สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 77 ในใจทุกคนมีปีศาจทั้งนั้น
อยู่ๆ ก็มีเสียงกระซิบข้างหู ‘ฆ่าเธอ’
ตอนรุ่งสาง เอลลีก็รู้สึกหนาววูบ เธอจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา ที่แท้กลอเรียเปิดหน้าต่างหอพักให้ลมเย็นพัดเข้ามา
แล้วกลอเรียก็หยิบเสื้อตัวหนึ่งมาคลุมไว้บนตัวเอลลี พร้อมพูดอย่างตกใจ “สวรรค์ เธออดนอนมาทั้งคืนเลยเหรอ!”
เอลลีกระชับเสื้อที่อยู่บนตัวไว้แน่นทันที แล้วถามกลับไปว่า “เธอ…ไม่ได้ยินเสียงอะไรเหรอ?”
“เสียงเหรอ? เสียงอะไร?” กลอเรียถามด้วยสีหน้างงงัน
เอลลีได้ยินก็ตะลึงไป ก่อนส่ายหน้าเหมือนไม่มีอะไร จากนั้นมองกระจกด้านข้างอย่างเผลอไผล ก็เห็นว่าสีหน้าของเธอในกระจกดูซูบเซียวไปมาก ฉับพลันก็เหลือบไปมองกลอเรียข้างๆ อีกครั้ง
สาวงามสดใสชวนให้หวั่นไหว
“เอลลี? เธอไม่สบายหรือเปล่า?” กลอเรียถามอย่างกังวล “บอกฉันมาเถอะ เธอไม่สบายตรงไหน?”
“เปล่าหรอก” เอลลีจำใจส่ายหน้าจริงใจ
“เธอมีเรื่องในใจหรือเปล่า?” กลอเรียจับบ่าเอลลีเบาๆ แล้วก้มหน้าลงมาพูด “ไข้ใจเหรอ? เกี่ยวกับไรอัน? เธอบอกฉันได้นะ พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่”
“เพื่อนสนิท…” เอลลีพึมพำเบาๆ หนึ่งคำ พร้อมกับมองตัวเองและกลอเรียในกระจก
ตอนที่ใบหน้าทั้งสองแนบชิดกัน เธอก็รู้สึกว่าใบหน้าของกลอเรียดูผิดปกติไป…เธอรู้ดีว่ากลอเรียไม่ได้แปลกไปตรงไหน แต่ทำไมกลอเรียที่เธอเห็นในกระจกถึงน่ากลัวแบบนี้?
เหมือนปีศาจ?
“กลอเรีย…ถ้า ถ้าหากวันหนึ่ง ฉันทำร้ายเธอ เธอจะว่ายังไง?” เอลลีโพล่งถามตรงๆ
ทว่ากลอเรียกลับยักไหล่ พร้อมพูดอย่างมั่นใจ “แล้วทำไมเธอต้องทำร้ายฉันด้วยล่ะ?”
ในใจฉันมี…ปีศาจสิงอยู่ไงล่ะ
…
ตอนนี้แยกแยะไม่ออกแล้ว จินตนาการกับความจริง อันไหนเป็นเรื่องจริงกันแน่
ที่นี่คือที่ไหน? คับแคบ มืดสนิท…พอตื่นขึ้นมาอีกทีกลางดึก ตัวเองก็มาอยู่ในที่แบบนี้แล้ว
พวกเขาบอกว่า มอบพื้นที่นี้ให้กับโรงพยาบาล จริงสิ บนกำแพงบุผ้านวมนุ่มๆ ไว้เต็มเลย เอลลีลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก่อนมองเสื้อผ้าตัวเองด้วยแววตาสงสัย
ทำไมถึงเป็นชุดแบบผูกล่ะ?
จริงสิ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลจิตเวชนี่นา
เธอลืมไปแล้วว่าตัวเองเข้ามาอยู่ที่นี่นานเท่าไร…แล้วเข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไรกันแน่? เธอลืมไปหมดแล้ว
แม้ว่าจะนึกเรื่องก่อนหน้านี้ออกบางครั้ง แต่เธอก็แยกไม่ออกว่า…นั่นเป็นความฝัน จินตนาการ หรือว่าเกิดขึ้นจริงกันแน่
บางครั้ง ผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าหมอก็จะเข้ามาพูดคุยกับเธอ ผู้ชายคนนั้นบอกว่า ในใจคนทุกคนมีปีศาจอยู่ทั้งนั้น แต่ว่าปีศาจไม่ได้น่ากลัว แต่ถ้าคุณยิ่งวิ่งหนีมัน มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
สุดท้ายวันหนึ่ง มันจะกลืนกินตัวคุณไปโดยสิ้นเชิง
เป็นแบบนี้งั้นเหรอ? เวลาที่อยู่ในห้องเงียบๆ เอลลีจะชอบเงยหน้ามองหน้าต่างเหล็กบานเล็กๆ บานหนึ่ง พร้อมกับพึมพำว่า เป็นแบบนี้งั้นเหรอ
จริงสิ นี่คือที่ไหน? กลอเรีย? ไรอัน…เลห์แมน…พวกเธออยู่ที่ไหน?
ภายในห้องแคบๆ เอลลีได้แต่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง พร้อมมองภาพหลอนของไรอัน เลห์แมน และกลอเรียที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาคนแล้วคนเล่า…กลายเป็นปีศาจล้อมรอบตัวเธอ
“ออกไป!”
…
…
ในใจคนทุกคนมีปีศาจอยู่ทั้งนั้น
เงาต้นไม้นอกหน้าต่างรถผ่านไปอย่างรวดเร็ว…มันมืดมาก มืดจนเหมือนผ้าสีดำผืนหนึ่งต่อกันเป็นทางยาว
ที่นี่คือ…บนรถ?
ไม่ใช่ที่แคบๆ นั่นเหรอ?
เอลลีพิงหน้าต่างรถอยู่เงียบๆ ในใจรู้สึกว่าชีวิตตัวเองเป็นเหมือนน้ำเสียในท่อระบายน้ำ ทั้งยุ่งเหยิง…แล้วยังห่วยแตกอีกต่างหาก
เธอไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่บนรถนี้ได้อย่างไร…แต่ดูจากเครื่องแบบของคนขับรถแล้ว นี่คงจะเป็นรถตำรวจสินะ
ในใจคนทุกคนมีปีศาจอยู่ทั้งนั้นเหรอ?
น่ารังเกียจ
ขณะที่เอลลีถูกมัดไว้กับต้นไม้…เธอก็รู้ว่าตำรวจสองคนนี้คิดจะทำอะไรกับเธอ แต่…นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?
หรือว่าเป็นแค่ฝันร้ายตื่นหนึ่ง?
เธอแยกไม่ออกอีกแล้วว่านี่เป็นเพียงจินตนาการของตัวเอง หรือตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จริงๆ กันแน่ อยู่ที่นี่เหรอ? ไม่ได้อยู่ในห้องแคบๆ นั้นเหรอ?
แต่แล้วก็สัมผัสได้ว่านี่เป็นความจริง
พวกน่ารังเกียจ…ปิดตาแล้วจะรู้สึกดีขึ้นเหรอ?
อ๊า เกลียด…ไม่ชอบแบบนี้!
ในใจคนทุกคนมีปีศาจอยู่ทั้งนั้น…ปีศาจหน้าตาอัปลักษณ์…ได้โปรดกลืนกินฉันเถอะ อะไรจริงเท็จไม่อยากรู้อีกต่อไปแล้ว
ปล่อยให้ปีศาจ กลืนกินฉันทีเถอะ
เธอเงียบสงบคล้ายไม่รู้สึกแม้กระทั่งการกระทำรุ่มร่ามของตำรวจ…แต่เธอกลับกรีดร้องอยู่ภายในใจ
เนื่องด้วยอาการของโรคฮิสทีเรีย
‘สุขภาพ สติปัญญา มิตรภาพ ความรัก…แม้กระทั่งดวงวิญญาณก็เป็นกำไรทั้งนั้นครับ’
คำพูดนี้เอาแต่วนอยู่ในหัวของตัวเธอ เหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหน…ใช่แล้ว เธอเคยเจอคนแปลกๆ ที่พูดเรื่องพิลึกแบบนี้เอาไว้
เป็นความจริงใช่ไหม…แต่ไม่ว่าเป็นความจริงหรือไม่ นาทีนี้…
ออกไป! จากตัวฉัน! อย่ามาโดนตัวฉัน!
ในใจคนทุกคนมีปีศาจอยู่ทั้งนั้น อัปลักษณ์…อัปลักษณ์
ได้โปรดให้ฉันกลายเป็นปีศาจที
แบบนี้ฉันก็ไม่ต้องแยกแยะความจริงกับจินตนาการอีกแล้วใช่ไหม?
ก็เหมือนกับปีศาจไร้หัวใจในนิทานเรื่องนั้น…หากไม่มีหัวใจ ทุกคนก็จะกลายเป็นปีศาจ
‘ได้ลิ้มรสเลือดสดๆ แล้ว’
พอได้เห็นตำรวจสองนายนี้หวาดกลัวจนหนีกระเจิง…ว้าว นี่คงเป็นเรื่องจริงสินะ?
แต่ช่างมันเถอะ
เพราะ…ฉันกลายเป็นปีศาจไปแล้ว
เลือดอุ่นๆ ราวกับสายน้ำไหลเวียนลงมาถึงฝ่ามือ จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ประทับมือเปื้อนเลือดไปบนม้วนหนังแกะที่กำลังออกช้าๆ ผืนนี้
…
…
“เจ้าของบ้านพักนี้เป็นคนดีจริงๆ”
มาร์กซ์มองดูภรรยาที่กล่อมลูกสาวตัวน้อยให้หลับไป แล้วเดินเข้ามาด้วยท่าทางผ่อนคลาย พร้อมกับโอบไหล่ของภรรยา แล้วพูดเสียงเบาว่า “ลำบากคุณแล้ว”
คุณนายแม็กกี้ทำท่าห้ามส่งเสียง จากนั้นก็ออกจากห้องไปพร้อมสามี คุณนายแม็กกี้รู้สึกขนลุกอยู่บ้าง เธอกอดแขนตัวเองแล้วพูดเบาๆ ว่า “พอฟ้าสว่าง พวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะ…อยู่ที่นี่แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลยค่ะ”
มาร์กซ์พยักหน้า “ผมก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะพูดยังไง สร้างบ้านพักตากอากาศในที่แบบนี้…อืม เด็กวัยรุ่นคู่นี้ชวนให้รู้สึกแปลกๆ ตลอดเวลาเลย”
“แผลของคุณหายหรือยังคะ?” คุณนายแม็กกี้ยื่นมือไปสัมผัสบาดแผลบนหน้าผากสามีเบาๆ แล้วพูดตำหนิ “คุณก็จริงๆ เลย ตอนที่ถูกทำร้าย จะร้องเสียงดังหน่อยไม่ได้หรือไงคะ? ถ้าฉันได้ยินละก็ คุณคงไม่ถูกตีสลบ แล้วทิ้งไว้ในหลุมแบบนั้นหรอก”
มาร์กซ์ยักไหล่ตอบกลับไป “ในสถานการณ์แบบนั้น ผมต้องนึกถึงความปลอดภัยของลีน่าก่อน หรือว่าไม่จริง? ใครจะรู้ว่าเธอมีพวกมาอีกหรือเปล่า? ถ้าคุณลงรถมาด้วย แล้วเหลือลีน่าอยู่บนรถคนเดียว ถึงตอนนั้นคง…”
“ก็จริงค่ะ” คุณนายแม็กกี้พยักหน้าจนใจ “เอาล่ะ ช่างเถอะค่ะ คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ คืนนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนลีน่า…”
สีหน้าของคุณนายแม็กกี้เปลี่ยนไป คล้ายกำลังตกใจกับบางอย่าง จนเธอถอยกรูดไปติดกำแพง
“เป็นอะไรไป?”
มาร์กซ์เห็นท่าทางแปลกๆ ของภรรยาก็รีบถามด้วยความตกใจ
คุณนายแม็กกี้กลับค่อยๆ ยกแขนสั่นระริก แล้วชี้ไปที่หน้าต่างของระเบียงทางเดิน พร้อมกับพูดด้วยความตกใจและลังเลว่า “เมื่อกี้นี้…มีอะไรเดินผ่านไปหรือเปล่าคะ?”
มาร์กซ์หันหลังกลับไปมองนอกหน้าอันมืดสนิท “ไม่เห็นมีอะไรเลย คุณเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า หรือว่าตาฝาด? สงสัยคงเป็นเงาของใบไม้ล่ะมั้ง”
“ก็จริงค่ะ” คุณนายแม็กกี้นวดหว่างคิ้ว ก่อนดันสามีของตัวเองเบาๆ “คุณไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ตื่นมายังต้องขับรถอีก”
มาร์กซ์มองคุณนายแม็กกี้เดินเข้าห้องไปนอนเป็นเพื่อนลูกสาว ก่อนเอียงคอเพื่อคลายความปวดเมื่อย แล้วเดินกลับห้องที่ห่างกันเพียงกำแพงกั้นเท่านั้น
หลังจากปิดประตูเข้ามาในห้องแล้ว มาร์กซ์ถึงได้ขมวดคิ้วแน่น กัดฟันพร้อมกับสูดอากาศเย็นๆ เดินไปหน้ากระจกเนิบช้า ก่อนเลิกเสื้อขึ้น แล้วถกกางเกงลงมาเล็กน้อย
“ยัยผู้หญิงบ้านี่”
เห็นเป็นบาดแผลสีแดงเข้มหลายรอยบริเวณใต้ท้องลงมาหลายนิ้ว เหมือนถูกอะไรขุดออกมาอย่างไรอย่างนั้น
มาร์กซ์ก้มหน้า ก่อนใช้นิ้วมือแตะไปบนรอยแผลเบาๆ สังเกตรอยลึกของพวกมัน แต่กลับไม่ได้สังเกตในกระจกเลยว่า
ด้านหลังเขา…มีดวงตาสีแดงดุดันคู่หนึ่งจ้องมองมา