สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 80 ทะเลสาบก่อนฟ้าสาง
ตรงระเบียง น้ำเย็นลมโชยจันทร์สุกสกาว ลั่วชิวมีสาวใช้นั่งอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนมาช่วงหนึ่งแล้ว แก้วเบียร์บนโต๊ะเล็กก็ดื่มไปได้ครึ่งหนึ่ง
รสขมฝาดๆ แผ่ซ่านไปบนริมฝีปากและตามฟันของลั่วชิว
เขามองเอลลีคล้ายกำลังตอบรับแววตาของเธอยามที่ถูกตำรวจสองนายลากออกไปต่อหน้า
“ตอนนี้…ฉันอัปลักษณ์มากไหม?”
เอลลีเอ่ยถามชายหนุ่มลึกลับอีกครั้งด้วยเสียงแหบพร่า “ตอนนี้ฉันอัปลักษณ์มากหรือเปล่า”
หลังลั่วชิวตรึกตรองอยู่สักพักถึงตอบว่า “หลายเดือนก่อนหน้านี้ ผมเคยเจอที่น่าเกลียดกว่านี้อีก…”
เจ้าของร้านลั่วนึกย้อนไปถึงภาพตอนที่เจอปีศาจผีเสื้อครั้งแรก “ตุ่มหนองขึ้นทั่วตัว บางส่วนก็แตกร้าว วางใจเถอะ อย่างน้อยลักษณะแบบนั้นก็น่ากลัวกว่าคุณในตอนนี้เยอะมาก แน่นอนว่าจากมุมมองของมนุษย์นะครับ”
“จริงเหรอ” เอลลีไม่ได้เหลียวมองลั่วชิว
เธอกำลังมองดูทะเลสาบ พลางพูดเสียงแผ่ว “ฉันนึกภาพไม่ออกเลย ฉันกลัวว่าพอคิดถึงมันแล้ว มันจะมาปรากฏอยู่ตรงหน้าฉัน…ฉันไม่รู้ว่า ด้านไหนเป็นตัวตนที่แท้จริงกันแน่ ฉันเพิ่งเห็นตัวเองในกระจก แต่ไม่รู้ว่านั่นเป็นตัวตนจริงๆ ของฉันหรือเปล่า ถึงอย่างนั้น…”
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง เอลลีถึงพูดต่อแผ่วเบา “ถึงอย่างนั้นก็น่าเกลียดจริงๆ อัปลักษณ์เกินกว่าที่คิดไว้อีก มัน…”
เอลลีก้มหน้า เดินเข้าไปใกล้ขอบระเบียงไม้ แล้วมองดูเงาสะท้อนของตัวเองบนทะเลสาบจากแสงสลัวที่สาดส่องมาจากในบ้าน พูดอีกว่า “มันอัปลักษณ์มากจริงๆ”
“ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?” ลั่วชิวลุกขึ้นยืน เดินมาข้างๆ เอลลี เพื่อดูเงาสะท้อนจากน้ำในทะเลสาบเป็นเพื่อนเธอ
เอลลียื่นมือออกมาชี้ดวงตาในเงาสะท้อนนั้นแล้วพูดว่า “นี่คือความอิจฉาของฉัน คุณดูสิ มันปริออกกลายเป็นความดุร้าย ฉันรู้ดีว่ากลอเรียเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เธอไม่เคยอยากได้อะไรจากตัวฉัน แต่ฉันกลับอดอิจฉาเธอไม่ได้”
เอลลีชี้ปากบนใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวจากเงาสะท้อนนี้อีก “นี่คือการหลอกลวงของฉัน ดูสิมันฉีกออกจากกันอยากหุบก็ทำไม่ได้ ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ชอบไรอัน แต่ที่ผ่านมาฉันกลับไม่เคยบอกเขากับปากตัวเองเลย เอาแต่เสพสุขกับการที่เขาทำดีต่อฉันอยู่เสมอมา ทั้งที่ฉันรู้ตัวว่าเกลียดกลอเรียเข้าไส้ แต่กลับยิ้มแย้มอยู่ตลอด”
แล้วเธอก็ใช้นิ้ววาดวงกลมวงหนึ่งล้อมรอบเงาสะท้อนทั้งหมด สักพักถึงพูดเสียงเบาว่า “นี่ก็คือฉัน…คนเสแสร้ง ขี้อิจฉา…ตัวตนแท้จริงของฉัน”
หลังจากนั้น เอลลีก็เงียบไป
ลั่วชิวยืนเป็นเพื่อนเธออยู่แบบนี้เป็นเวลานาน
ฉับพลันเอลลีก็อ้าปากพูดเสียงเบา “ฉันขอวานคุณเรื่องสุดท้ายได้ไหมคะ? แลกกับทั้งหมดที่เหลืออยู่ของฉัน”
“แน่นอนครับ พวกเราไม่เคยปฏิเสธคำขอของลูกค้าอยู่แล้ว” ลั่วชิวพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันโชคร้ายจริงๆ” เอลลียิ้มขมขื่น ริมฝีปากที่ฉีกออกทำให้รอยยิ้มขมขื่นยิ่งดูน่ากลัว “ฉันทำร้ายคนมามาก แม้กระทั่งตัวฉันเอง…ฉันกลับตัวไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อย…”
เธอหยุดพูดและนิ่งเงียบไป แววตาแตกร้าวแม้จะดุร้ายแต่เหมือนมีแสงวูบวาบแวบผ่านไป “แต่อย่างน้อย ขอให้คนที่ยินดีแบ่งหัวใจครึ่งหนึ่งให้ฉัน ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปดีๆ แล้วกัน”
“ถือว่าตัวคุณเองเป็นเธอใช่ไหม? เข้าใจแล้วครับ” ลั่วชิวพยักหน้าเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ”
เอลลีเหลือบมองลั่วชิว ปากและตาของเธอที่ฉีกขาดออกจากกันไปแล้ว ค่อยๆ ประสานเข้าด้วยกัน
ตอนที่ยิ้มราวกับเธอได้รูปลักษณ์เดิมกลับมาแล้ว
เอลลีหลับตาลง ปล่อยให้ร่างกายร่วงลงไปในทะเลสาบอย่างอิสระ จมดิ่งไปในความมืดมิดของทะเลสาบลึกอย่างช้าๆ
ผิวน้ำยังนิ่งสงบ แต่กลับมีแสงสีชมพูจางๆ สว่างวาบ แล้วก็ลอยช้าๆ ไปตกลงบนฝ่ามือของลั่วชิว
สาวน้อยลีน่ายังกอดหมอนของตัวเอง เดินลงบันไดมาอย่างไร้สุ้มเสียง
สีหน้าของเธอซีดขาวอยู่บ้าง เธอกอดหมอนเดินมาด้วยเท้าเปลือยเปล่า ชุดนอนดูยับกว่าเดิมเล็กน้อย เธอเดินไปข้างๆ ลั่วชิวและโยวเย่ พูดเสียงสลดว่า “พี่ชาย พี่สาว แม่หายไปแล้ว พ่อก็หายไปด้วย พี่รู้ไหมคะว่าพวกเขาไปที่ไหน?”
ลั่วชิวเก็บลูกไฟในมือ แล้วจับมือของลีน่าตัวน้อยขึ้นมา พลางพูดเบาๆ ว่า “พี่พาหนูกลับไปหาแม่ของหนูนะ”
“จริงหรือคะ?”
ลั่วชิวจูงมือลีน่า เดินออกจากประตูไปโดยไม่พูดไม่จา
…
…
ห่างออกมาหลายร้อยกิโลเมตร
บนถนนริมทะเลสาบ รถพยาบาลและรถตำรวจจอดเรียงกัน ข้างหน้ารถทั้งสองคันนี้ ยังมีรถอีกสามคันจอดอยู่ด้วย
รถทั้งสามคันนั้นชนกัน อีกทั้งรอบด้านยังมีเลือดสดๆ หยดเต็มไปหมด ทีมกู้ชีพหลายคนกำลังรีบเคลื่อนย้ายร่างของตำรวจสองนายออกมาจากในรถตำรวจคันหนึ่งจากรถทั้งสามคันที่ชนกันนี้
ทีมแพทย์หนึ่งในนั้นมองตำรวจสองนายที่ถูกเคลื่อนย้ายออกมาแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่หายใจแล้ว ยืนยันการตาย”
ต่อมา พวกเขาก็เคลื่อนย้ายหญิงสาวในชุดนักโทษคนหนึ่งออกมาจากรถยนต์ส่วนตัว แล้ววางตัวเธอลงบนพื้น ก่อนเคลื่อนย้ายร่างของสามีภรรยาคู่หนึ่งและเด็กหญิงคนหนึ่งออกมาจากรถยนต์ส่วนตัวอีกคัน
ตำรวจสองคนตายแล้ว หมอที่ตามรถพยาบาลมากำลังเร่งช่วยชีวิตหญิงสาวในชุดนักโทษคนนี้รวมถึงครอบครัวอีกสามคนด้วย
“หมอ! หัวใจของผู้ชายคนนี้หยุดเต้นแล้วค่ะ!” พยาบาลคนหนึ่งพูดอย่างจำใจ
“หมอ! หัวใจของเด็กผู้หญิงคนนี้ก็หยุดเต้นแล้วค่ะ!”
“ผู้หญิงคนนี้ยังมีลมหายใจอยู่!” พยาบาลอีกคนพูดโพล่งขึ้นมา
แต่หมอไม่ได้ดีใจมากเท่าไร เพราะชีวิตน้อยๆ ในมือเขายังไม่ปลอดภัย…อาการบาดเจ็บของเธอสาหัสมาก!
“อย่ายอมแพ้นะ! ครอบครัวยังรอเธออยู่! อย่ายอมแพ้เด็ดขาด!!”
หมอพูดเสียงดัง ปั๊มหัวใจให้เด็กน้อยอยู่ตลอด เขาออกแรงพร้อมกับกดหน้าอกของเด็กน้อยเป็นจังหวะ แล้วตะเบ็งเสียงพูดว่า “ฟังนะ หนูน้อย! ฟื้นขึ้นมาสิ! ฉันรู้ว่าเธอเข้มแข็ง! เด็กน้อยฟังฉันนะ เธอยังต้องเข้าเรียน ยังต้องรู้จักเพื่อนอีกมากมาย เธอยังมีชีวิตสมบูรณ์แบบรออยู่ อย่าหยุดอยู่ตรงนี้ เด็กน้อย! หายใจสิ ได้โปรด…”
…
ข้างถนนหลวง อเล็กซ์กำลังหลับตาพริ้ม พร้อมกับแสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้มยิ่ง
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
“ดูแล้วคุณอเล็กซ์คงได้กินมื้อหลักไปแล้วใช่ไหมครับ”
“ดูแล้วเจ้าของร้านลั่วชิวคงได้ทำธุรกิจชั้นดีไปแล้วสินะครับ”
เขาเหลียวหลังกลับมามองลั่วชิว
เจ้าของร้านลั่วกำลังจูงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในมือ แต่ลั่วชิวกลับไม่ได้มองเธอ เพียงแค่มองที่เกิดเหตุตรงหน้า อเล็กซ์เห็นก็ยิ้มเก้อ
เขาถอดหมวกออก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “เชื่อผมสิ นี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย คุณเอลลีที่กำลังขับหนีรถตำรวจชนเข้ากับรถคุณมาร์กซ์ที่ทางสามแพร่งนี้ แล้วรถตำรวจโชคร้ายที่อยู่ข้างหลังก็หลบไม่พ้นเหมือนกัน”
อเล็กซ์หรี่ตาพูด “ผมเห็นก็รีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที แต่ก็อย่างที่คุณเห็น คนพวกนี้วิญญาณออกจากร่างไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ” ลั่วชิวพูดแบบไม่ใส่ใจ
แล้วลั่วชิวก็ก้มหน้า ตบบ่าของหนูน้อยลีน่าเล็กน้อย แล้วพูดเสียงแผ่วเบา “ควรกลับไปได้แล้ว แม่หนูกำลังรออยู่นะ”
“พี่ชาย แล้วคุณปีศาจล่ะคะ?” ลีน่าตัวน้อยเดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วหันหน้ากลับมาถามทันที
ลั่วชิวพูดเสียงเบาๆ ว่า “มีปีศาจที่ไหนกัน ปีศาจเกิดจากจินตนาการของเราเอง กลับกันเถอะ ไม่อย่างนั้นจะสายไปนะ”
ลีน่าตัวน้อยพยักหน้า แล้วค่อยๆ เดินไปทางร่างตัวเอง
…
“ได้โปรด…หายใจสิเด็กน้อย! กลับมาเถอะ! ได้โปรด! หาย…ลมหายใจกลับมาแล้ว! กลับมาแล้ว! ออกซิเจน! พยาบาล! ออกซิเจนด่วน!!”
“วิเศษไปเลย! วิเศษไปเลย! สำเร็จแล้ว!”
อเล็กซ์มองดูพวกทีมแพทย์และพยาบาลตรงนั้นโห่ร้องทำท่าเต้นแร้งเต้นกาที่ช่วยชีวิตกลับมาได้อีกครั้ง แล้วเขาก็ใส่หมวกของตัวเองกลับออกไป
เขามองลั่วชิวแล้วพูดว่า “เช่นนั้น ครั้งนี้เป็นการจากลากันจริงๆ แล้วนะครับ เจ้าของร้านลั่วชิว”
เขาค่อยๆ เดินหายลับไปทางต้นไม้ด้านหลังท่ามกลางความมืด
เขาแบกกระเป๋าหนังใบใหญ่เดินทางไปด้วยตลอด แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยหยุดอยู่ที่ไหนนานเกินไป
ลั่วชิวมองไปตามทางที่อเล็กซ์เดินหายไปอยู่เงียบๆ ก่อนส่ายหน้าพลางพูดพึมพำว่า “กินเยอะขนาดนี้ ไม่กลัวจุกเลยนะ”
…
ประโยคนี้คาดว่าอเล็กซ์คงไม่ได้ยิน
เพราะว่าเขาอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรแล้ว ตอนนี้เขาเดินอย่างอารมณ์ดีมาใกล้ริมทะเลสาบที่มืดมิดแห่งนี้แล้ว เขาไม่เพียงแต่ทำงานสำเร็จ ทั้งยังได้กินจนอิ่มอร่อยไปอีกหนึ่งมื้อ
“ผู้สืบทอดของเจ้าของร้านคนก่อนน่าสนใจมากทีเดียว” อเล็กซ์พูดยิ้มๆ แต่ระหว่างที่ยิ้มตัวของเขาก็แข็งทื่อไปโดยพลัน
อเล็กซ์จึงกุมท้องตัวเองในทันที ด้วยใบหน้าเจ็บปวด หลังจากนั้นพักหนึ่ง ถึงได้ทำเหมือนกับหายใจได้ทั่วท้อง
เขามองทะเลสาบที่เงียบสงบแห่งนี้ แล้วฝืนยิ้มพูดว่า “น่าจะใช่…น่ากลัวมากเลย แบบนี้ใจแคบไปหน่อยนะ ปวดจัง…”
บากุ…คุณอเล็กซ์ท้องไส้ปั่นป่วนไปแล้ว
…
…
“นายท่าน เตรียมน้ำร้อนสำหรับอาบน้ำไว้แล้วค่ะ”
คุณสาวใช้เดินเข้ามาจากในความมืด แต่เธอกลับเห็นนายท่านของตัวเองนั่งยองๆ อยู่ข้างถนน
ลั่วชิวเก็บดอกไม้จำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนเพิ่งบานได้ไม่นานจากบรรดาดอกไม้ป่าข้างถนน พอเก็บดอกไม้จนเต็มมือ ลั่วชิวก็ลุกขึ้นยืน
เขากำดอกไม้พวกนี้เดินไปยังที่เกิดเหตุ จนมาหยุดอยู่ข้างตัวเอลลีที่นอนอย่างสงบ
ร่างกายของเธอเย็นเฉียบไปนานแล้ว
ไม่มีลมหายใจ และไม่มีชีวิตแล้ว ตอนนี้เธอดูสงบลงมาก มุมปากยังมีรอยยิ้มน้อยๆ ลั่วชิวรวบมือทั้งสองของเอลลีมาไว้บนหน้าท้องอย่างเบามือ จากนั้นก็วางดอกไม้สดในมือลงไป
“ความจริงคุณเอลลีสวยมากนะคะ” โยวเย่พูดขึ้นขณะอยู่ข้างๆ เจ้าของร้านลั่ว
“เธอก็สวยนะ”
เจ้าของร้านลั่วดูอารมณ์ดีทีเดียว เขาส่งดอกไม้ที่เหลืออยู่ในมือไปให้คุณสาวใช้
“ฉันจะหาที่ไว้ใส่นะคะ” เธอพูดเสียงแผ่วเบา
“กลับเถอะ ฟ้าจะสว่างแล้ว”
…
…
สมัยยังเด็ก
“คุกกี้พวกนี้แม่ฉันทำให้แหละ เพราะว่าฉันเป็นเด็กดีไงล่ะ หอมมากเลยใช่ไหม อยากกินหรือเปล่า?”
“อยากสิ!”
“งั้นฉันแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่ง แต่เธอต้องเป็นเพื่อนกับฉันได้ไหม?”
“อืมๆ!”
“แต่ว่าตกลงแล้วนะ อีกหน่อยถ้าฉันลำบาก เธอต้องช่วยฉันนะ! แน่นอน ถ้าเธอมีเรื่องยากลำบาก ฉันก็จะช่วยเธอเหมือนกัน! ห้ามปิดบังกันนะ! เพราะแบบนี้ถึงจะเรียกว่าเพื่อนสนิทไงล่ะ! เธอจะเป็นเพื่อนสนิทกับฉันไปตลอดชีวิตไหม?”
“ได้สิ! ฉันชื่อกลอเรีย เธอล่ะ?”
“เอลลี ฉันชื่อเอลลี”