สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 79 ไม่มีใครน่าสงสารไปกว่ากันเลย
เด็กสาวเดินวนไปวนมาในห้องแคบๆ นี้สักพักแล้ว
ห้องเล็กมากจนเด็กสาวเดินได้เพียงสามก้าว ก็ต้องหมุนตัวเดินกลับไปอีกด้านหนึ่งของ ‘ห้อง’ นี้
เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา
“เธอ เธอเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วคะ?”
นอกหน้าต่างกระจกบานเล็กๆ ของห้องนั้น กลอเรียปิดปากตนเองเบือนหน้าหนี ไม่อาจทนดูภาพตรงหน้าได้อีก
“หลายสัปดาห์แล้วล่ะ ดูเหมือนว่าอาการของเอลลีจะหนักขึ้นเรื่อยๆ หมอก็เลยต้องยื่นขอห้องแบบนี้ให้เธอ”
กลอเรียหน้าซีดลงเล็กน้อย เพราะเธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพราะแผลแทงที่ท้องทำให้เธอต้องนอนโรงพยาบาลไปนานมาก
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้…” กลอเรียซบบนบ่าของเลห์แมน ร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ ด้วยความเศร้าเสียใจ
เลห์แมนถอนหายใจ ลูบแขนของตนที่ยังหลงเหลือความเจ็บปวดเล็กน้อยจากแผลถูกฟัน ก่อนหน้านี้เขาถูกฟันเข้าที่แขนข้างนี้เป็นแผลลึก หมอบอกว่าโดนเส้นเอ็นและกระดูก ถึงแม้ว่าจะเย็บต่อกันได้ แต่คงกลับมาใช้การไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนเดิม “ฉันบอกแล้ว เธอไม่น่ามาเลย”
กลอเรียได้แต่สะอึกสะอื้นเบาๆ
หมอเคยเห็นอาการแบบนี้มาหลายรูปแบบ จึงไม่สะทกสะท้านกับภาพตรงหน้า “ผู้ป่วยน่าจะอยู่ในสภาวะกดดันมานาน หมอเคยไปตรวจสอบมาแล้ว เหมือนว่าสภาพครอบครัวของเธอจะไม่ค่อยดีนัก อีกอย่างจากการพูดคุยในช่วงนี้ หมอพบว่าคุณเอลลีรู้สึกอิจฉารุนแรงมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับได้ในระดับหนึ่ง เธอจัดอยู่ในประเภทขัดแย้งในตัวเองระหว่างยินยอมและต่อต้าน”
หมอส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พวกคุณน่าจะเข้าใจนะ เมื่อสภาพจิตใจที่ตึงเครียดมานานเกินขีดจำกัดจะเป็นยังไง”
“ทั้งหมดเพราะฉันไม่ดีเอง…ฉันไม่เคยนึกเอะใจเลย” กลอเรียโทษตนเอง เธอมองเอลลีที่อยู่ในห้องผู้ป่วยอย่างเลื่อนลอย “มีครั้งหนึ่งเธอถามฉันว่า ถ้าวันหนึ่งเธอทำร้ายฉัน ฉันจะทำยังไง…ตอนนั้น ถ้าฉันนึกเอะใจละก็…”
หมอกลับถอนหายใจแล้วพูดว่า “คนเรามีความลับในใจกันทั้งนั้น คุณกลอเรีย ถ้าเรื่องนี้กลายเป็นความรู้สึกผิดของคุณละก็ เกรงว่าจะไม่ดีกับตัวคุณเองนัก ปัญหาของคุณเอลลีก็ไม่ได้เพิ่งเกิดวันสองวันนะครับ”
“คุณหมอครับ เอลลี…เอลลี เธอยังกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมครับ?” ไรอันมองหน้าหมอพร้อมเอ่ยถามด้วยความหนักใจ
“หมอตอบคุณไม่ได้หรอก” หมอส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ถึงแม้ยาและการทำจิตบำบัดจะช่วยควบคุมอาการของผู้ป่วยได้ แต่จะกลับมาดีขึ้นได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง”
หมอยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปที่หัวใจอย่างเฉยเมย “ในความเห็นของหมอ ผู้ป่วยก็ไม่ได้มีปัญหาด้านระบบประสาท แค่เธอยังไม่ยอมปล่อยวางเรื่องในนี้”
พวกเขาทั้งสามมองคนที่อยู่ในห้องนั้นอย่างเหม่อลอย
กลอเรียจ้องเธอ “ตอนที่ฉันเจอเอลลีครั้งแรก เป็นวันแรกที่ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ข้างๆ บ้านเธอ ฉันยังจำได้ว่า วันนั้นเธอสวมชุดเดรสนั่งอ่านหนังสืออยู่นอกบ้านคนเดียว ตอนนี้พอนึกย้อนไป เธอเป็นคนเงียบมาก และตลอดหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”
เลห์แมนบีบบ่ากลอเรียจากด้านหลังเพื่อปลอบใจ
กลอเรียยิ้มด้วยสีหน้าซับซ้อน “ตอนแรก เธอก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉัน ทุกครั้งตอนฉันตะโกนเรียกเธอข้ามรั้วไม้มา เธอมักจะวิ่งกลับเข้าบ้านตลอด แต่มีอยู่วันหนึ่ง…”
กลอเรียพยายามหวนนึกถึงเรื่องในวันวาน “มีอยู่วันหนึ่ง จู่ๆ เธอก็เดินมาตรงรั้วไม้ และเป็นฝ่ายเรียกฉันก่อนเป็นครั้งแรก เธอถามฉันว่าอยากเป็นเพื่อนกับเธอจริงๆ หรือเปล่า ถ้าอยากจริงละก็ เธอจะแบ่งคุกกี้ให้ฉันครึ่งหนึ่ง แต่สุดท้าย ฉันก็ห้ามปากของตัวเองไม่ได้”
เลห์แมนรู้ว่านี่ไม่ใช่คำพูดที่กลอเรียกล่าวโทษตนเอง แต่เป็นความทรงจำอันมีค่าที่เธอหวนระลึกถึงในวัยเด็กเท่านั้น
“วันถัดมา ฉันก็หยิบลูกอมจากบ้านมาแบ่งเธอครึ่งหนึ่ง ตอนนั้นพวกเราเป็นแค่เด็กน้อยไร้เดียงสา มีอะไรก็หวังว่าจะได้แบ่งปันกับอีกฝ่าย” กลอเรียพูดเบาๆ “พวกเราเป็นแบบนี้มาสิบกว่าปีแล้ว แต่พอพวกเราโตขึ้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้วสินะ”
กลอเรียมองเอลลีที่อยู่ในห้อง แล้วก็ถามแผ่วเบาว่า “เลห์แมน นายว่า เอลลีกำลังคิดอะไรอยู่?”
ไรอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตอบอย่างไม่แน่ใจ “บางที…อาจจะเป็นโลกในอุดมคติล่ะมั้ง?”
“จะมีพวกเราอยู่ด้วยหรือเปล่า?”
“น่าจะ…”
ฉับพลันเอลลีที่อยู่ภายในห้องก็หยุดนิ่ง แล้วเงยหน้ามองผ่านหน้าต่างลูกกรงเล็กๆ ออกไป ไม่รู้ว่ากำลังมองอะไร
…
…
คุณนายแม็กกี้กำลังวิงวอนแทบขาดใจ เธอขยับตัวไม่ไหวแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ถูกสะบัดกระเด็นไปบนพื้นอย่างแรง
เธอได้แต่มองดูภาพน่าหวาดกลัวตรงหน้า และเอื้อมมือออกไปทางลูกสาวของตน พร้อมทั้งส่ายหน้าอย่างเจ็บปวดราวกับจะขาดใจ
เธอไม่รู้ว่าลูกสาวของตนตกใจจนตะลึงค้างไปแล้วหรือเปล่า ร่างกายของเจ้าตัวประหลาดนี่ ท่าทางจะขวางลูกสาวของเธอเอาไว้แล้ว
ตอนที่มือของปีศาจสาวแตะไปบนใบหน้าของลีน่า ลีน่าก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที แต่อีกฝ่ายก็จับบ่าเธอไว้แน่นไม่ให้ขยับตัว
ลีน่าเงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่ถลนออกจากเบ้า รวมถึงปากที่ฉีกออกจากกัน แต่กลับจำไม่ได้ว่านี่คือพี่สาวที่เล่าตอนจบของนิทานให้เธอฟัง
จากนั้นเด็กหญิงก็เอ่ยถามทั้งที่ยังตื่นกลัวว่า “คุณปีศาจเหรอคะ? แต่ทำไมถึงเป็นผู้หญิงล่ะ?”
เธอที่กลายร่างเป็นปีศาจก้มหน้าลงทันที ดวงตาเบิกกว้างกว่าเก่าเล็กน้อย ค่อยๆ เข้ามาเกือบจะถึงหน้าผากของลีน่าแล้ว
“คุณจะกินลีน่าเหรอคะ?” เด็กหญิงตกใจ เธอกอดหมอนของตนไว้แน่น คล้ายจะร้องไห้ออกมาแล้ว “พี่จะกินหัวใจของลีน่าเหรอคะ?”
แล้วเธอก็เปล่งเสียงพิลึกจากลำคอ
อา…!
“ลีน่าวิ่งเร็ว! เร็วเข้า!”
คุณนายแม็กกี้ตกใจกลัวรีบตะโกนสุดเสียงจากทางด้านหลัง
ขณะเดียวกันนั้นปีศาจสาวก็ใช้มือสองข้างประคองใบหน้าของลีน่า แล้วก็อ้าปากของตนทันที ปากที่กัดกินร่างของตำรวจสองคนมาแล้ว และมีเลือดของมาร์กซ์ติดอยู่กลายเป็นสีแดงสดไปแถบหนึ่ง
ลีน่าหลับตาปี๋พร้อมกับก้มหน้าลงทันที “ไม่กินหัวใจของลีน่าได้ไหมคะ? ลีน่าแบ่งหัวให้ใจคุณครึ่งหนึ่งก็ได้ ลีน่าไม่อยากให้กินหัวใจ ลีน่าไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจอีก แบ่งให้คุณครึ่งเดียวได้ไหม ได้ไหมคะ?”
ลีน่าที่หลับตาปี๋ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วลีน่าก็เห็นว่าคุณปีศาจ…พี่ปีศาจสาวยังไม่ได้กินเธอเข้าไป
แต่วินาทีที่ลืมตาขึ้นมา ดวงตาน่ากลัวของอีกฝ่ายกลับยังมองเธอนิ่ง ลีน่าจึงสะดุ้งตกใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้กลัวจนหลับตาปี๋อีกแล้ว
เด็กหญิงไม่รู้ว่านี่มันตัวอะไรกันแน่
เธอแค่คิดอย่างไร้เดียงสาว่า นี่เป็นคุณปีศาจที่หลุดมาจากในนิทาน คุณปีศาจที่ควักหัวใจออกมาให้เด็กสาวในเรื่องเล่าจนกลายเป็นปีศาจที่ไร้หัวใจ
ทำไมถึงได้กลายเป็นพี่สาวไปได้ล่ะ
ลีน่าไม่เข้าใจในเรื่องพวกนี้เลย
“คุณแม่บอกว่า ถึงคุณปีศาจจะหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ก็จิตใจดีมาก คุณปีศาจจะเก็บผลไม้อร่อยเยอะๆ ไปให้เด็กสาวคนนั้นกิน คุณจำไม่ได้เหรอคะ?” หนูน้อยลีน่ากระชับหมอนในอ้อมกอดแน่นขึ้น “แต่ลีน่าแบ่งหัวใจให้คุณได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้นนะคะ…มากกว่านี้นิดหนึ่งก็ได้ แต่ว่า แต่ว่าจะเอาไปทั้งหมดไม่ได้นะ! ไม่อย่างนั้นลีน่าจะไม่มีหัวใจ แล้วก็จะเป็นเด็กหลงทาง ครึ่งหนึ่งได้หรือเปล่า?”
ได้ไหม?
ในชั่วพริบตานั้นเองเธอผลักลีน่าที่อยู่ใต้เงื้อมมือเธอออกไปให้พ้นทาง แล้วก้มหน้ามองดูมือทั้งสองข้างของตน มองดูรูปร่างตนเองในกระจกข้างๆ ให้ชัดเจน
แล้วก็นิ่งไปโดยพลัน
ลีน่ามองครุ่นคิดอยู่ด้วยความแปลกใจ แต่กลับเห็นพี่ปีศาจสาวพิลึกคนนี้ขยับตัวเดินผ่านเธอไปทันที แล้วก็เดินจากไปทีละก้าว
ในที่สุดก็เดินลงบันไดไป
“ลีน่า! ลีน่า!”
คุณนายแม็กกี้รีบคลานขึ้นมาจากพื้น ในที่สุดก็คลานมาถึงตัวของลูกสาวสักที จึงรีบดึงลูกสาวเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก
เธอลูบใบหน้าลูกสาวด้วยมือที่สั่นเทาทั้งสองข้าง แล้วประคองใบหน้าของลูกขึ้นมามองพิจารณา “ลีน่า! ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม! บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่แล้ว แม่อยู่นี่แล้ว”
“ลีน่าไม่เป็นไรค่ะ” ลีน่าแตะศีรษะของแม่เบาๆ จากนั้นก็พูดว่า “คุณแม่คะ คุณปีศาจจะกลับมาอีกไหมคะ? หนูเพิ่งเห็นคุณปีศาจร้องไห้ น่าสงสารจังเลยค่ะ”
คุณนายแม็กกี้รีบหันกลับไปมองแวบหนึ่ง
มาร์กซ์ยังคงนอนอาบเลือดอยู่ตรงมุมห้อง บางทีเขาอาจจะนอนแน่นิ่งไปตลอดกาลแล้ว
น่าสงสาร?
ใครน่าสงสารกว่ากันล่ะ? จู่ๆ คุณนายแม็กกี้ก็คิดขึ้นมาว่า ‘ไม่มีใครน่าสงสารไปกว่ากันเลย’
…
…
เธอลงมาที่ห้องรับแขกชั้นล่างของบ้านพักหลังนี้ แล้วเดินออกไปนอกระเบียงห้องรับแขกอย่างเผลอไผล ดวงตาทั้งสองเอาแต่มองไปทางทะเลสาบมืดมิดแห่งนี้
“นั่งไหมครับ?”
ตรงระเบียงนั้น ลั่วชิวชี้ไปที่เก้าอี้ข้างตัว แล้วเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา