจดบันทึกที่ให้กลอเรียยืมไปเมื่อวาน” เอลลีส่ายหน้า แล้วรีบโทรหากลอเรีย
“มีอะไรเหรอที่รัก?”
“สมุดจดที่ฉันให้เธอยืมเมื่อวานล่ะ ฉันจะใช้แล้ว”
“เอ่อ…ขอฉันคิดแป๊บนะ เหมือนจะวางไว้ในลิ้นชักอันแรกทางด้านซ้าย…เดี๋ยว ฉันจำผิด ไม่ได้อยู่ในลิ้นชัก แต่อยู่ในกระเป๋าหนังสือของฉัน เธอรอฉันกลับไปก่อนนะ ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ อย่าเพิ่งเปิด……”
“ฉันเห็นสมุดจดแล้วก็…”
“เธอ เธอเห็นอะไร?” เสียงกลอเรียเริ่มตื่นตระหนก
“จดหมายแจ้งเข้ารอบการแข่งออกแบบหลักสูตรครั้งที่แล้ว ทำไมไม่บอกฉัน?”
“เอลลี ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่รู้ว่าศาสตราจารย์จะเลือกผลงานของฉัน…ฉันไม่รู้เบื้องหลังการออกแบบหลักสูตรครั้งนี้มาก่อนว่าจะ…อีกอย่าง ฉันก็แค่เข้ารอบเท่านั้น ยังไม่ได้รางวัลสักหน่อย…” กลอเรียพูดอย่างขัดเคือง
“เธอคิดว่าฉันจะเศร้าเหรอ?” เอลลีพูดด้วยน้ำเสียงสบายใจเป็นพิเศษ “โง่จริงๆ เธอเข้ารอบได้ ฉันก็ต้องดีใจแทนเธอสิ! รีบกลับมาเถอะ!”
“จริงเหรอ? โอ้! เอลลีฉันรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนรักของฉัน! รอแป๊บนะ ฉันจะซื้อเบียร์กลับไปสักหน่อย แล้วพวกเรามาฉลองกัน โอเคไหม?” กลอเรียพูดอย่างโล่งอก “เธอไม่รู้หรอก หลายวันมานี้ฉันหลับไม่สนิทเลย ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้กับเธอยังไง! ตอนนี้โอเคแล้ว! เธอรอหน่อยนะ! ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้!”
“โอเค…ที่รัก”
ตู๊ด!
เอลลียิ้มค้างพร้อมกับวางหูโทรศัพท์ จากนั้นก็วางซองจดหมายกลับเข้าไปในลิ้นชัก ทั้งที่ยังยิ้มค้าง แล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง
ทันใดนั้น เธอก็ปัดทุกอย่างบนโต๊ะลงพื้นทันที จากนั้นก็กรีดร้องเสียงแหลม ใช้มือทั้งสองข้างดึงผมตัวเองแรงๆ
แล้วน้ำตาก็เริ่มไหลอาบแก้ม
…
…
“ฉันเป็นใคร…ฉันเป็นใคร…ฉันเป็นใคร?”
เธอกัดนิ้วของตัวเองราวกับตึงเครียดอย่างมาก แล้วเดินเซไปเซมา ทั้งดวงตายังเบิกกว้างอยู่ภายใต้ผมอันยุ่งเหยิง
ทันใดนั้นเธอก็หันหน้ามาพร้อมกับดวงตาเบิกกว้าง แล้วมองไปทางลั่วชิว “ฉันคือกลอเรีย…เมื่อกี้ เมื่อกี้นี้ เอลลีจะฆ่าฉัน! เธอจะฆ่าฉัน!”
เธอรีบเดินเข้าไปข้างตัวลั่วชิว แล้วออกแรงดึงแขนของเขาไว้แน่น “เธอบีบคอฉัน! คุณดูสิ!”
เธอดึงคอเสื้อของตัวเองให้เปิดออกอย่างแรง จนเห็นรอยนิ้วชัดเจนรอบคอ
“บีบแรงจริงๆ ด้วย”
ที่เห็นไม่ได้มีแค่ลั่วชิว แน่นอนว่ายังมีอเล็กซ์ รวมถึงโยวเย่ที่กำลังอยู่เป็นเพื่อนสาวน้อยด้วย อเล็กซ์เห็นภาพนี้ก็เดินเข้ามาคล้ายจะดูให้ชัดเจนพ
เธอมองเห็นอเล็กซ์ใกล้เข้ามา ก็รีบถอยหลังอย่างตื่นกลัวไปสองก้าวทันที แล้วชี้นิ้วไปทางอเล็กซ์ พร้อมพูดอย่างสติแตก “เป็นเขา! ที่ฆ่าคนไป! ฆ่าคนแล้ว! ไรอันตกลงไปในหลุม! ตอนที่ผมจะดึงเขาก็เจอศพของคุณนายแม็กกี้! อยู่ๆ เขากับคุณนายแม็กกี้ก็หายไปกะทันหัน! จากนั้นก็…ต้องเป็นเขาแน่ๆ! ต้องเป็นเขาแน่ๆ!”
“ตอนนี้คุณคือเลห์แมนเหรอครับ?” ลั่วชิวเอ่ยถามอีกครั้ง
เธออึ้งไป แล้วส่ายหัวปฏิเสธ “แต่…ผมตกลงไปในหลุม แล้วเจอศพคุณนายแม็กกี้! เลห์แมนคิดจะดึงผมขึ้นมา! เขายังหาว่าผมซื่อบื้อด้วย! เขากล้าหาญมาก แต่ก็ตกใจไปเพราะผมแล้ว!”
อเล็กซ์หรี่ตาลง “แต่เมื่อกี้นี้คุณ…บอกว่าตัวเองเป็นกลอเรียไม่ใช่เหรอครับ?”
“กลอเรีย…กลอเรีย…” เธอร้องเสียงแหลมอีกครั้ง ก่อนดึงผมตัวเอง แล้วพูดด้วยท่าทางตกใจยิ่ง “กลอเรีย! เมื่อกี้นี้กลอเรียจะฆ่าฉัน! เธอบีบคอฉัน! พวกคุณดูสิ! พวกคุณดู!”
“เมื่อกี้นี้คุณไม่ได้บอกว่า เอลลีคิดจะฆ่าคุณเหรอครับ?”
“เอลลี…เอลลี…ใช่ เธอคิดจะฆ่าฉัน…” เธอพูดอย่างเซ่อซ่า ทันใดนั้นเอง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปดูเจ็บปวดทันที แล้วฉับพลันก็พูดอย่างตกใจกลัวสุดขีด “รีบไป! รีบหนีไป! เอลลี! รีบหนีไป! กลอเรีย! รีบหนีไป!!”
เธอปัดป่ายมือไปมา แล้วตะโกนร้องอีกครั้ง “กระโดดลงไป! พวกเรากระโดดลงไปจากตรงนี้…เร็ว!!”
แล้วเธอก็ตะโกนร้องอีก “ไม่ได้…ฉันกลัว! ฉันกระโดดไม่ได้!”
ฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นร้องตกใจ “อ๊า! มันตามมาแล้ว!!”
“มันคือตัวอะไร”
“กระเป๋าหนัง! กระเป๋าหนังใบใหญ่!! มือ! มือยื่นออกมาจากข้างในแล้ว! ปีศาจ! ดวงตา! ฉันเห็นตาของมัน! แขน! แขนสองข้าง…ไม่ สามข้าง! มัน… มันกินแขนของไรอันเข้าไปแล้ว!”
“กระเป๋าหนังวางอยู่ตรงนั้นไม่ใช่เหรอครับ? คุณผู้หญิง?”
“กระเป๋าหนัง…”
เธอมองไปตรงมุมห้องทันที แล้วก็ปล่อยมือที่จับผมเอาไว้ ก่อนพึมพำกับตัวเองว่า “ทำไมมันยังอยู่ตรงนี้…ทำไมมันยังอยู่ตรงนี้…”
เธอก้าวถอยหลังไปทีละก้าว แล้วก็เห็นลั่วชิว อเล็กซ์ โยวเย่และยังมีเด็กน้อยลีน่าตรงหน้ามองเธอด้วยท่าทางแปลกๆ
พวกคุณ…ทันใดนั้นเธอก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะพวกเขาที่อยู่หน้าเธอตอนนี้ตาขาวหายไปหมดแล้ว เหมือนซากศพแห้งๆ พวกเขา…
“คุณเป็นใคร?”
“คุณเป็นใคร?”
“คุณเป็นใคร?”
“คุณเป็นใคร?”
พวกเขากำลังถามเธอไม่หยุด